FXhanuman.com เป็นเว็ปไซต์รีวิวโบรกเกอร์ Forex สรุปข้อดีข้อเสีย ค่าสเปรต Leverage โปรโมชั่นที่น่าสนใจของแต่ล่ะโบรกเกอร์ วิธีสมัคร วิธีการฝากเงิน วิธีการถอนเงิน ซึ่งวิธีการต่างๆ ทางทีมงาน Fxhanuman.com ได้ทดลองทำทดลองใช้ทดลองเทรดด้วยตัวเอง ไม่ได้คัดลอกบทความจากที่อื่นแม้แต่น้อย บางหัวข้อที่ยังไม่ได้จัดทำรีวิวแสดงว่าทางเว็ปกำลังทดลองและจัดทำ เพื่อจัดหาโบรกเกอร์ที่เหมาะกับความต้องการของสมาชิกของเราอย่างเต็มที
คำถามคือ "ทำไมต้องเลือกโบรกเกอร์ที่ดี? และโบรกเกอร์ที่ดีเป็นแบบไหน?" ก็เพราะเงินที่เราเทรดเป็นเงินของเราที่เราหามาด้วยความยากลำบาก เราจำเป็นต้องมั่นใจในโบรกเกอร์เพราะเราต้องเอาเงินนี้ไปฝากไว้ที่โบรกเกอร์เพื่อที่จะสามารถเริ่มต้นเทรดได้ อย่างน้อยที่สุดที่เราควรจะศึกษาโบรกเกอร์ที่เราจะเทรดกับเขาเพื่อเงินทุนของเราจะได้ปลอดภัยอยู่ในโบรกเกอร์ที่ดีและไว้ใจได้ ปัจจุบันนี้โบรกเกอร์มีมากมายหลายโบรกเกอร์และการแข่งขันระหว่างโบรกเกอร์นั้นมีสูงมาก ดังนั้นแต่ละโบรกก็จะมีโปรโมชั่นต่างๆ ที่เร้าใจและดึงข้อดีของตัวเองออกมาทำให้เป็นสิ่งที่ดีต่อเทรดเดอร์อย่างเรา ดังนั้นการเลือกโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดมาเทรดนั้นเป็นสิทธิของเทรดเดอร์อย่างเรา แล้วโบรกเกอร์ที่ดีควรจะเป็นแบบไหนล่ะ ? เราได้รวบรวมคุณสมบัติของโบรกเกอร์ที่ดีไว้บางส่วนแล้ว คลิก
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
วิธีถอนเงินออก Swissquote
เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพด้วยเส้น EMA(Exponential Moving Average) Indicator EMA เป็นเครื่องมือจับแนวโน้มที่สามารถใช้จับแนวโน้มแบบเล่นตามเทรนด์ได้ มีความแม่นยำสูงและมีความเรียบง่ายที่สุดในการมองภาพให้ออก
วิธีการใช้งาน EMA
1. ดูที่ช่อง Navigator ซ้ายมือแล้วไปที่ Indicator>Trend>Moving Average ดับเบิลคลิก
2. ตั้งค่าตามรูป
3. ทำตามขั้นตอนที่ 1 อีกครั้งแต่ครั้งนี้ปรับค่า Period เป็น 48 และเปลี่ยนสีของเส้นเป็นสีแดง(หรือใครชอบสีอื่นก็ได้)
วิธีการใช้งานคือเมื่อเส้นสีเขียวตัดกับเส้นสีแดงขึ้นให้ Buy และเมื่อเส้นสีเขียวตัดกับเส้นสีแดงลงให้ Sell
เทคนิคดังกล่าวใจใช้ได้ผลสำหรับ Time frame M15 ขึ้นไป ไม่แนะนำให้ใช้กับ Time frame M1,M5 จำไว้ว่าถ้า Time frame ยิ่งใหญ่ยิ่งได้ผลดี แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ว่าโอกาสที่ท่านจะได้เล่นนั้นน้อยลงเรื่อยๆตามขนาด Time frame เช่นใน Time frame D1 โอกาสที่เส้น EMA ตัดกันแต่ล่ะครั้งใช้เวลาหลายเดือน
"ทำไมเราต้องรวย บางคนบอกว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้ แต่ความจนก็ซื้อความสุขไม่ได้เช่นกัน ทำไมถึงไม่เป็นคนรวยที่มีความสุข ดีกว่าเป็นคนจนแล้วมีความสุข"
Jack. Sarawut : ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ FXhanuman.com
Stochastics หรือ STO คือดัชนีวัดการแกว่งตัวของราคาที่ศึกษาความสำพันธ์การเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาหนึ่งกับราคาปิด โดยมาจากข้อสังเกตที่ว่าถ้าการสูงขึ้นของราคานั้นมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อไป ราคาปิดของหุ้นนั้นจะอยู่ใกล้กับราคาสูงสุด แต่ถ้าราคาของหุ้นมีแนวโน้มลดต่ำลง ราคาปิดจะอยู่ใจระดับเดียวกับราคาต่ำสุดของวัน
ถ้าราคาหุ้นกำลังจะเปลี่ยนทิศทางจาก ขึ้น เป็น ลง เรามักจะพบว่าราคาในระหว่างชั่วโมงการซื้อขายอาจจะสูงขึ้น แต่ราคาปิดจะอยู่ใกล้เคียงกับราคาต่ำสุดของวัน แต่หากราคาหุ้นกำลังจะเปลี่ยนทิศทางจาก ลง เป็น ขึ้น ราคาปิดจะมีราคาใกล้เคียงกับราคาสูงสุดของวัน แม้ว่าในระหว่างชั่วโมงซื้อขายราคาอาจจะลดต่ำลงความสำพันธ์ระหว่างราคาสูงสุด-ต่ำสุดกับราคาปิด ได้ถูกนำมาพัฒนาเป็นสูตรสมการในการดูแนวโน้มขึ้น หรือลงของราคาหุ้นในช่วงสั้นๆ โดยนำมาใช้ดูว่า ราคาปิดอยู่ที่ระดับกี่เปอร์เซ็นต์ของช่วงราคาที่ซื้อขายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
วิธีการใช้งาน STO
1. ที่ช่อง Navigator > Indicator > Oscillators > Stochastic Oscillator คลิกค้างแล้วลากมาวางที่กราฟ
2. ตั้งค่าดั่งรูป
3. สัญญาณเตือน “Buy” เกิดขึ้นเมือ เส้น Stochastic เข้าเขต Over Sold ที่บริเวณต่ำกว่า 20% และควร Buy เมือเกิดสัญญาณ “Buy” จากการที่เส้นสีแดงตัดเส้นสีเขียวขึ้นดังรูป
4. สัญณาณเตือน “Sell” เกิดขึ้นเมื่อเส้น Stochastic เข้าเขต Over Bought ที่บริเวณระดับสูงกว่า 80% และควร Sell เมื่อเกิดสัญญาณจากการที่เส้นแดงตัดเขียวลงดังรูป
Stochastic นั้นเหมาะใช้กับ Timeframe M5 และ M15 ได้ดี ในช่วง sideways หรือช่วงราคาวิ่งอยู่ในกรอบแคบๆ
การใช้ Stochastic ให้มองราคากับเส้น Signal เข้าโซนกลับตัว จุดเข้าออกคือโซน 10-25 และ 75-90 การใช้เครื่องมือตัวนี้เหมาะกับการเทรดสั้นๆ ในกรอบสีแดงบอกเส้นโซนของ Stochastic ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะสมในการทำกำไรระยะสั้น
สรุปการเทรดโดยใช้ Stochastics หรือ STO
- ใช้ในการบอกสัญญาณเมื่อตลาดมีภาวะ Overbought และ Oversold
- เมื่อเส้น Stochastic อยู่เหนือเส้น 80 หมายความว่าตลาดนั้นมีการซื้อเยอะเกินไปและเราควรหาจังหวะ Sell
- เมื่อเส้น Stochastic อยู่ต่ำกว่าเส้น 20 หมายความว่าตลาดนั้นมีการขายเยอะเกินไปและเราควรหาจังหวะ Buy
MACD ย่อมาจาก Moving Average Convergence/Divergence คือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคา 2 เส้น สร้างขึ้นโดยใช้หลักการความต่างระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 2 เส้น โดยที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เส้นหนึ่งใช้ระยะเวลาในการคำนวณยาวกว่าเส้นค่าเฉลี่ยอีกเส้นหนึ่ง
1. เล่นตามสัญญาณ
- เส้นแดงตัดกับเส้นขาวขั้นให้ Buy
- เส้นแดงตัดกับเส้นขาวลงให้ Sell
2. การใช้งาน MACD เพื่อหาจุดกลับตัว
การใช้ MACD สามารถใช้หาจัดกลับตัวของราคาได้แม่นยำ(ถ้าเราสามารถมองออก) เราจะใช้ในการจับสัญณาณกลับตัวของราคาที่เรียกว่า Divergent ได้
การใช้ MACD ในลักษณะนี้เป็นการมองจากราคาแท่งเทียนจากยอดสูงสุดอันหนึ่งไปยังยอดสูงสุดอีกอันหนึ่ง และมอง Indicator MACD จากยอดภูเขาสูงสุดหนึ่ง ไปยังยอดภูเขาสูงสุดอีกอันหนึ่ง ซึ่งถ้าราคามองขึ้น และ MACD มองลงแสดงว่าเกิด Divergent ขึ้น ให้เชื่อสัญญาณจาก MACD แต่ในกรณีที่เกิด Divergent ขึ้นแล้วแต่กราฟยังไม่กลับตัว เป็นไปได้ว่าเรามองใน Timeframe เล็กเกินไป
สรุปการใช้งาน MACD
- ใช้ในการจับเทรนด์และสามารถช่วยเรากำหนดจุดกลับเทรนด์ได้
- MACD มันประกอบด้วยเส้น Moving Average 2 เส้น(1 fast, 1 slow) และเส้นแนวตั้งที่เราเรียกว่า Histogram ซึ่งใช้วัดความต่างของเส้น Moving Average 2 เส้นดังกล่าว
- ตรงกันข้ามกับสิ่งที่หลายๆ คนคิด คือเส้น Moving Average ที่อยู่ใน MACD ไม่ใช่เส้นราคาเฉลี่ยของราคาตลาดแต่เป็นเส้นค่าเฉลี่ยของเส้นค่าเฉลี่ยอีกทีหนึ่ง
- MACD นั้นเคลื่อนไหวตอบสนองช้าเพราะว่ามันใช้ค่าเฉลี่ยของเส้นราคาเฉลี่ยอีกทีหนึ่ง ควรระวังให้ดีในการเทรด
- วิธีการหนึ่งในการใช้ MACD คือการรอให้เส้น Fast ข้ามเส้น Slow เพราะว่ามันเป็นสัญญาณว่าจะเกิดเทรนด์ใหม่
การใช้ MACD เพื่อหาจุดกลับตัวนั้นต้องฝึกมองบ่อยๆ ถึง จะเข้าใจการเคลื่อนไหวของราคาที่สัมพันธ์กันได้
Bollinger Band หรือ BB เป็นเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ สำหรับใช้วิเคราะห์ราคาที่บ่งบอกความต่อเนื่องและการเคลื่อนที่ของราคาได้ชัดเจน โดยทำให้เรามองเห็นภาพที่กว้างขึ้นและเห็นกรอบการเคลื่อนที่ในการวิ่งของราคาและความต่อเนื่องของราคาได้ดี ประกอบด้วยเส้นสามเส้นคือ
- เส้นกรอบบน (BB Top)
- เส้นค่าเฉลี่ย Simple 20 ที่อยู่ตรงกลาง 1 เส้น (BB Average)
- เส้นกรอบล่าง (BB Bottom)
Bollinger Bands จะเคลื่อนที่ไปพรอมกับแนวโน้มของราคาโดย เส้น BB Top ทำหน้าที่เป็นแนวต้าน และเส้น BB Bottom ทำหน้าที่เป็นแนวรับ ในขณะที่ BB Average ทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งแนวโน้มระหว่างแนวรับ-แนวต้าน ดังรูปที่ 1
จากภาพจะทำให้เราทราบกรอบการวิ่งของราคาได้ว่าราคากำลังวิ่งไปในลักษณะลงแรงก่อนจะกลับมาค่อยๆ วิ่งขึ้นไป
วิธีการเล่น
เมื่อสังเกตจากรูปที่ 2 จะเห็นว่าแท่งเทียนเป็นลักษณะเข็มทิ่มออกจากเส้น Bollinger Band แล้วราคาจะกลับตัว หมายความว่าถ้าแท่งเทียนออกนอก Bollinger Band เส้นบนราคาจะกลับลงล่าง ถ้าแท่งเทียนออกนอก Bollinger Band เส้นล่าง ราคาจะกลับขึ้นบน ข้อสังเกตคือถ้าแท่งเทียนออกนอก Bollinger Band ไปแล้วประมาณ 50-100% ของแท่งเทียน จะเป็นสัญญาณกลับตัวที่ดี ดังรูป ที่ 3
การเทรดด้วย Bollinger Band ที่มีประสิทธิภาพต้องรอให้สัญญาณจบก่อนคือ รอแท่งเทียนออกนอก Bollinger Band เกิน 50-100% และต้องตั้ง Stop Loss ไว้ทุกครั้งที่ปลายเข็มแท่งเทียนที่เพิ่งจบไป เพื่อป้องกันเวลาราคาวิ่งต่อไม่หยุด ดังรูปที่ 3
Bollinger Band เป็น Indicator ที่เหมาะจะใช้เล่นสวนเทรนด์จึงต้องป้องกันการขาดทุนจำนวนมากไว้ทุกครั้งโดยการตั้ง Stop Loss และ Bollinger Band ใช้เล่นกับ Timeframe ใหญ่ได้ดีตั้งแต่ H1 ขึ้นไป
สรุปวิธีการใช้ Bollinger Band
- ราคาจะอยู่ในกรอบ หากทุลุเส้นบนหมายถึงภาวะ Over Bought(มีการซื้อมากเกินไป) หากทะลุเส้นล่างหมายถึงภาวะ Over Sold(มีการขายมากเกินไป) และราคามักจะกลับมาอยู่ในกรอบเสมอ
- การซื้อขายอยู่ระหว่างเส้น BB Average กับเส้น BB Top จะเป็นลักษณะตลาดแนวโน้มขาขึ้น เกาะเส้นบนไปเรื่อยๆ ซึ่งในทางตรงกันข้ามกันการซื้อขายที่อยู่ระหว่างเส้น BB Average กับเส้น BB Bottom เป็นลักษณะตลาดในขาลงจะเกาะขอบล่างลงไปเรื่อยๆ
- เมื่อตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เส้น BB Average จะทำหน้าที่เป็นแนวรับ ในขณะที่เส้น BB Top เป็นเป้าหมายที่ราคาจะไปถึงและจะวิ่งเกาะขอบต่อไปในกรอบตราบเท่าที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลง ในทางกลับกันถ้าเป็นขาลงจะเหมือนกันคือเกาะรอบลงมาเรื่อยๆ โดยเส้น BB Average จะทำหน้าที่เป็นแนวต้านให้จนกว่าจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น
- ถ้าราคาเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบที่แคบ Bollinger Band แคบเล็กลงมา นั้นหมายความถึงกราฟมันกำลังจะเปลี่ยนเป็น Sideways
- ถ้าราคาเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบที่แคบแล้วปากของ Bollinger Band เริ่มกว้างขึ้น แสดงว่ากำลังจะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นหรือขาลงที่รุนแรง
- ถ้าราคาวิ่งทะลุ BB Top โดยไม่มีเหตุผล ราคาจะวิ่งกลับมาที่ BB Bottom ในทางตรงกันข้ามถ้าราคาวิ่งทะลุ BB Bottom โดยไม่มีเหตุผล มันจะวิ่งกลับมาที่ BB Top เสมอๆ เช่นกัน
EA ที่ดีที่สุดเป็นแบบไหน? ใช้ EA มันจะคุ้มไหม ? EA ส่วนใหญ่ใช้ไปแรกๆ กำไรดีแต่สุดท้ายก็ล้างพอร์ตอยู่ดี? ให้คุณเข้าใจก่อนว่าในโลกนี้ไม่มี EA ที่แย่ที่สุด หรือดีที่สุด แต่อยู่ที่ว่า EA ตัวนั้นจะทำกำไรให้เราได้นานแค่ไหนและกำไรดีได้เราก็ต้องพอใจ เห็นด้วยไหมครับ
EA ของเราเป็น EA แบบ EMA Martingel ซึ่งจะเปิดออเดอร์สวนทางกับเส้น EMA ซึ่งจากผลการรันจริงและทดสอบ EA สามารถเอาชนะตลาดได้ในระยะยาว ผลกำไรเฉลี่ยอยู่ที่ 10-40% ต่อเดือนแต่ขอพูดตรงๆ ว่าโอกาศล้างพอร์ตอาจจะเกินขึ้นได้คุณก็สามารถทำกำไรกับมันได้ระยะยาว กรุณาโหลดผลการทดสอบข้างล่างนี้ดูแล้วคุณจะเข้าใจมากขึ้น ....
ทางทีมงาน FXhanuman จะรัน EA ให้ลูกค้าฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่ท่านเปิดพอร์ตภายใต้ทีมงาน FXhanuman ของเราโดยจะมีโบรกเกอร์ให้ท่านเลือก 3 โบรกเกอร์ดังนี้
- Fxprimus / ดูข้อดีข้อเสีย คลิกที่นี่ / เปิดพอร์ต คลิกที่นี่
- โบรกเกอร์ LPTrades / เปิดพอร์ต คลิกที่นี่
ผลการ Backtest 3 ปี คู่เงิน EURUSD เงินลงทุน 1000$ กำไรรวม 16,882 $
สิ่งที่ควรรู้ในการเทรดกับ EA EMA Martingel
- เปิดพอร์ตขั้นต่ำ 1000$
- ถอนกำไรออกทุกๆ สองสัปดาห์หรือทุกๆ เดือน ให้เหลือทุนไว้ 1000$
- อีเอจะหยุดเทรดก่อนมีข่าวประชุมสำคัญๆ ข่าวดอกเบี้ย และข่าว Non-farm (ถ้ามีออเดอร์ค้างก่อนถึงข่าวอาจจำเป็นต้องปิดออเดอร์หรือเฮดไว้ก่อนข่าว)
- จากผล Back test ย้อนหลัง 3 ปีมีล้างพอร์ตประมาณ 2 ครั้งในปี 2015 (ช่วงเวลาการ back test ตั้งแต่ 1/1/2014- 30/8/2016) แต่จะมีกำไรประมาณ 16,882$ หรือประมาณ 16 เท่าของเงินลงทุน
สรุป EA EMA Martingel
สามารถอยู่ทำกำไรได้ในระยะยาว แต่นักลงทุนต้องเตรียมใจไว้ว่าอีเอมีล้างพอร์ต แต่มันจะไม่เกิดขึ้นบ่อยๆ 3 ปีล้างพอร์ตแค่ 2 ครั้ง ซึ่งเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ได้ประมาณ 16,000 $ ใน 3 ปี ก็ถือว่าเป็นผลกำไรที่ไม่เลวเลยทีเดียว ซึ่งจากการทดลองเมื่อ EA ล้างพอร์ตเราจะเติมเงินเข้าไปใหม่เป็นจำนวน 1000$ เหมือนเดิม ซึ่งหมายความว่าท่านต้องมีเงินสำรองไว้ 1000$ ถ้านักลงทุนทำได้แบบนี้นักลงทุนสามารถชนะตลาดได้ด้วยเครื่องมือตัวนี้ครับ ”EA EMA Martingel”
ดูผลการทดสอบ EA คลิกที่นี่
สามารถสอบถามรายล่ะเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Line ID: @fxhanuman
แนวรับคือเมื่อกราฟลงมาถึงจุดๆ หนึ่งแล้วไม่สามารถทะลุลงไปมากกว่าเดิมได้อีกจะมีแรง Buy ขึ้นไปได้ทุกๆครั้งหรือพูดง่ายๆว่าแนวรับรับไว้ไม่ให้ตก และแนวต้านคือเมื่อกราฟขึ้นมาถึงจุดๆ หนึ่งแล้วไม่สามารถขึ้นไปมากกว่าเดิมได้อีกจะมีแรง Sell ลงไปได้ทุกๆ ครั้งหรือพูดง่ายๆ คือต้านไว้ไม่ให้ขึ้น
ก่อนการตีเส้นแนวรับแนวต้านผมอยากให้ท่านผู้อ่านเข้าใจคำว่า”แนวรับแนวต้านสำคัญ” แนวรับแนวต้านสำคัญคือจุดที่กราฟมาถึงจุดจุดนึงเกินสองครั้งและไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ เรียกว่าแนวรับแนวต้านสำคัญ ยิ่งกราฟมาชนแนวรับแนวต้านหลายครั้งแต่ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ แนวรับแนวต้านนั้นยิ่งแข็งแกร่ง
วิธีเทรดเมื่อกราฟชนแนวรับแนวต้าน
จากรูปเป็นแนวต้านสำคัญที่กราฟมาชนถึงสามครั้งแต่ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ วิธีการเล่นคือเมื่อกราฟมาชนแนวต้านให้เรา Sell และตั้ง Stop Loss ไว้ให้เลยแนวต้านไปซัก400-500จุดหรือตามความเหมะสม
ซึ่งการเปิดออเดอร์ Sell หรือ Buy ที่จุดแนวรับแนวต้านถือว่าเป็นการเปิดออเดอร์ทีเหมาะสมมากเพราะว่าโอกาสถูกทางสูง แต่ถ้ากราฟมันทะลุไปได้ก็สามารถ Cut loss ได้ในระดับที่ขาดทุนไม่มากนัก ส่วน Take Profit ก็ขึ้นอยู่กับความโลภเลยครับ หรือไม่ก็ตั้ง Take Profit ไว้ที่แนวรับแนวต้านถัดไปจะดีกว่า สิ่งที่ควรระวังคือบางครั้งกราฟจะทะลุเส้นแนวรับแนวต้านออกไปทำให้บางคนที่เปิดออร์เดอร์ไว้ตกใจรีบ Cut Loss ทิ้ง แต่สุดท้ายกราฟแค่ทะลุหลอก
วิธีเทรดเมื่อกราฟทะลุแนวรับแนวต้าน
จากรูปจะเป็นเทรนขาขึ้นและจะมีเส้นแนวรับดังรูป จะเห็นได้ว่ากราฟชนแนวรับ 2 ครั้งในวงกลมดังรูป และเมื่อมาชนครั้งที่ 3 ปรากฏว่ากราฟได้ทุลุแนวรับลงมาได้ ดังนั้นถ้ากราฟทะทุแนวรับลงมาอย่างชัดเจนให้เปิดออเดอร์ Sell และตั้ง Stop loss ไว้เหนือเส้นแนวรับเดิมดังรูป
จากรูปจะเป็นเทรนขาลงกราฟชนแนวต้าน 3 ครั้งดังวงกลมในรูปและเมื่อกราฟมาชนแนวต้านครั้งที่ 4 ปรากฏว่ากราฟสามารถทะลุแนวต้านขึ้นไปได้ ดังนั้นให้เปิดออเดอร์ Buy และตั้ง Stop loss ไว้ใต้แนวต้านดังรูป ส่วนการตั้ง Take profit ให้ตั้งที่แนวรับแนวต้านถัดไปหรือจะเลื่อน Stop loss ให้เป็นบวกไว้ป้องกันการขาดทุน
การเทรดในลักษณะนี้ข้อควรระวังคือกราฟอาจจะทะลุแนวรับแนวต้านหลอกๆ ให้นักเทรดควรระวังและควรตั้ง Stop loss ทุกครั้งป้องกันการขาดทุน ในการเทรดให้นักเทรดเปิดดูกราฟย้อนหลังและลองหัดตีเส้นแนวรับแนวต้านและพยายามดูพฤติกรรมการชนแนวรับแนวต้านและการทะลุแนวรับแนวต้านของกราฟ
การตีเส้นแนวรับแนวต้าน
1. คลิก Horizontal line 1 ครั้งดังรูป
2. คลิกตรงพื้นที่ว่างสีดำ 1 ครั้ง เส้น Horizontal line ก็จะมาวางบนพื้นที่ว่าง
3. ดับเบิลคลิกที่เส้น แล้วใช้เมาส์ลากขึ้นลง เส้นจะเลือนตามเมาส์ที่เราลาก
4. มองหาจุดแนวรับแนวต้านที่กราฟไม่สามารถทะลุผ่านได้ อย่างน้อยกราฟต้องมาชนแนวรับแนวต้านนั้นสองครั้งขึ้นไปถึงจะเป็นแนวรับแนวต้านที่สำคัญ ลากเส้น Horizontal line ไปตรงไว้ตรงแนวรับแนวต้าน
การตีเส้นแนวรับแนวต้านนั้นต้องอาศัยการฝึกฝน แรกๆ อาจจะมองกราฟไม่ออกแต่ลองฝึกไปเรื่อยๆ เดียวมองออกเองครับ
วิธีเข้าร่วมเรียนรู้และเข้าแข่งขันโครงการ Trader Warrior Camp (สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนและมาในวัน Audition เท่านั้น)
1.เปิดพอร์ตกับ Fujifx ตาม link https://www.fujifx.com/index.php?reflink=straighttons วิธีสมัครดูข้างล่าง
2.ฝากเงิน $100, $ 500, $1,000, $5,000, $10,000 (Fixrate 36บาท/ดอลล่า เรจอาจจะมีเปลี่ยนแปลงได้ตามความผันผวนตามอัตราแลกเปลี่ยน) โดยผ่าน Fuji card เท่านั้น สามารถสั่งซื้อ Fuji card โดยโอนเงินไปที่
3. เมื่อโอนเงินเรียบร้อยแล้ว
- แจ้งชื่อนามสกุล
- หลักฐานการโอนเงิน
- เลขพอร์ต
- email
ไปยัง Line ID:@straighttons
4.ขั้นตอนการเติมเงิน โดย Fuji Card ดูข้างล่าง
5. แอดมินจะใช้ email ของท่าน (ต้องใช้ gmail เท่านั้น) เพื่ออนุญาติให้ดู video บน youtube part 4-6 และ เรียน live สด ผ่าน youtube ตามตารางเรียนค่ะวิธีเข้าดูวิดีโอผ่าน youtube ดูข้างล่าง
วิธีเข้าดูวิดีโอผ่าน youtube
1.เข้า wwwyoutube.com หรือ Application youtube จากมือถือของท่าน
2. login เข้า youtube โดยใช้ email ที่เป็น gmail เท่านั้น
3.เข้าดู วิดีโอตามลิงค์ ดังนี้ค่ะ
วิเคราะห์กราฟเปล่าอย่างเซียน 1
Part 1 การลงทุน/เก็งกำไรคืออะไร forex คืออะไร
https://www.youtube.com/watch?v=KXaGzjCDUxM
Part 2 Forexคืออะไร ซื้อขายอย่างไร(การใช้ Mt4แบบละเอียด)
https://www.youtube.com/watch?v=LE13NrKkS1I
Part 3 แนวคิด จิตวิทยา และการบริหารการลงทุน
https://www.youtube.com/watch?v=d3aekGckwRU
part 4 วิเคราะห์แนวโน้มด้วยกราฟเปล่าอย่างไร
https://youtu.be/rsBYt3z-BtI
part 5 การหาจุดเข้าด้วย แนวรับ-แนวต้าน Trend Line Chanel Line Fibonacci Retracement[m
https://youtu.be/9xgQq3o__m0
part 6 การยืนยันการกลับตัวและการ Breakout ของราคาด้วย Candle Stick Price Action(รูปแบบแท่งเทียน)
https://www.youtube.com/watch?v=W0HgEtp4Glo
บทเสริมที่ 1 วิธีติดตั้ง EA จำลองการเทรด สำหรับ Backtest
https://www.youtube.com/watch?v=nt5UPIjYECQ
บทเสริมที่ 2 การใช้ MT4 บนมือถือ
https://youtu.be/ixM1OoPwotQ
วิธีสมัคร Fujifx
1. สมัครโดยผ่านลิ้ง https://www.fujifx.com/index.php?reflink=straighttons
2. คลิก Register ดังรูป
3. กรอกข้อมูลตามคำอธบายในรูป
4. คลิก My Detals > Trading Accounts > Open new trading account จากนั้นเลือกบัญชีแบบ Standard สำหรับการแข่งขัน แนะนำให้ใช้ Leverage 1:1000
5. สมัครและเปิดบัญชีเทรดเรียบร้อย จากนั้นนำรหัสดังรูป login ในโปรแกรม MT4 ในมือถือหรือโน้ตบุคของท่าน การใช้ MT4 บนมือถือ https://youtu.be/ixM1OoPwotQ
ฝากเงินและการโอนเงินภายใน Fujifx
1. ล๊อกอินเข้าระบบ Fujifx คลิกที่นี่
2. ทำตามรูป
3. ท่านสามารถสั่งซื้อบัตรเติมเงิน Fujicard ได้ที่ Line ID:@straighttons
4. การฝากเงินเสร็จเรียบร้อย
5. การโอนเงินระหว่าง Wallet ไปยังบัญชีเทรด
6. เสร็จขั้นตอนเงินจะเข้าพอร์ตทันที เปิดโปรแกรม MT4 เริ่มเทรดได้เลย
การเทรด Forex ให้ประสบความสำเร็จนั้นนอกจากด้านเทคนิคที่มีความสำคัญแล้วสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือช่วงเวลาที่มีข่าว ข่าวที่เกิดขึ้นในตลาด Forex สร้างความผันผวนให้ตลาดอย่างมาก ซึ่งบางข่าวสามารถทำลายกฎการใช้เครื่องมือด้านเทคนิคเกือบหมด
การติดตามข่าวในตลาด Forex ที่มีความแม่นยำสูงและข้อมูลน่าเชื่อถือ สามารถติดตามได้จาก www.forexfactory.com
ขั้นที่ 1 สิ่งที่ต้องสนใจในการเทรดข่าว
1. เรื่องค่าสกุลเงิน ถ้าเทรดสกุลไหนก็ต้องสนใจเฉพาะสกุลนั้น เช่นถ้าเราเช่น EUR/USD ก็สนใจเฉพาะข่าวของ USD และ EUR และเราต้องรู้ด้วยว่าถ้าข่าวออกมาจะทำให้ค่าเงินเราขึ้นหรือลง เช่น ถ้าเราเล่น EUR/USD ถ้าข่าวดอลลาร์สหรัฐออกมาดีแสดงคู่เงินที่มี USD อยู่หลังกราฟจะลง แต่ถ้าข่าว USD ออกมาไม่ดีกราฟจะขึ้น ในทางกลับกันถ้าข่าว EUR ออกมาดีกราฟจะขึ้นแต่ถ้าข่าว EUR ออกมาไม่ดีกราฟจะลง
2. เรื่องระดับความแรงของข่าว ระดับความแรงขอข่าวจะมีสามระดับ
ข่าวสีเหลืองจะมีระดับความแรงน้อยหรือแทบไม่มีผล
ข่าวสีส้มจะมีระดับความแรงปานกลางมีผลให้กราฟขยับไม่มากนัก
ข่าวสีแดงมีระดับความแรงสูง ต้องให้ความระมัดระวัง
3. ค่าตัวเลขจริงที่ออก(Actual) ถ้าค่าตัวเล่นจริงที่ออกมาต่างจากค่าก่อนหน้า(Previous)มาก ยิ่งมีผลทำให้ค่าเงินวิ่งขึ้นลงแรงมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับความแรงของข่าวด้วย
ขั้นที่ 2 ตั่งเวลาข่าวให้ตรงกับประเทศไทย
เนื่องจากข่าวใน forexfactory เป็นเวลาต่างประเทศ เราต้องตั้งค่าเวลาให้ตรงกับประเทศไทยก่อนที่จะเริ่มดูข่าว มีขั้นตอนการตั่งค่าดังนี้
1. คลิกตรงรูปนาฬิกาตรงหัวมุมบนขวาดังรูป
2. ตั้งค่าดังรูปแล้วกด Save Settings
ขั้นตอนที่ 3 วิธีการอัพเดตข่าว
ให้กดอัพเดทข่าวตอนเวลาข่าวออกเมื่อคลิกแล้วถ้าข่าวยังไม่ออกมาก็จะเป็นรูปนาฬิกาสีเขียวเช่นเดิมให้รอและคลิกไปเรื่อยๆ เมื่อมีข่าวประกาศออกมา ตัวเลขจะแสดงออกมาทันที ทำให้ไม่พลาดข่าวสำคัญ ส่วนสามเหลี่ยมสี่เขียวหน้าเวลาข่าวบอกให้รู้ว่าข่าวที่จะออกถัดไป
- ตัวเลขออกเป็นสีเขียวแสดงตัวเลขดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
- ตัวเลขออกเป็นสีแดงแสดงว่าตัวเลขแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้
- ตัวเลขออกเป็นสีดำแสดงว่าตัวเลขเท่ากับค่าที่คาดการณ์หรือใกล้เคียงกับสถิติเดิม (Previous)
ข่าวที่ต้องระวังให้มากๆคือข่าวการประชุมต่างๆ และข่าวการขึ้นมาพูดของบุคคลสำคัญยกตัวอย่างเมื่อวันที่ 19/3/15 มีการประชุมกันทำให้กราฟวิ่งมากกว่า 5000 จุดภายในไม่กี่นาที ซึ่งท่านไหนไม่ได้ตั้ง Stop Loss ไว้ถึงกับล้างพอร์ตได้
สามารถดูผลงานการเทรดได้ที่ คลิกที่นี่
สำหรับนักลงทุนท่าสามารถเปิดบัญชีได้จากลิ้ง : http://www.fxprimus.com/open-an-account?r=1117160 เท่านั้นและแจ้งชื่อและเลขพอร์ตมาทาง Line ID:saravut296 หรือ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
Download เอกสาร POA คลิกที่นี่
| Broker Name | Regulation | Max Leverage | Lowest Spreads | Minimum Deposit | Minimal Lot | Contact |
|
|
ASIC, FSA, CYSEC | 1000:1 |
0.0 pips -ECN |
$10 | 0.01 lot | |
|
|
FCA, ASIC,IFSC, CySec |
1000 : 1 | 1 pips – Micro 1 pips – Standard 0 pips - Ultra low |
$5 | 0.01 lots | View Profile Visit Website |
|
|
FSC of BVI | 1000 : 1 |
0.1 pips - Cent |
$1 |
0.0001 lot Cent |
|
|
|
SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC | 500 : 1 | 0.1 pips | $100 | 0.01 lots | View Profile Visit Website |
|
|
CySEC, FCA | Unli : 1 Stand Unli : 1 Raw Unli : Zero |
0.3 pips – Stand 0 pips – Raw 0 pips – Zero |
$1 | 0.01 lot Stand 0.01 lot Raw 0.01 lot Zero |
View Profile Visit Website |
|
|
SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA | 2000 : 1 | 0.0 pips | $5 | 0.01 lot | View Profile Visit Website |
|
|
FCA, VFSC | 2000:1 | 0.1 Pips | $2.5 | 0.01 lot | View Profile Visit Website |
|
|
FSC, FSA | 1000 : 1 | 1.5 pips - Classic 1.1 pips - VIP 0.0 pips - RAW |
$10 | 0.01 lots | View Profile Visit Website |
|
|
ASIC,SCB,CYSEC,DFSA, FCA, BaFIN, CMA, |
200 : 1 | 1 pips - Stand 0.1 pips - Razor 1 pips - No Swap 0 Pips - Active Trade |
0 | 0.01 lot | View Profile Visit Website |
|
|
FCA | 500:1 | 1.6 pips | $25 | 0.01 lot | View Profile Visit website |
 ATFX |
FCA, CySEC | 200 : 1 | 1.8 pips | $100 | 0.01 lot | View Profile Visit Website |
 RoboForex |
CySEC, IFSC | 2000:1 | 0.4 pips | $10 | 0.01 lot | View Profile Visit Websit |
| IFSC | 500 : 1 |
1 pips - Micro |
$1 | 0.01 lot | View Profile Visit website |
|
|
AxiTrader |
FCA, ASIC, FSP, DFSA | 400 : 1 | 0.0 pips | $1 | 0.01 lot all | View Profile Visit website |
|
|
CySEC | 500 : 1 | 2 pips - Mini 0.8 pips - Stand 0 pips - ECN |
$100 | 0.01 lot all | View Profile Visit Website |
|
|
CySec ,FCA,IFSC | 1000 : 1 |
0.0 pips - ECN 0.1 pips -Stan |
$1 | 0.01 lot | View Profile Visit Website |
|
|
FCA, ASIC, VFSC, CIMA | up to 800 |
Genneral 1.8 pip |
$50 |
0.01 lot | View Profile Visit website |
|
EIGHTCAP |
ASIC | 500 : 1 | 0.0 pips | $100 | 0.01 lot | |
|
|
SFP, NZBN | 200 : 1 | 0.5 pips - Live | $200 | 0.01 lot | View Profile Visit Website |
|
|
CySEC, FCA FSB, MiFID |
500 : 1 Max |
0.6 pips | $100 | 0.01 lot | View Profile Visit Website |
|
|
FCA, SCB | 400 : 1 | 0.0 pips | $10 | 0.01 lot | View Profila Visit Website |
|
|
CIMA, ASIC | 500 : 1 | 0.0 pips | $200 | 0.01 lot | View Profila Visit Website |
|
|
ASIC | 500 : 1 | 0.0 pips | $100 | 0.01 lot | View Profila Visit Website |
|
|
FCA, FSA | 2000 : 1 | 0.0 pips |
$15 |
0.01 lot | View Profila Visit Website |
ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก
"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"