Bollinger Band หรือ BB เป็นเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ สำหรับใช้วิเคราะห์ราคาที่บ่งบอกความต่อเนื่องและการเคลื่อนที่ของราคาได้ชัดเจน โดยทำให้เรามองเห็นภาพที่กว้างขึ้นและเห็นกรอบการเคลื่อนที่ในการวิ่งของราคาและความต่อเนื่องของราคาได้ดี ประกอบด้วยเส้นสามเส้นคือ
- เส้นกรอบบน (BB Top)
- เส้นค่าเฉลี่ย Simple 20 ที่อยู่ตรงกลาง 1 เส้น (BB Average)
- เส้นกรอบล่าง (BB Bottom)
Bollinger Bands จะเคลื่อนที่ไปพรอมกับแนวโน้มของราคาโดย เส้น BB Top ทำหน้าที่เป็นแนวต้าน และเส้น BB Bottom ทำหน้าที่เป็นแนวรับ ในขณะที่ BB Average ทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งแนวโน้มระหว่างแนวรับ-แนวต้าน ดังรูปที่ 1
จากภาพจะทำให้เราทราบกรอบการวิ่งของราคาได้ว่าราคากำลังวิ่งไปในลักษณะลงแรงก่อนจะกลับมาค่อยๆ วิ่งขึ้นไป
วิธีการเล่น
เมื่อสังเกตจากรูปที่ 2 จะเห็นว่าแท่งเทียนเป็นลักษณะเข็มทิ่มออกจากเส้น Bollinger Band แล้วราคาจะกลับตัว หมายความว่าถ้าแท่งเทียนออกนอก Bollinger Band เส้นบนราคาจะกลับลงล่าง ถ้าแท่งเทียนออกนอก Bollinger Band เส้นล่าง ราคาจะกลับขึ้นบน ข้อสังเกตคือถ้าแท่งเทียนออกนอก Bollinger Band ไปแล้วประมาณ 50-100% ของแท่งเทียน จะเป็นสัญญาณกลับตัวที่ดี ดังรูป ที่ 3
การเทรดด้วย Bollinger Band ที่มีประสิทธิภาพต้องรอให้สัญญาณจบก่อนคือ รอแท่งเทียนออกนอก Bollinger Band เกิน 50-100% และต้องตั้ง Stop Loss ไว้ทุกครั้งที่ปลายเข็มแท่งเทียนที่เพิ่งจบไป เพื่อป้องกันเวลาราคาวิ่งต่อไม่หยุด ดังรูปที่ 3
Bollinger Band เป็น Indicator ที่เหมาะจะใช้เล่นสวนเทรนด์จึงต้องป้องกันการขาดทุนจำนวนมากไว้ทุกครั้งโดยการตั้ง Stop Loss และ Bollinger Band ใช้เล่นกับ Timeframe ใหญ่ได้ดีตั้งแต่ H1 ขึ้นไป
สรุปวิธีการใช้ Bollinger Band
- ราคาจะอยู่ในกรอบ หากทุลุเส้นบนหมายถึงภาวะ Over Bought(มีการซื้อมากเกินไป) หากทะลุเส้นล่างหมายถึงภาวะ Over Sold(มีการขายมากเกินไป) และราคามักจะกลับมาอยู่ในกรอบเสมอ
- การซื้อขายอยู่ระหว่างเส้น BB Average กับเส้น BB Top จะเป็นลักษณะตลาดแนวโน้มขาขึ้น เกาะเส้นบนไปเรื่อยๆ ซึ่งในทางตรงกันข้ามกันการซื้อขายที่อยู่ระหว่างเส้น BB Average กับเส้น BB Bottom เป็นลักษณะตลาดในขาลงจะเกาะขอบล่างลงไปเรื่อยๆ
- เมื่อตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เส้น BB Average จะทำหน้าที่เป็นแนวรับ ในขณะที่เส้น BB Top เป็นเป้าหมายที่ราคาจะไปถึงและจะวิ่งเกาะขอบต่อไปในกรอบตราบเท่าที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลง ในทางกลับกันถ้าเป็นขาลงจะเหมือนกันคือเกาะรอบลงมาเรื่อยๆ โดยเส้น BB Average จะทำหน้าที่เป็นแนวต้านให้จนกว่าจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น
- ถ้าราคาเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบที่แคบ Bollinger Band แคบเล็กลงมา นั้นหมายความถึงกราฟมันกำลังจะเปลี่ยนเป็น Sideways
- ถ้าราคาเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบที่แคบแล้วปากของ Bollinger Band เริ่มกว้างขึ้น แสดงว่ากำลังจะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นหรือขาลงที่รุนแรง
- ถ้าราคาวิ่งทะลุ BB Top โดยไม่มีเหตุผล ราคาจะวิ่งกลับมาที่ BB Bottom ในทางตรงกันข้ามถ้าราคาวิ่งทะลุ BB Bottom โดยไม่มีเหตุผล มันจะวิ่งกลับมาที่ BB Top เสมอๆ เช่นกัน