4 ครั้งใน 3 เดือน  ธนาคารกลางของอินโดนีเซียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ซึ่งนับเป็นการประกาศขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ของปีนี้นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากบรรดานักลงทุนต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤติการเงินของตุรกี และมีมุมมองว่าอินโดนีเซียมีปัญหาจุดอ่อนทำนองเดียวกัน

คือ ปัญหาเศรษฐกิจร้อนแรงเกิน ทำให้ขาดดุลทั้งบัญชีเดินสะพัด (-3% ของ GDP) และขาดดุลการคลังรัฐบาลใช้เงินลงทุนสร้างสาธารณูปโภคแต่เก็บภาษีไม่เข้าเป้า ในขณะที่ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศลดลงอย่างรวดเร็วกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ จากต้นปี

แรงกดดัน จากการไหลออกของฟันด์โฟลว์ (ซึ่งถือเป็นการโจมตีค่าเงินแบบหนึ่ง) บีบคั้นให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียจำต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 5.25% ถือเป็นหนึ่งในประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ปรับขึ้นมากกว่า 1.25% จากเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันการอ่อนค่าของสกุลเงินรูเปีย ก่อนถูกเฮดจ์ฟันด์โจมตี ต่อจากอาร์เจนตินาและตุรกี

คำถามที่ยังไร้คำตอบชัดเจนมีว่า ถ้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายรอบนี้ แต่ยังไม่สามารถสกัดกั้นการไหลออกของฟันด์โฟลว์ได้ จะมีการขึ้นดอกเบี้ยต่ออีกหรือไม่ ทำนองเดียวกับเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาที่เดือนเดียวขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึง 3 ครั้งกว่าจะบรรเทาลงชั่วคราว

สถานการณ์ของอินโดนีเซียยามนี้แตกต่างแบบพลิกฝ่ามือจากเมื่อ 3 ปีก่อนที่บรรดากองทุนและนักกลยุทธ์สถาบันวาณิชธนกิจระดับโลกมองว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีแนวโน้มดีที่สุด ในกลุ่มอาเซียน ถึงแม้เศรษฐกิจและค่าเงินของอินโดนีเซียจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากการลดขนาดมาตรการ QE ของเฟดในปี 2557

เศรษฐกิจขยายตัวสูงเป็นอันดับ 3 ของโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยได้ปีละ 5% แม้ในปีวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ประกอบกับคาดการณ์การเติบโตราวปีละ 6-7% ใน 5 ปีข้างหน้า สะท้อนให้เห็นความน่าสนใจของอินโดนีเซียได้เป็นอย่างดี และนอกเหนือจากอัตราการเติบโตที่สูงแล้ว เสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รายงานด้านความสามารถในการแข่งขันนั้นอินโดนีเซียมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจดีขึ้นมาอยู่ลำดับที่ 25 ในปี 2012 จากปี 2007 ที่อยู่ที่อันดับ 89 ซึ่งปัจจุบันเรียกว่านำหน้าบราซิล อินเดีย และหลายประเทศในอาเซียนอย่างมาเลเซีย ไทย และฟิลิปปินส์ไปแล้ว

ศักยภาพการเติบโตของอินโดนีเซียยังยืนยันได้ด้วยประมาณการของสำนักวิจัยต่าง ๆ ที่คาดว่าภายในปี ค.ศ. 2030 อินโดนีเซียจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก จากอันดับ 16 ในปัจจุบัน โดยจะเป็นรองแค่เพียงจีน สหรัฐฯ อินเดีย ญี่ปุ่น บราซิล และรัสเซีย และอาจจะแซงหน้าทั้งเยอรมนีและอังกฤษ

การที่เศรษฐกิจอินโดนีเซียเติบโตด้วยอุปสงค์ภายในประเทศเป็นหลัก ไม่ใช่การผลิตเพื่อส่งออกหรือการส่งออกผลิตผลจากทรัพยากรธรรมชาติที่มีอย่างอุดมสมบูรณ์อันเป็นภาพลักษณ์เก่าอย่างที่มักเข้าใจกัน ถือเป็นโมเดลเศรษฐกิจใหม่แห่งอนาคตทีเดียว

ความพยายามขับเคลื่อนให้โครงสร้างเศรษฐกิจลดการพึ่งพารายได้จากการขายทรัพยากรอันอุดม มาสู่โครงสร้างที่พึ่งพาการเติบโตของการบริโภคในประเทศ ถูกรองรับด้วยข้อเท็จจริงที่อินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศมุสลิมใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรมากที่สุดในอาเซียนคือราว 240 ล้านคน และที่น่าสนใจกว่านั้นคือ 50% ของจำนวนนี้มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ซึ่งหมายถึงทั้งกำลังแรงงานและชนชั้นผู้บริโภค โดยสัดส่วนชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นจาก 25% ในปี ค.ศ. 1999 เป็นประมาณ 43% ในปี 2009

การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนดังกล่าวไม่ได้กระจุกตัวในเมืองใหญ่เท่านั้น แต่ค่อนข้างกระจายตัวไปยังทุกเมืองสำคัญทั่วประเทศไม่ใช่เฉพาะจาการ์ตา และแนวโน้มดังกล่าวจะยังคงเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจำนวนชนชั้นกลางในอินโดนีเซีย จะเพิ่มกว่าเท่าตัวจากประมาณ 45 ล้านคนในปัจจุบันเป็นราว 93 ล้านคนในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งหมายถึงศักยภาพการบริโภคที่มหาศาล

การบริโภคในประเทศจึงเป็นแรงผลักดันเศรษฐกิจมากกว่าการส่งออก และมูลค่า GDP เกิดจากภาคบริการมากกว่าภาคการผลิตอีกด้วย

สัดส่วนการส่งออกต่อ GDP ของอินโดนีเซียอยู่ที่ราว 26% คิดเป็นเพียงแค่ครึ่งเดียวของมาเลเซีย ณ ปี ค.ศ. 1989 ซึ่งเป็นช่วงที่รายได้เฉลี่ยของคนมาเลเซียเท่ากับคนอินโดนีเซียในปัจจุบัน ในขณะที่สัดส่วนมูลค่าผลผลิตในสาขาทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ก็ลดลงเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2000 ทั้ง ๆ ที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น โดยภาคเหมืองแร่และน้ำมันและแก๊สมีสัดส่วนเพียง 11% ของ GDP ในปัจจุบัน ในขณะที่ภาคบริการ (ในที่นี้รวมภาคก่อสร้าง ไฟฟ้า ประปาและแก๊ส) กลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นแทน มีสัดส่วนราว 50% ของ GDP

ศักยภาพการเติบโตในสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงภาคบริการของอินโดนีเซีย โดยเฉพาะภาคบริการทางการเงินและการค้าปลีกทั้งหลาย น่าตื่นตาตื่นใจ และดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก

การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นสูงและยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง เริ่มจากภาคเหมืองแร่ (mining) แล้วเริ่มขยายตัวไปสู่ภาคการขนส่งและติดต่อสื่อสาร จนถึงภาคการค้าส่งค้าปลีก โดยปัจจัยผลักดันได้แก่ วัฏจักรของเศรษฐกิจโลกที่กำลังเข้าสู่ขั้นของการฟื้นตัว ในขณะที่เศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลกยังดูไม่ค่อยดีนัก รวมไปถึงจีนที่ได้รับผลกระทบจากค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้นรวดเร็ว ทำให้อินโดนีเชียได้รับอานิสงส์จากค่าจ้างแรงงานที่ยังค่อนข้างต่ำอยู่ ซึ่งปัจจุบันต่ำกว่าไทยประมาณ 2 เท่า

ความโดดเด่นข้างต้น ถูกหักล้างด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าความไม่พร้อมของสาธารณูปโภค ทั้งถนนระบบราง ท่าเรือ สนามบิน ประปา ไฟฟ้า และด้านการเงิน ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการพัฒนา

ความไม่พร้อมทางด้านสาธารณูปโภค สะท้อนจากดัชนีความสามารถในการแข่งขันปี 2012-2013 (Global Competitiveness Index) ซึ่งอินโดนีเซียได้รับการจัดอันดับให้อยู่ลำดับที่ 50 จาก 144 ประเทศ ลดลงจากอันดับที่ 46 สวนทางกับอัตราการขยายตัวสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก

ปัญหาหลักที่พูดถึงกันมากก็คือ นับแต่ปี ค.ศ. 1997 เป็นต้นมา อินโดนีเซียไม่ค่อยได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างจริงจังมากนัก โดยมีสัดส่วนลดลงเหลือเพียงราว 4% ของ GDP เท่านั้นเมื่อเทียบกับเกือบ 8% ของ GDP ของยุคก่อนหน้า

รัฐบาลอินโดนีเชียปัจจุบัน ซึ่งไร้คราบไคลของการคอร์รัปชันแบบเดิมอันลือเลื่อง ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างจริงจัง โดยประมาณการว่าจะมีการใช้จ่ายราว 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการพัฒนาสาธารณูปโภค ทำให้ต้องอาศัยการลงทุนจากต่างประเทศอีกมาก เพื่อที่จะให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ต่อเนื่องปีละ 6-7% ตามเป้าหมายที่วางไว้

ลำพังการพึ่งพาเงินลงทุนทางตรง หรือ FDI ที่แม้หลายปีนี้ จะเติบโตสูงมาก แต่เมื่อเทียบเป็นสัดส่วนต่อ GDP แล้วอยู่ที่ราว 2% เท่านั้น ยังถือว่าต่ำกว่าประเทศที่เรียกว่าประสบความสำเร็จในด้านการดึงดูด FDI พอสมควร ไม่เพียงพอรองรับแผน ทำให้รัฐต้องเป็นหัวหอกขับเคลื่อน ผลลัพธ์ตามมาคือขาดดุลงบประมาณ และขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งปีนี้ถูกซ้ำเติมด้วยเงินเฟ้อเข้าไปอีก

ดาวรุ่งอาเซียนที่มาแรงเกิน จึงเกิดอาการสำลัก "หัวทิ่มบ่อ" อย่างเลี่ยงไม่พ้น แต่ก็เป็นปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่ใช่วิกฤติ

คอลัมน์ พลวัตปี2018: โดย วิษณุ โชลิตกุล

Source: ข่าวหุ้น

เพิ่มเติม
- Indonesia Raises Rates Again as Turkey’s Troubles Pressure Emerging Markets
คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman

170225DGS 5208 FX Hanuman Media Buying Banners 843150 TH    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

121224 ebc forex logo 100x33EBC

FCA ,ASIC, CYAMAN 1000 : 1 1.1 pips - STD
0 pips - Pro
$50 0.01 lots View Profile
Visit Website
020125 eightcap 100x33eightcap  ASIC, FCA, SCB, CySec  500 : 1
1.0 Pips -STD
0.0 Pips - Raw
1.0 Pips - TradingView
$20   0.01 lots

View Profile

Visits website

 

180225 logo fpmarkets 100x33

Fpmarkets

ASIC, CySec  500 : 1

ECN 0.0 Pips
Standard 1.0 Pips

$100 0.01 lots

View Profile

Visits website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"