Neteller คือ
Neteller คือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์(e-currency) ที่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ทุกตระกูลเงิน และสามารถชำระสินค้าออนไลน์ได้ และ Neteller ยังได้รับการยอมรับจากโบรกเกอร์หลายๆ โบรกเกอร์ เช่น FBS, XM, FXTM, FXCL, Exness, FXopen, Optiontrade, ICMarkets, Liteforex, Paxforex, Octafx และอีกหลายๆโบรกที่ไม่ได้เอ่ยถึง ที่ไว้วางใจ Neteller ในการฝาก-ถอนเงิน
วิธีการสมัคร NETELLER
1. เริ่มต้นสมัคร คลิก เพื่อไปยังหน้าสมัค NETELLER
2. กรอกข้อมูลดังรูป > คลิก Join now
3. บันทึกรหัสถอนเงินเอาไว้ รหัส Secure ID สำคัญมาก > คลิก Deposit now
4. Neteller จะส่งอีเมลล์มาบอกว่าสมัครเรียบร้อยแล้ว
5. เข้ามาหน้าหลักของ Neteller > คลิก verifying your account
ฝากเงิน Neteller และยืนยันบัญชี Neteller
6. คลิก Deposit funds
7. เลือกวิธีฝากเงิน กรณีนี้ผมเลือกฝากโดย VISA debit หรือถ้า Bitcoin จะสะดวกและรวดเร็วมาก
8. กรอกรายล่ะเอียดตามรูป (Neteller ต้องฝากเงินเข้าขั้นต่ำ 5$)
9. ตรวจสอบความเรียนร้อย > คลิก Continue
10. ระบบจะให้กรอก OTP (แนะนำให้ใช้บัตรของธนาคารกรุงเทพ)
11. ฝากเงินเรียบร้อย >คลิก Later
12. คลิก Create security questions
13. เลือกคำถามและคำตอบ 3 ข้อ > Save question **สำคัญมากควรบันทึกคำถามและคำตอบไว้ให้ดี เพราะ Neteller จะถามคุณในภายหลัง
14. คลิก Submit identify verification documents
15. ถึงขั้นตอนนี้ทาง Neteller ให้คุณเพิ่มความปลอดภัยของบัญชีคุณ ถ้าต้องการให้คลิก Enable Two-step แต่ในกรณีนี้ผมไม่ต้องการ > คลิก No thank you
16. ถึงขั้นตอนนี้เป็นการยืนยันตัวตน การยืนยันตัวตนให้ถ่ายรูปบัตรประชาชน , พาสปอร์ต, ใบขับขี่ อย่างใดอย่างหนึ่ง ถ่ายรูปกับมือถือหรือกล่องเป็นไฟร์นามสกุล JPG หรือ PNG > Continue
17. คลิก Start verification
18. เลือกเอกสารที่ต้องการยืนยันตัวตน
19. เลือกไฟร์ ขนาดไม่เกิน 8 MB นามสกุล JPG หรือ PNG > Confirm
20. เมื่ออัฟโหลดเอกสารเรียบร้อยแล้วจะแสดงดังรูป จากนั้นให้รอทาง Neteller ตรวจสอบเอกสารประมาณ 24 ชม. ทำการ
21. เมื่อตรวจสอบเอกสารเรียบร้อยทาง Neteller จะส่งเมลล์ว่าเอกสารได้ Verified เรียบร้อย หรือถ้าเอกสารไม่ผ่าน จะส่งมาบอกว่าไม่ได้อย่างไร
1. กรอกข้อมูลดังรูป > คลิก Join now
- คลิกที่นี่ เพื่อล๊อกอินเข้าระบบ
- คลิก Net+ Cards
- คลิก Get Net+ plastic card
- ตรวจสอบที่อยู่ที่จัดส่งให้เรียบร้อย ถ้าที่อยู่ไม่ถูกต้องคลิก Change address เพื่อแกไขที่อยู่ (ในการขอบัตร Net+ จะมีค่าส่ง 13$) > คลิก Get the Net+ card
- เลือกสกุลเงินในบัตร > คลิก Get the Net+ card
- ขอบัตร Net+ เรียบร้อย รอส่งบัตรประมาณ 2-21 วันทำการ
วิธี Activate Neteller Card (Activate Net+ card)
- คลิกที่นี่ เพื่อล๊อกอินเข้าระบบ
- คลิก Net+ Cards
- คลิก Activate card (ขั้นตอนนี้จะทำได้ก็ต่อเมื่อท่านได้บัตร Net+ มาอยู่ในมือแล้วเท่านั้น)
- กรอกเลขหน้าบัตรและหลังบัตร > คลิก Activate my card
- ระบบจะแจ้งรหัสบัตร 4 หลักให้บันทึกเก็บไว้ > Return to Net+ Cards
วิธีการสมัคร NETELLER อัพเดทล่าสุด 2021
1. เริ่มต้นสมัคร คลิก เพื่อไปยังหน้าสมัคร NETELLER
2. กรอกแบบฟอร์ม (ภาษาอังกฤษ) ให้ครบถ้วน ถัดมาคลิกตรง “ Register ”
3. คลิกเลือกภาพตามคำสั่ง ถัดมาคลิกตรง “ SKIP ”
4. กรอกข้อมูลรายละเอียดที่อยู่อาศัย (ภาษาอังกฤษ) ให้ครบถ้วนทุกช่อง ถัดมาคลิกตรง “ Next ”
5. ฝากเงินเข้าบัญชี Neteller เลือกช่องทางการฝากเงิน วิธีที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดคือ ให้เพื่อนที่มีเหรียญอยู่ โอนเหรียญเข้ามาให้ แต่ถ้าไม่มีเพื่อนที่มีเหรียญ แนะนำทัก “ Line ID : @fxhanuman ” ทางเราจะทำการโอนเหรียญให้คุณ ( เรทราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่สามารถทักเข้ามาคุยกันได้ ) ถัดมาคลิก “ Continue ”
6. กรอกหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ถัดมาคลิกตรง “ Continue ”
7. กรอกรหัสยืนยัน 6 หลัก ที่ส่งมายังเบอร์โทรศัพท์ของคุณ ถัดมาคลิกตรง “ Verify ”
8. สร้างรหัสรักษาความปลอดภัย 6 หลัก ซึ่งรหัสนี้สำคัญมาก ๆ จะต้องใช้ทุกครั้งเมื่อทำการ Login เข้าระบบ ให้คุณบันทึกเก็บไว้ ถัดมาคลิกตรง “ Save ”
9. เมื่อกลับมายังหน้าหลักของบัญชี จะเห็นว่ายอดเงินที่ทำการฝากเข้ามา เข้าสู่บัญชี Neteller เรียบร้อยแล้ว
10. ให้ทำการคลิกตรง “ SETTINGS ” ถัดมาคลิก “ Verification ”
11. คลิก “ VERIFY NOW ”
12. ขั้นตอนการยืนยันตัวตน จะมีอยู่ 2 ช่องทาง แนะนำช่องทางที่สอง คือ “การถ่ายภาพ และอัพโหลดภาพถ่ายเว็บแคม” โดยการอัปโหลดภาพบัตรประจำตัวของคุณ และถ่ายภาพเว็บแคมเพื่อการตรวจสอบใบหน้า > คลิกเลือกช่องทาง “ Take and Upload Webcam Photos ”
13. เมื่อมายังขั้นตอนนี้ คลิกเลือกประเทศ > เลือกประเภทเอกสารที่ใช้ในการยืนยันตัวตนมา 1 อย่าง
14. คลิกเลือกหัวข้อ “ Upload file ”
15. คลิก “ Choose file ” เพื่ออัพโหลดไฟล์เอกสารด้านหน้าของบัตร
16. เมื่ออัพโหลดไฟล์เสร็จแล้วจะขึ้นหน้านี้มา คลิกตรง “ Confirm ”
17. คลิก “ Choose file ” เพื่ออัพโหลดไฟล์เอกสารด้านหลังของบัตร
18. เมื่ออัพโหลดไฟล์เสร็จแล้วจะขึ้นหน้านี้มา คลิกตรง “ Confirm ”
19. ขั้นตอนการยืนยันใบหน้า คลิกตรง “ Start ”
20. เตรียมพร้อมสำหรับวิดีโอเซลฟี่ของคุณ โปรดจัดกรอบใบหน้าของคุณ ให้มีขนาดเท่ากับวงรี จากวงเล็ก ๆ และจะค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น ให้คุณขยับใบหน้าตาม สามารถกระพริบตา และอมยิ้มได้ ปล่อยให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด > คลิกตรง “ I’m ready ”
21. เมื่อขึ้นหน้านี้มาแสดงว่า อัพโหลดเอกสารยืนยันตัวตนเสร็จเรียบร้อย คลิกตรง “ Continue ”
22. ขั้นตอนการอัพโหลดเอกสารยืนยันที่อยู่อาศัย จะมีอยู่ 2 ช่องทาง แนะนำช่องทางที่สอง คือการอัพโหลดเอกสารโดยการถ่ายภาพ และอัพโหลดไฟล์ ซึ่งเอกสารที่ทำการแนบไป จะต้องมีอายุไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ออกเอกสาร และ ชื่อ-นาสกุล, ที่อยู่ ต้องตรงกัน กับเอกสารที่ใช้ยืนยันตัวตน > คลิกเลือกช่องทาง “ Upload Address Document ”
23. คลิกเลือก ประเภทเอกสารยืนยันที่อยู่อาศัย ถัดมา คลิกตรง “ Continue ”
24. คลิก “ Upload files ” เพื่อแนบเอกสารที่ใช้ในการยืนยันที่อยู่อาศัย
25. เมื่อแนบไฟล์เอกสารเสร็จแล้ว คลิกตรง “ Continue ”
26. เมื่อขึ้นหน้านี้มาแสดงว่า อัพโหลดเอกสารยืนยันที่อยู่อาศัยเสร็จเรียบร้อย คลิกตรง “ Continue ”
27. สถานะอยู่ในระหว่างรอดำเนินการ ใช้ระยะเวลาในการตราจสอบเอกสารภายใน 4 ชั่วโมงทำการคลิกตรง “ Continue ” เพื่อกลับไปยังหน้าหลัก
28. เสร็จเรียบร้อยสำหรับการสมัครเปิดบัญชี Neteller เมื่อเอกสารผ่านการตรวจสอบ และได้รับการอนุมัติ จะมีข้อความที่ทาง Neteller ส่งมาให้ผ่านทางอีเมล คุณสามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบัญชีได้ เมื่อมีข้อความแบบนี้ส่งมา แสดงว่าบัญชี “ Verified ” เรียบร้อยแล้ว
ผู้ให้บริการ Skrill และ NETELLER นั้นให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัย ดังนั้น พวกเขาจึงจับตาดูกิจกรรมทางบัญชีอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา เพื่อแทรกแซงเมื่อพบเหตุผิดวิสัย การปฏิบัติตามกฎของผู้ให้บริการจึงเป็นสิ่งที่ควรทำความเข้าใจก่อนการใช้บริการ
บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับสาเหตุที่เป็นไปได้ในการถูกปิดบัญชี วิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด และสิ่งที่ต้องทำหากบัญชี NETELLER และ Skrill ของคุณถูกปิดลงไป รวมถึงวิธีการถอนเงินกลับคืนให้เร็วที่สุดได้อย่างไร
ต่อจากนี้ไปจะขอเรียก Paysafe แทนผู้ให้บริการ NETELLER และ Skill
ทำไมบัญชีจึงถูกปิด
สาเหตุที่บัญชีถูกปิดได้ หลัก ๆ จะมีดังต่อไปนี้
การปิดบัญชีเพื่อความปลอดภัย
ทีมรักษาความปลอดภัยของ Paysafe ได้มีการสอดส่องบัญชีของลูกค้าทุกท่าน (Monitoring) เพื่อดูว่ามีกิจกรรมที่ผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่า และเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติม ทางทีมงานจึงได้ทำการปิดบัญชีเหล่านี้ชั่วคราว (Temporarily Disable) เพื่อตรวจสอบก่อนว่ามีการละเมิดกฏด้านความปลอดภัยจริงหรือไม่
พฤติกรรมต่อไปนี้ เป็นพฤติกรรมที่พบได้บ่อยที่สุดที่อาจทำให้บัญชีถูกปิดชั่วคราว
1. ใช้ VPN (Virtual Private Network), Proxy หรือการเปิดใช้โหมดไม่ระบุตัวตนในรูปแบบต่าง ๆ
2.Logging in จากประเทศที่ทาง Paysafe ไม่ได้ให้บริการ รวมถึงการ Logging in จากต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่ประเทศของเจ้าของบัญชีที่ได้ลงทะเบียนไว้ในตอนแรก
3. ระบุรหัสผ่าน, Secure ID หรือ Two-Step authentication code ผิดติดต่อกันหลายครั้ง
4. พฤติกรรมแปลก ๆ ในบัญชีของคุณ เช่น จำนวนเงินที่ผิดปกติ หรือ จำนวนรายการธุรกรรมที่มากจนเกินไป
*** ตัวอย่างข้างต้นเป็นสาเหตุที่พบเจอได้บ่อย โปรดทราบว่า อาจจะมีอีกหลายสาเหตุนอกเหนือจากนี้ที่ทำให้เกิดการปิดบัญชีชั่วคราวได้เช่นเดียวกัน
การปิดบัญชีเนื่องจากละเมิดข้อกำหนดและเงื่อนไข
เมื่อลงทะเบียนในครั้งแรก จะถือว่าได้ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขไปแล้ว ดังนั้นโปรดอ่านอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจว่าการกระทำใดเป็นสิ่งต้องห้าม
- คุณต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป จึงจะได้รับอนุญาตให้เปิดบัญชีได้
- ผู้ใช้แต่ละคนสามารถมีบัญชี Skrill และบัญชี NETELLER ได้เพียงบัญชีเดียวเท่านั้น ไม่อนุญาตให้สร้างบัญชีหลายบัญชีได้ (โปรดทราบว่า ถ้าผู้ใช้งานอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ก็สามารถเปิดบัญชีใช้งานได้ปกติ)
- การให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เช่น ชื่อและที่อยู่ ถือว่าผิดกฏ
- การฝากเงินและถอนเงิน ซึ่งใช้ชื่อบุคคลที่ 3 (ไม่ได้ใช้ชื่อเดียวกับเจ้าของบัญชี) ถือว่าผิดกฏ
- การทำธุรรกรรมที่ผิดต่อกฏหมาย
- ข้อกำหนดอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งสามารถอ่านได้ในข้อกำหนดและเงื่อนไข
Skrill T&Cs
คลิก
NETELELR T&Cs
คลิก
จะป้องกันการถูกปิดบัญชีได้อย่างไร
การปฏิบัติตามกฏง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ สามารถช่วยหลีกเลี่ยงการถูกปิดบัญชีได้ ดังนี้
1. ห้ามใช้ VPNs, Proxy หรือโหมดไม่ระบุตัวตน รวมถึงการซ่อน IP Address
2. ห้ามเผยแพร่ข้อมูลการ Login ให้กับคนอื่น (Email และรหัสผ่าน)
3. หากคุณมีแผนการเดินทางไปต่างประเทศ และระหว่างนั้นต้องการจะใช้บัญชี Paysafe จากประเทศอื่น ให้ส่งบันทึกย่อไปแจ้งยังฝ่ายสนับสนุนก่อนใช้งานเสมอ
4. ไม่อนุญาติให้สร้างบัญชีมากกว่า 1 บัญชีต่อหนึ่งคน เว้นแต่ว่าบัญชีของคุณจะเป็น Silver VIP ขึ้นไป ซึ่งระบบจะอนุญาติให้เปิดบัญชีเพิ่มในสกุลเงินอื่น ๆ ได้
5. ให้ข้อมูลชื่อและที่อยู่ของคุณที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือนจากความเป็นจริง
6. ห้ามแก้ไขเอกสารใด ๆ ที่ส่งให้กับ Paysafe ซึ่งอาจจะถูกบทลงโทษโดยการปิดบัญชีถาวร
7. ไม่ให้ใช้ชื่อบุคคลที่ 3 ในการทำธุรรกรรมฝากและถอนเข้าบัญชี Paysafe
8. ห้ามทำธุรรกรรมใด ๆ ที่ขัดต่อกฏหมายภายในประเทศ
จะเห็นได้ว่าการคำนึงถึงความปลอดภัยของบัญชีเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมาก ซึ่งถ้าหากคุณต้องการให้บัญชีของคุณปลอดภัย คุณสามารถทำสิ่งนี้เพิ่มเติมได้
- เปิดใช้งาน 2-Step Authentication
- ใช้รหัสผ่านให้คาดเดาได้ยากยิ่งขึ้น
- เปลี่ยนรหัสผ่านให้บ่อยขึ้น อย่างน้อยเดือนละครั้ง
ในบางครั้งเว็บไซต์ Paysafe ไม่สามารถเข้าถึงได้ บัญชีของฉันยังปกติหรือเปล่า
ในบางเวลาที่ไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ Paysafe ได้ จากเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ของคุณ ปัญหาเกิดจาก IP Address ซึ่งเป็นเพราะระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติ กำลังป้องกันรูปแบบการโจมตี DDOS ดังนั้นอาจจะต้องรอเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเพื่อปลดล็อกและใช้งานต่อไปได้ปกติ แต่ถ้าหากยังไม่สามารถเข้าใช้งานได้ ให้ลองตรวจสอบดังต่อไปนี้เพิ่มเติม
- ตรวจสอบว่าคุณยังเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
- ตรวจสอบว่ายังเข้าเว็บไซต์อื่น ๆ ได้ปกติหรือไม่
หากทุกอย่างปกติ ให้รอภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งทางระบบอัตโนมัติ Paysafe จะเคลียร์ล็อกทุกอย่างให้ แต่ถ้าทำทุกอย่างแล้วยังไม่สามารถเข้าใช้งานได้อีก ให้ติดต่อทีมเทคนิคเพื่อแก้ไขรายเคสต่อไป
จะทำอย่างไร หากบัญชีถูกปิด
หากลองเข้าสู่ระบบแล้วเห็นการแจ้งเตือนว่าบัญชีถูกจำกัดหรือถูกปิดชั่วคราว ให้ลองเข้าไปตรวจสอบในอีเมล์เป็นอันดับแรก โดยปกติแล้ว Paysafe จะส่งข้อมูลถึงปัญหาที่พบและแนะนำวิธีในการแก้ไข อาจจะเป็นการส่งเอกสารยืนยันเพื่อทำให้บัญชีกลับมาใช้ได้อีกครั้ง
ในกรณีที่ไม่ได้รับอีเมล์ใด ๆ ให้ติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Paysafe ซึ่งทีมงานจะตรวจสอบบัญชีให้เป็นรายเคส และแจ้งคุณถึงปัญหาและวิธีแก้ไข
จะเกิดอะไรขึ้นกับเงินในบัญชีที่ค้างอยู่ หากบัญชีถูกปิด
หากบัญชีของคุณถูกปิดชั่วคราวก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ทันทีที่ชี้แจงหรือส่งหลักฐานไปบัญชีของคุณจะกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง รวมถึงเงินในบัญชีก็กลับมาใช้งานได้ปกติ
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บัญชีถูกปิดถาวร คุณต้องติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Paysafe จากนั้นพวกเขาจะบอกวิธีการถอนเงินออก หากบัญชีของคุณสามารถคืนเงินได้ โดยปกติการคืนเงินจะอนุญาติให้แค่บัญชีธนาคารที่เป็นชื่อเดียวกับชื่อเจ้าของบัญชี Paysafe เท่านั้น (ไม่อนุญาติบุคคลที่ 3) โปรดทราบว่าดุลพินิจทั้งหมดเป็นของทางทีมงาน Paysafe ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละกรณี
Paysafe สามารถใช้สิทธิ์ให้การหักค่าธรรมเนียม 150 USD/EUR ของยอดเงินในบัญชี ในกรณีที่ผิดกฏหมายหรือฉ้อโกง
หากบัญชีเก่าถูกปิดลงไป สามารถเปิดบัญชีใหม่ได้อีกหรือไม่
จากข้อมูลทั้งหมดข้างต้น เราทราบว่า Paysafe อนุญาติให้ 1 คนต่อ 1 บัญชี ดังนั้นหากคุณถูกปิดบัญชีเก่าลงไป จะไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างบัญชีใหม่ได้อีกต่อไป
----------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you
"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"