Larry Fink ประธานและซีอีโอของ BlackRock ผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยในงาน The New York Times DealBook Summit ว่ามุมมองของเขาที่มีต่อ Bitcoin ได้ “เปลี่ยนไปอย่างมาก” ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา จากสินทรัพย์ที่เคยมองว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน

ราคาทองคำในประเทศเช้าวันพุธที่ 3 ธันวาคม 2568 เปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 200 บาท แตะระดับ 63,750 บาท หลังจากเมื่อวันอังคารราคาทองผันผวนหนัก มีการประกาศราคารวม 20 ครั้ง ตลอดวัน และปิดลบรวม 850 บาท ลงสู่ระดับ 63,550 บาท

ตลาดคริปโตเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวในช่วงต้นเดือนธันวาคม หลัง Bitcoin และ Ethereum ดีดขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบราวสองสัปดาห์ ท่ามกลางความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐที่เริ่มอ่อนแรง

ราคา Bitcoin ร่วงแรงในช่วงต้นสัปดาห์ หลังไม่สามารถประคองตัวเหนือระดับ 92,000 ดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาทรุดลงแตะ 84,000 ดอลลาร์ พร้อมล้างโพซิชั่นเลเวอเรจฝั่ง Long ออกจากตลาดกว่า 388 ล้านดอลลาร์ สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อนักลงทุนทั่วโลก

ราคาทองคำในประเทศเช้าวันนี้ (4 ธันวาคม 2568) ขยับขึ้นตามทิศทางตลาดโลก โดยสมาคมค้าทองคำประกาศราคาครั้งที่ 1 เวลา 09.01 น. ปรับเพิ่ม 100 บาท ส่งผลให้ราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ 63,600 บาท และรับซื้อที่ 63,500 บาท ขณะที่เมื่อวานนี้ (3 ธันวาคม)

Tether ผู้ออกเหรียญ Stablecoin รายใหญ่ที่สุดของโลก กลายเป็นศูนย์กลางความร้อนแรงอีกครั้ง หลังจาก S&P Global Ratings ประกาศปรับลดคะแนนความสามารถในการตรึงมูลค่า 1 ดอลลาร์ของ USDt ลงสู่ระดับ “Weak” ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดบนสเกลการประเมินของสถาบัน

ช่วงปลายปีนี้ นักลงทุนทั่วโลกจับตาว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะตัดสินใจ “ลดดอกเบี้ย” ในการประชุมเดือนธันวาคมหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้ว ทุกครั้งที่ Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน มักถูกตีความว่าเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Bitcoin และคริปโต

ธนาคารกลางจีน (PBoC) ส่งสัญญาณแข็งกร้าวอีกครั้งต่ออุตสาหกรรมคริปโต หลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานรัฐกว่า 13 แห่งในกรุงปักกิ่ง โดยย้ำชัดว่า “คริปโตยังคงผิดกฎหมายในจีนแผ่นดินใหญ่” พร้อมประกาศเดินหน้าปราบปรามกิจกรรมผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด

วงการคริปโตสหรัฐฯ กำลังก้าวสู่เฟสใหม่ของการกำกับดูแล หลัง Paul Atkins ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ออกมาระบุชัดว่า หน่วยงานมี “อำนาจเพียงพอ” ในการเดินหน้ากฎเกณฑ์สินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่จำเป็นต้องรอให้สภาคองเกรส

ท่ามกลางกระแสที่โลกคริปโตถูกทำให้ “เป็นทางการ” มากขึ้น ไม่ว่าจะผ่านกฎหมาย กลไกตลาดทุน หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินจากสถาบันยักษ์ใหญ่ คำถามสำคัญที่ยังไม่เคยหายไปคือ นักลงทุนควร ถือครองคริปโตด้วยตัวเอง (self-custody)