ตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วงลงในวันนี้ (3 เม.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลของนักลงทุน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้และมาตรการภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามการค้าและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

ราคาทองคำในประเทศเปิดตลาดวันนี้ (วันพุธที่ 2 เมษายน 2568) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท ส่งผลให้ราคาทองแท่งขายออกอยู่ที่ 50,650 บาทต่อบาททองคำ และทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 51,450 บาทต่อบาททองคำ โดยมีรายละเอียดดังนี้: ทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 51,450 บาท

Bitcoin กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังจากเผชิญกับแนวโน้มขาลงต่อเนื่องตลอดสิบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม เมื่อราคาพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ $110,000 ปัจจุบันราคากำลังพยายามปิดเหนือแนวต้านสำคัญ หากทำได้สำเร็จ อาจส่งผลให้เกิดโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่งมากขึ้นในช่วงวันข้างหน้า

ราคาทองคำ Spot ปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไร หลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่องและทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff)

รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 3 เมษายน 2568 – ราคาทองคำในประเทศเช้านี้เปิดตลาดพุ่งขึ้น 650 บาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 51,250 บาท ต่อบาททองคำ สาเหตุหลักมาจากการปรับตัวของราคาทองคำโลก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อบังคับใช้

การใช้เชื้อเพลิงไฮโดรคาร์บอนในการขุด Bitcoin ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการใช้พลังงานจากถ่านหินที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รายงานฉบับใหม่ที่เผยแพร่โดยองค์กรอุตสาหกรรม MiCA Crypto Alliance ร่วมกับแพลตฟอร์มข้อมูลเมตริกความเสี่ยง Nodiens

ราคาทองคำ Spot ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) และมาตรการภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล (Universal Tariffs) ซึ่งส่งผลให้สินค้าทุกประเทศที่นำเข้าสหรัฐถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม

ราคาของ Bitcoin ปรับตัวลดลงจากระดับ $87,241 เหลือ $81,331 ระหว่างวันที่ 28-31 มีนาคม ซึ่งทำให้กำไรที่สะสมมาก่อนหน้านั้นหายไป โดยการปรับฐาน 6.8% ครั้งนี้ส่งผลให้มีการล้างพอร์ต (liquidation) ของสถานะฟิวเจอร์สฝั่งซื้อกว่า $230 ล้าน และเป็นไปตามแนวโน้มขาลง

แหล่งรายได้หลักของเครือข่าย Ethereum จากเครือข่ายการปรับขนาดเลเยอร์ 2 (L2) หรือ “blob fees” ตกลงมาสู่ระดับรายสัปดาห์ต่ำสุดในปีนี้ ตามข้อมูลจาก Etherscan ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 มีนาคม Ethereum ได้รับเพียง 3.18 Ether จากค่าธรรมเนียม blob

Tether ผู้ออกเหรียญ Stablecoin รายใหญ่ของโลก ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์การลงทุนใน Bitcoin อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 8,888 BTC ในวันสุดท้ายของไตรมาสที่ 1 ปี 2025 ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 735 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ปัจจุบัน Tether ถือครอง Bitcoin รวม 100,521 BTC