ในอดีตนั้นเมื่อโลกกำลังฟื้นตัวจากยุคหลังสงครามทุกประเทศก็มีความจำเป็นเร่งด่วนในเรื่องการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับประเทศของตนเอง
ตัวแทนจากประเทศต่างๆ รวมกันกว่า 29 ประเทศจึงได้มาเจรจากันที่เมือง Bretton Woods และตกลงกันในระบบเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งข้อสรุปที่จะต้องปรับเปลี่ยนกันในเวลานั้นก็คือต้องมีการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงได้เกิดองค์กรสำคัญของโลกขึ้นมาอย่าง “กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)” ถูกก่อตั้งขึ้นภายใต้ข้อตกลง Bretton Woods และดำเนินการในปี พ.ศ. 2492 และเริ่มมีการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศให้มีความชัดเจนมากขึ้น
ต่อมาปลายปี พ.ศ. 2503 ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราคงที่เริ่มต้นต้องสลายตัวลง สืบเนื่องมาจากปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่มีมากมาย
ในปีพ.ศ.2014 ประธานาธิบดีนิกสันแห่งสหรัฐอเมริกาได้ระงับการผูกเงินดอลลาร์สหรัฐไว้กับทอง โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขการล่มสลายของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่รู้จักกันว่า นิกสัน ช็อก(Nixon Shock) จนนำไปสู่การเกิดตลาดระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราลอยตัว
Forex จึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2014 (ค.ศ.1971) เมื่อการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเปลี่ยนจากระบบตายตัวเป็นแบบลอยตัวเป็นการแลกเปลี่ยนโดยคนกลาง ในการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างสกุลต่างๆ ในอัตราและวันที่กำหนดในการแลกเปลี่ยนนั้น
อัตราแลกเปลี่ยนกำหนดขึ้นจากพื้นฐานของความต้องการของตลาดซึ่งแต่ละฝ่ายยอมรับ ตลาดของการแลกเปลี่ยนเงินตราในตลาดโลก ได้ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการค้าระหว่างประเทศและการล้มเลิกอัตราแลกเปลี่ยนแบบตายตัวในหลายๆ ประเทศ
ต่อมาในกลางปี ค.ศ. 1998 มีปริมาณการแลกเปลี่ยนเงินตราคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1,982 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อวัน (การแลกเปลี่ยนนี้เกิดขึ้นในตลาดลอนดอนกว่า 32% ตลาดนิวยอร์ก 18% และตลาดเยอรมันประมาณ 10%)
ไม่เฉพาะเพียงแค่ขนาดของการแลกเปลี่ยนเงินตราที่เติบโตขึ้น แต่รวมไปถึงอัตราของการแลกเปลี่ยนด้วย ในปีพ.ศ.2520 มีการทำธุรกรรมประมาณกว่า 5,000 ล้านเหรียญ และเพิ่มขึ้น เป็น 600 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเข้าสู่หลัก 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปีพ.ศ. 2535 ซึ่งการเติบโตนี้ ผู้ดำเนินการในการแลกเปลี่ยนสามารถเพิ่มรายได้ขึ้นกว่า 80% ซึ่งมีทั้งสถาบันการเงินและนักลงทุนทั่วไป
เมื่อมีการพัฒนาขึ้นอย่างมากของระบบคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ก็ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับตลาด Forex เป็นอย่างมากเช่นกัน และในการนี้ตัวกลางมืออาชีพ(Broker) ได้มีความสำคัญขึ้นอย่างมาก การแลกเปลี่ยนเงินตราซึ่งเมื่อก่อนต้องขึ้นอยู่กับธนาคารขนาดใหญ่นั้นได้เปลี่ยนไปเป็นผลโดยตรงจากการเติมโตของการตลาดบนอินเตอร์เน็ต ธนาคารได้เริ่มนำเสนอบริการแบบอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลทั่วไป
โบรกเกอร์ออนไลน์จึงเข้ามามีส่วนแบบกว่า 11% ของตลาด ปริมาณการแลกเปลี่ยนของธนาคารขนาดใหญ่ (เช่น Deutsche Bank, Barclays Bank, Union Bank of Switzerland, Citibank, Chase Manhattan Bank, Standard Chartered Bank) จึงเพิ่มขึ้นมาเป็นกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐ ความน่าสนใจของ Forex คือ ไม่ว่าตลาดทุนจะแปรฝันอย่างไรก็ตามก็ไม่ได้กระทบกับตลาด ตัวอย่างเช่น เงินเยนญี่ปุ่นแข็งคาขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วงปี ค.ศ.1988 ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐตกลงกว่า 12% แต่ตลาด Forex ก็ไม่ได้ร่วงลงทีใดที่หนึ่ง การแลกเปลี่ยนเงินตรายังคงเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าออกตลาดได้อยู่เรื่อยๆ Forex เป็นตลาดการเงินที่เปิดตลาด 24 ช.ม. การแลกเปลี่ยนระหว่างธนาคารเกิดขึ้นตลอดเวลาทั่วโลก และอัตราแลกเปลี่ยนจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลาดเวลา ซึ่งสามารถทำการซื้อ-ขายได้หลายครั้งต่อวัน
และด้วยเทคโนโลยีทำให้การลงทุนในตลาดแห่งนี้จึงมีความแตกต่างอย่างมากกับการลงทุนในตลาดอื่นอย่างเทียบไม่ได้ และถึงแม้ธนาคารขนาดใหญ่จะมีเครื่องมือที่ทันสมัย มีพนักงานนับร้อย ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความได้เปรียบ/เสียเปรียบกับนักลงทุนโดยทั่วไปเลย
ต้นทุนในการเข้าตลาดนี้ก็ลดลงเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับในอดีตเพราะสมัยก่อนอาจจะต้องใช้เงินนับพันเหรียญสหรัฐในการเข้าคอร์สอบรมเรียนรู้ ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์หรือซื้อหาข้อมูลการลงทุน และเปิดบัญชีซื้อขายซึ่งไม่มีธุรกิจอื่นที่สามารถเริ่มต้นได้ด้วยทุนที่ต่ำมากเพียง 100-200 ดอลลาร์ก็เริ่มลงทุนได้
ดังนั้นการค้นหาโบรกเกอร์ที่มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือ ก็เป็นเรื่องสำคัญ ทางเว็บ FXhanuman ได้จัดทำรีวิวของโบรกเกอร์ต่างๆ ที่เหมาะสมกับคนไทยไว้แล้วในเว็บไซต์นี้ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในการซื้อขาย ของนักลงทุนเองแล้วล่ะครับ
"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"