ก้าวใหม่ของไทย คริปโต “บาท”?  - โปรเจค “อินทนนท์”

ในเดือนกุมภาพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งหนังสือขอความร่วมมือธนาคารพานิชย์ไทยในการหยุดทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ “คริปโตเคอเรนซี่” หลังจากนั้นธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทยได้ให้ความร่วมมือโดยการปิดบัญชีของ เว็บสัญชาติไทย TDAX

และธนาคารกสิกรไทยได้ออกมาแถลงว่าจะระงับธุรกรรมที่สามารถระบุได้ว่าเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี่แม้จะไม่ปิดบัญชีของลูกค้า นี้เหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนในตลาดเหรียญคริปโตในประเทศไทย สร้างข้อกังขาว่า ประเทศไทยกำลังจะ “แบนคริปโตเคอเรนซี่”

หลังจากนั้นวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561 ได้มีการเห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และร่างพ.ร.ก.การจัดเก็บภาษีจากทรัพย์สินดิจิทัล โดยคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษได้พิจารณาเมื่อวันที่ 15-16 มีนาคม พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งมี บทลงโทษทั้งแพ่งและอาญา (ทั้งจำคุกและปรับเงิน) และการเรียกเก็บภาษีทุกขั้นตอน ได้แก่

• บุคคลธรรมดา ต้องเสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย จากกำไร 15% ยกเว้น VAT หลังจากนั้นมารวมกับรายได้ทั้งปี และคิดภาษีรายได้บุคคลธรรมดาตอนปลายปี

• นิติบุคคล ต้องเสีย VAT แต่ขอคืนได้ แบบภาษีซื้อ-ขายทั่วไป

ล่าสุดมีข่าวที่ทำให้หลายๆคนต้องตกใจ หลังแบงค์ชาติประกาศเริ่มแผนการการทดสอบเหรียญคริปโตบาท Thailand Blockchain Community Initiative ภายใต้โปรเจค “อินทนนท์” นั้นได้ ภายใต้ความร่วมมือของธนาคารอีก 5 ธนาคาร ซึ่งอาจสร้างความกังวลเกี่ยวกับการโดนคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯเคยประกาศคว่ำบาตรประเทศที่จะสร้างสกุลเงินดิจิตอลของตัวเอง และก็ได้คว่ำบาตรเวเนซูเอลา หลังสร้าง เงินเปโตร “Petro” แต่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยคอนเฟิร์มว่าสกุลเงินดังกล่าวจะไม่นำมาใช้กับประชาชนทั่วไปอย่างแน่นอน เพื่อป้องกันการคว่ำบาตรจากเวทีโลก แต่จะทดสอบ "sandbox" และใช้กับธุรกิจและธุรกรรมภายในประเทศเท่านั้น

ในเวลาเพียง 1 เดือน รัฐบาลไทย, ธนาคารแห่งประเทศไทย และหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการดำเนินหลายอย่างเกี่ยวกับคริปโต โดยให้ทุกโบรเกอร์คริปโตต้องมีระบบ KYC (Know-Your-Customer) สำหรับลูกค้าที่จะเข้ามาทำการซื้อ-ขาย โดยส่วนตัวแล้วมองว่ามาตรการภาษีที่จะเก็บจากกำไรการเทรดเหรียญคริปโตนั้น เป็นเรื่องยากที่จะทราบถึงราคาที่นักลงทุนซื้อ-ขาย และอาจทำให้เกิดความยุ่งยากในการจัดเก็บภาษี ส่วนสกุลเงินดิจิตอลของไทยน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเริ่มพัฒนาระบบการเงินของประเทศไทยให้เข้าสู่ Thailand 4.0 โดยคาดว่าจะช่วยให้รัฐบาลสามารถปรับกฎระเบียบเกี่ยวกับ “คริปโตเคอเรนซี่” ในอนาคตได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น

โดย นิรมล นิตย์นิธิพฤทธิ์ (นักวิเคราะห์การเงิน, Olymp Trade)

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"