เครือข่ายบล็อกเชนเลเยอร์ 1 อย่าง Aptos เริ่มขยับตัวเชิงรุกเพื่อรับมือความเสี่ยงในระยะยาวจาก Quantum Computing หลังมีการเสนอ AIP-137 (Aptos Improvement Proposal) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการใช้งาน post-quantum signatures หรือ “ลายเซ็นต้านควอนตัม”

ในระดับบัญชีผู้ใช้ โดยเน้นรูปแบบ Opt-in ไม่บังคับย้ายทั้งหมด

AIP-137 คืออะไร

AIP-137 เป็นข้อเสนอที่จัดทำโดยทีมนักคริปโตกราฟีจาก Aptos Labs มีเป้าหมายเพิ่มการรองรับ SLH-DSA ซึ่งเป็นลายเซ็นดิจิทัลแบบ hash-based ที่ได้รับการรับรองเป็นมาตรฐานโดย NIST ภายใต้ FIPS 205 ให้เป็น “ประเภทลายเซ็นของบัญชี” แบบใหม่บนเครือข่าย Aptos

หัวใจสำคัญของข้อเสนอนี้คือ

• ผู้ใช้สามารถ เลือกเปิดใช้งานเองได้ (Opt-in)

• บัญชีเดิม ไม่ถูกบังคับให้เปลี่ยน

• เป็นการเพิ่ม “ทางเลือกด้านความปลอดภัย” สำหรับผู้ที่ต้องการอัปเกรดล่วงหน้า

หาก AIP-137 ผ่านการโหวตตามกลไก governance ก็จะทำให้ Aptos เป็นหนึ่งในบล็อกเชนเลเยอร์ 1 แรก ๆ ที่เปิดทางให้ผู้ใช้ย้ายไปใช้ลายเซ็นต้านควอนตัมได้จริงในระดับบัญชี

ทำไม Aptos เลือกทำตอนนี้

Aptos ให้เหตุผลว่า Quantum Computing ไม่ใช่ประเด็นที่ “ไกลตัว” เหมือนในอดีตอีกต่อไป ทั้งจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและแรงผลักด้านมาตรฐาน โดยเฉพาะการที่ NIST เริ่มออกมาตรฐาน post-quantum cryptography อย่างเป็นทางการ

แม้ระบบลายเซ็นปัจจุบันจะยังปลอดภัยต่อคอมพิวเตอร์ทั่วไป แต่ในกรณีที่อนาคตเกิด Cryptographically Relevant Quantum Computers (CRQCs) ขึ้นจริง อาจทำให้ลายเซ็นแบบเดิมถูกปลอมได้ ซึ่งจะกระทบความปลอดภัยของบัญชีและโครงสร้างเครือข่ายในระยะยาว

ไม่ได้มีแค่ Aptos ที่เริ่มซ้อมรับมือ

ช่วงหลังอุตสาหกรรมบล็อกเชนเริ่มให้ความสำคัญกับ post-quantum มากขึ้น เช่น

• Solana ที่เพิ่งทดสอบธุรกรรมแบบ quantum-resistant บน testnet ร่วมกับ Project Eleven

• ฝั่ง Bitcoin ก็เริ่มมีการถกเถียง เช่น แนวคิด BIP-360 (ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น) ขณะที่นักพัฒนาอย่าง Adam Back มองว่าความเสี่ยงระยะสั้นอาจถูกพูดเกินจริง

ภาพรวมสะท้อนว่า แม้ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน แต่หลายเครือข่ายเริ่ม “เตรียมการล่วงหน้า” เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเชิงโครงสร้างในอนาคต

Aptos ในภาพใหญ่

Aptos เป็นเครือข่าย Proof-of-Stake ที่โฟกัสการรองรับ dApps และแอปฝั่งผู้ใช้ รวมถึงเป็นหนึ่งในบล็อกเชนที่เริ่มเห็นการนำไปใช้กับ Tokenized Real-World Assets (RWA) มากขึ้น โดยเคยมีรายงานว่าผู้จัดการสินทรัพย์ระดับโลกอย่าง Franklin Templeton และ BlackRock เลือก deploy ผลิตภัณฑ์บางส่วนบนเครือข่ายนี้