ดัชนีความผันผวนของ Bitcoin (DVOL) จาก Deribit ซึ่งใช้วัดความผันผวนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 30 วัน ได้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 63.24% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของนักลงทุนที่กังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึง

ก่อนวันเลือกตั้งในสหรัฐฯ ที่จะถึงในไม่กี่วัน โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันได้ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อย้ำคำมั่นสัญญาที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล โดยในโพสต์ล่าสุดบน Truth Social และ X ในวันที่ 31 ตุลาคม ทรัมป์ได้เชิญชวนให้ผู้ติดตามกว่า 8 ล้านคนของเขาโหวตให้เขาในการเลือกตั้งปี 2024

สถานการณ์ที่นักลงทุนทุ่มเงินลงทุนในกองทุน ETF บิตคอยน์นั้น สะท้อนถึงความคาดหวังที่ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะการเลือกตั้งและส่งผลบวกต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซี โดยยอดเงินไหลเข้าสุทธิของกองทุนบิตคอยน์สปอต เช่น iShares Bitcoin Trust ETF ของแบล็กร็อก ในวันเดียวสูงถึง 872 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

Giancarlo Giorgetti รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของอิตาลี ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับแผนการปรับขึ้นภาษีกำไรจากการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin โดยกล่าวว่าสกุลเงินดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก จึงจำเป็นต้องมีมาตรการด้านภาษีเพื่อควบคุมความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ในงานวันออมทรัพย์โลกเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม

การลงทุนของสถาบันในแอปพลิเคชันบนบล็อคเชน Solana ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีมูลค่าถึง 173 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นการเติบโตมากกว่า 54% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ทำให้ Solana กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งในวงการคริปโตเคอเรนซี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 25% จนแตะระดับสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 73,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญคือความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยอีกสองครั้งในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้ นอกจากนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

UBS ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าจับตามองอย่าง “UBS USD Money Market Investment Fund Token” หรือ “uMINT” ซึ่งเป็น tokenized investment fund บนบล็อกเชน Ethereum เป็นการตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นโทเค็น (tokenized assets) โดย UBS

ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดจากอินโดนีเซียเผยว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมหลังจากที่ได้ลดไปแล้วในเดือนกันยายน

Tether ผู้ให้บริการ Stablecoin ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตและผลกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 ซึ่งทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีกำไรรวม 2.5 พันล้านดอลลาร์ ผลักดันให้กำไรรวมของปีนี้สูงถึง 7.7 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของ USDt (USDT)

Reddit ได้ขายสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลส่วนใหญ่ที่ถือครองในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 ซึ่งมีรายละเอียดในการยื่นเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ล่าสุด ยอดขายที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการถือครอง Bitcoin และ Ether ในคลัง โดยในแบบฟอร์ม 10-Q ได้ระบุว่า: