โบรเกอร์ Forex ที่ดีต้องมีอะไรบ้าง
ปัจจุบันนี้มีโบรกเกอร์เกินขึ้นมาใหม่มากมาย ทั้งที่มีใบอนุญาตและไม่มี ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกโบรกเกอร์ที่ดีในการเทรด ในแต่ละประเทศก็จะมีตัวแทนหรือหรือองค์กรที่คอยกำกับดูแลโบรกเกอร์ เช่น CySec, ASIC, FSP, NFA, CFTC, FSA เป็นต้น ดังนั้นสิ่งที่เราควรพิจารณาในการเลือกโบรกเกอร์ ซึ่งสำคัญมาก มีดังนี้
1. ต้องมีใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex เนื่องจาก Forex เป็นตลาดที่ไม่มีตัวตนอยู่ และด้วยความที่เป็นอย่างนี้กฎหรือว่าใบอนุญาตสำหรับโบรกเกอร์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นเราอาจจะโดนหลอกให้นำเงินไประดมทุนแล้วถูกเชิดเงินหนีหายไปก็เป็นได้ โบรกเกอร์ในประเทศสหรัฐอเมริกาจะต้องลงทะเบียนกับหน่วยงานอย่าง Futures Commission Merchant(FCM), Commodity Futures Trading Commission(CFTC) หรือเป็นสมาชิกของ NFA เป็นอย่างน้อย โดยหน่วยงาน CFTC และ NFA จะตรวจสอบบันทึกประวัติการเกิดการฉ้อฉล ทุจริต คดโกงเงินในการเทรด เราสามารถตรวจสอบกฎของโบรกเกอร์จากสถานะของสมาชิกใน Commodity Futures Trading Commission(CFTC) และ(NFA) เพื่อตรวจดูประวัติของเขาโดยการโทรไปหา NFA ที่หมายเลขโทรศัพท์ (800) 621-3570 หรือตรวจสอบข้อมูลของโบรกเกอร์ผ่านทางเว็บไซต์ที่ www.nfa.futures.org/basicnet เป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมองหาโบรกเกอร์ที่มีประวัติการทำงานที่ขาดสะอาดและการเงินมั่นคง อย่าสนใจโบรกเกอร์ที่ไม่มีองค์กรใดๆ รับรองโดยเด็ดขาด
2. ต้องมีฝ่ายบริการลูกค้า Forex เป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีฝ่ายบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง เมือเรามีปัญหาหรือข้อสงสัยต่างๆ จะได้สอบถามได้ ไม่ว่าจะเป็นทาง อีเมลล์ โทรศัพท์ และการแชทคุยสดๆ และพนักงานเหล่านั้นต้องตอบคำถามเราได้ด้วย การตรวจสอบก็คือทดลองสอบถามพนักงานเหล่านั้นดู ด้วยวิธีการแชทก็ได้หรือวิธีอื่นก็ได้ แต่วิธีการแชตเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุด ปัจจุบันมีหลายโบรกเกอร์ที่สามารถคุยเป็นภาษาไทยได้
3. ต้องมีบัญชี Mini หรือ Micro Accounts โบรกเกอร์ควรจะมีบัญชีที่เรียกว่า Mini Account และยังมีเล็กยิ่งกว่านั้นอีกคือ บัญชี Micro Account ซึ่งแค่เงินหลักสิบหรือหลักร้อยเหรียญก็สามารถเทรดได้ และถือเป็นผลดีกับนักเทรดมือใหม่ เพื่อใช้หาประสบการณ์ในการเทรดจากตลาดจริงๆ หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่ได้มีทุนมากนักก็สามารถเปิดบัญชีเทรดได้
4. ต้องมีการแสดงนโยบายหรือเงื่อนไขของโบรกเกอร์ชัดเจน นโยบายต่างๆของโบรกเกอร์เป็นสิ่งที่เราควรจะรู้เกี่ยวกับโบรกเกอร์ที่เราจะเปิดบัญชีด้วย เพราะสิ่งเหล่านันจะเกี่ยวกับการเทรดของเราโดยตรงเช่น โบรกเกอร์หนึ่งๆ จะต้องมีค่าเงินหลักอย่างน้อย 7 ค่าสกุลเงินให้เราเลือกเทรดได้คือ AUD, CAD, CHF, EUR, GBP, JPY, USD และมีสกุลเงินหลักให้เราเทรดเช่น EUR/USD, GBP/USE, USD/JPY, USD/CAD, USD/CHF, NZD/USD, AUD/USD เป็นต้น
5. มีค่า Transaction Costs หรือที่เรียกกันว่าค่า Spread(ค่าธรรมเนียมในการเปิดออร์เดอร์) ยิ่งค่า Spread ยิ่งต่ำจะทำให้เราสามารถทำกำไรได้มากขึ้น
6. มีการแสดงค่า Margin คือโอกาศในการทำกำไรและโอกาสขาดทุนจะมีสูงซึ่งเปอร์เซ็นต์มาร์จิ้นส่วนมากจะอยู่ที่ 0.25% ถ้าเราหาโบรกเกอร์ที่มีมาร์จิ้นราคาถูกได้ก็ยิ่งดี เมื่อคุณเทรดได้กำไรแต่ว่าคุณขาดทุนมักเป็นดาบสองคมเหมือนกัน คุณต้องทำความเข้าใจกับการสวิงของค่าเงินด้วย และให้ระวังการใช้มาจิ้นของคุณให้มาก
7.มีการแสดงขนาดของการเทรด การเทรด 1 Lot อาจจะแตกต่างการไปตามแต่ละโบรกเกอร์ซึ่งบางโบรกเกอร์อาจจะเท่ากับ 1,000 หรือ 10,000 หรือ 100,000 เหรียญ ต่อ 1 Lot ซึ่งถ้า 1 Standard Lot มีมูลค่า 100,000 เหรียญ และ 1 Mini Lot มีมูลค่า 10,000 เหรียญ และ 1 Micro Lot มีมูลค่า 1,000 เหรียญ
8. มีการแสดง Swap การแสดงค่าSwap ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยของแต่ล่ะประเทศที่ใช้ค่าเงินนั้นๆ อยู่เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยอีกค่าเงินที่อยู่ในคู่ของค่าเงิน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันมากเท่าไร จะทำให้เราต้องจ่ายหรือรับค่า Swap เยอะขึ้นเท่านั้น
5 โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด
5 โบรกเกอร์ Forex ภาษาไทยที่ดีที่สุด
5 โบรกเกอร์ Forex ที่ฝากถอนเร็วที่สุด
"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"