แต่วิกฤติที่จะเกิดครั้งต่อไปจะเป็นปัญหาระดับโลกเลย เพราะครั้งนี้ฟองสบู่ระดับโลกเกิดขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง $250 ล้านล้าน ..3 เท่าของขนาด GDP ของโลก และถ้ารวมเอาหนี้ที่ไร้หลักประกันและสัญญาอนุพันธ์ทั้งหมดเข้าไปด้วย
ภาระหนี้ทั้งหมดจะเท่ากับ $2,000 ล้านล้าน ซึ่งเป็น 25 เท่าของ GDP โลก ..นี่เป็นความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติการเงินและเศรษฐกิจที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก
รัฐบาลประเทศต่างๆก็แก้ปัญหาได้เพียงการพิมพ์เงินเพิ่มขึ้นอีก แต่ใครก็รู้ว่าการเพิ่มหนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหาเลย แต่แปลกที่ Keynesian อย่างเช่น Paul Krugman ที่เคยได้รางวัลโนเบลกลับคิดแบบนั้น ..คุณไม่สามารถแก้ปัญหาโดยใช้วิธีการเดียวกับที่เป็นตัวการสร้างปัญหาได้หรอก
สำหรับพวก Goldbug (ผู้ที่เชื่อมั่นในระบบมาตรฐานทองคำ) ..นี่คือเหตุผลของพวกเขาในการถือครองทองคำเพื่อใช้ปกป้องจากสถานการณ์เหล่านี้:
Gold protects against:
1. Currency debasement – ค่าของเงินที่ลดลง....
ค่าเงินดอลล่าร์ที่ลดลงไปถึง 97-99% ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา และยังจะเป็นไปอีกจนมันเหลือศูนย์ ตอนนี้เหลือเพียง 1-3% เท่านั้น
2. Bank failures/bail-ins – แบ้งค์ล้มและการ bail-in ช่วยธนาคาร....
ด้วยการปล่อยเงินกู้มากเกิน 10-50 เท่า ..ธนาคารไม่น่ารอดจากเครดิตล่มสลายครั้งต่อไป ..และไม่ใช่แค่นั้น ความเสี่ยงจากสัญญาอนุพันธ์ที่แบ้งค์ทั้งหลายถืออยู่..พังแน่นอน การันตีได้เลย
3. Stock market collapse – ตลาดหุ้นพัง....
ตลาดหุ้นได้พลังจากปริมาณเงินที่พิมพ์ออกมามหาศาล รวมไปถึงการซื้อหุ้นคืนของบริษัทในตลาดจากดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ราคาหุ้นสูงเกินมูลค่า จนน่าจะเกิดการล่มสลายถึง 90% แบบที่เกิดเมื่อปี 1929 ..แต่ถ้าลุกลามไปยังระบบการเงินในส่วนอื่นของโลก จะเป็นเรื่องใหญ่มากกว่าเหตุการณ์เมื่อยุค 1920s นับทวีคูณ
4. Bond market failure – ตลาดพันธบัตรพัง....
วงจรที่ขึ้นมาตลอด 35 ปีของพันธบัตร สร้างฟองสบู่ขนาด mega-bubble ที่มันต้องระเบิดแน่นอน มันเริ่มมีปัญหามาสามปีแล้วและตอนนี้ยีลด์ก็จะกลับไปในยุค 1980s ที่ระดับ 16% สำหรับพันธบัตร 10y ...มาตอนนี้ทั้งจีนและญี่ปุ่นก็กำลังดั๊มพ์บอนด์สหรัฐทิ้ง แบบที่รัสเซียได้ทำไปแล้ว ..default ต้องเกิดขึ้นแน่นอน
5. Inflation/hyperinflation – เงินเฟ้อรุนแรง....
รัฐบาลหลายประเทศกำลังใช้ความพยายามอย่างสิ้นหวังในการรักษาระบบของตนไว้ โดยการพิมพ์เงินเพื่อแก้ปัญหา ประเทศใหญ่ๆคงไม่พ้นที่จะต้องพบกับเงินเฟ้อที่ไม่ช้า..จะนำไปสู่เงินเฟ้อรุนแรง ใครก็ตามที่เคยอยู่ในช่วงของเงินเฟ้อรุนแรงแบบที่อาร์เจนติน่า ซิมบับเวและเวเนซูล่าเจอมาแล้ว จะรู้ว่าเงินที่ถืออยู่ไม่มีค่าอะไรเลย แต่น้อยคนที่จะมีทองคำในมือที่จะช่วยได้...
6. Deflation – ภาวะเงินฝืด....
ทองคำมีประวัติที่มี performance ที่ดีมากในช่วงที่เกิดภาวะเงินฝืด ..ในตอนแรกเมื่อรัฐบาลเพิ่มปริมาณเงินหมุนเวียนมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหา จนทำให้เกิดเงินเฟ้อรุนแรง จากนั้นจะมีการแย่งกันขายทรัพย์สินที่จะนำไปสู่ภาวะเงินฝืด สถาบันการเงินไม่อาจอยู่รอดได้แล้วในช่วงนี้ ..เมื่อแบ้งค์ล้ม การเงินของขาติก็ไปด้วย ทองคำนี่แหละที่จะเข้ามาเป็น money เพื่อใช้ชำระหนี้หรือเพื่อเป็นตัวกลางการแลกเปลี่ยน (barter)
7. Peak gold – จุดพีคของทองคำ....
การผลิตทองคำมาถึงจุดพีคแล้วในตอนนี้ ไม่มีการค้นพบแหล่งใหม่ๆของทองคำอีกตั้งแต่ช่วง 1990s มา ..ซึ่งถึงแม้จะมีการพบในวันนี้ การเริ่มผลิตก็ต้องใช้เวลาอีกถึง 15 ปีนับจากวันสำรวจพบ ...ดังนั้น เรากำลังจะเข้าสู่ยุค shortage ครั้งใหญ่ของทองคำ
8. Paper gold – ทองกระดาษ
ราคาทองคำกำลังอยู่ในช่วงที่ถูกจนน่าหัวเราะจากการกดราคาของตลาดทองกระดาษ ....ถ้าคำนวนราคาทองคำอิงกับปริมาณเงิน money supply (FMQ) ขณะนี้อยู่ในระดับเดียวกับเมื่อปี 1970 เมื่อราคาทองอยู่ที่ $35 และปี 2000 เมื่อทองอยู่ที่ $280 ...(ชาร์ทแรก) ....ตลาดทองกระดาษมีการซื้อขายเกินกว่า 100 เท่า (ปัจจุบัน 350 เท่า...ผู้แปล) ของปริมาณทองคำที่มีอยู่จริง ...ถ้าผู้ถือสัญญาต้องการให้มีการส่งมอบจริง คงจะเป็นปัญหาใหญ่ ของราคาทองคำ
9. Corporate Debt – หนี้เอกชน....
หนี้เอกชนมีการระเบิดแล้วในประเทศอุตสาหกรรมหลายแห่งและกำลังอยู่ในระดับที่เป็นอันตราย ..เช่นในสหรัฐเอง หนี้เอกชนถ้าเทียบกับ GDP แล้วเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่านับจากช่วงปี 1960s การซื้อคืนหุ้นแบบไร้เหตุผลสร้างหนี้ debt boom เลยแหละ ...(ชาร์ทที่สอง)
10. Other risks – ความเสี่ยงอื่น....
ยังมีเรื่องเสี่ยงอีกหลายเรื่องที่อาจจะเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ เช่นสงครามกลางเมือง การจราจล และยังมีความเสี่ยงทางการเมืองในอีกหลายประเทศเช่น จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ ตะวันออกกลางและกลุ่ม Emerging Markets ..หลายเรื่องก็เกิดขึ้นบ้างแล้วเช่นการชัตดาวน์ในสหรัฐ ..เรื่อง Brexit ..กลุ่มผู้ประท้วงเสื้อกั้กเหลือง และการอพยพในหลายทวีป .....ทั้งหมดนี้มันเพิ่งจะเริ่มต้น
ทองคำไม่ใช่ยาครอบจักรวาลสำหรับทุกปัญหาเหล่านี้หรอก แต่ก็ยังหาอะไรที่มันดีกว่าไม่ได้เลยที่จะมาป้องกันความเสี่ยงของโลกทุกวันนี้ที่มันจะรุนแรงเป็นประวัติการณ์ ในช่วงวิกฤติ..ทองคำนี่แหละจะเป็น store of value และสื่อแลกเปลี่ยน และมันจะยืนยงไปอีกหลายปีนับจากนี้ถ้าเทียบกับทรัพย์สินอื่นๆ ..แต่ที่สำคัญต้องเก็บเอาไว้นอกระบบการเงินปัจจุบันแม้แต่ในเซฟของธนาคารใดก็ตาม.....หรือแม้แต่ขอบเขตของกฏหมายที่อาจถูกยึดได้
Egon von Greyerz – On The Cusp Of The Biggest Financial And Economic Collapse In History
January 20, 2019
There is clearly no certainty that it will happen but the probability is very high. Governments only have one remedy which is to print more money. But even a child would understand that printing more money and issuing more debt to solve a debt problem clearly doesn’t add up. Sadly the Keynesians like Noble prize winner Krugman don’t get it. You can’t solve a problem by the same means that caused it in the first place.
Let’s look at some of the reasons why it is critical to hold physical gold:
Gold protects against:�1. Currency debasement – The 97-99% fall of all currencies in the last 100 years will continue until the currencies have reached Zero. So there is only 1% to 3% to go but remember that this fall is a 100% loss value from today.
2. Bank failures/bail-ins – With leverage of 10-50x banks will not survive the next credit crunch. Add to that their derivatives exposure and a systemic failure is guaranteed.
3. Stock market collapse – Stocks have been fueled by money printing and buybacks and are now overvalued on all criteria. A 90% fall in real terms like in 1929 is likely. The economic and financial risks in the world are today exponentially greater than in the late 1920s.
4. Bond market failure – The 35 year up-cycle in bonds is now a mega-bubble that will implode. It turned down three years ago and rates are now on their way back to above the early 1980s level of 16% for the 10 year US treasury. This is a long cycle and will not happen immediately. As governments print unlimited amounts of money, default or implement moratoria, bond market investors, including China and Japan will dump their US bonds just like Russia has done already.
5. Inflation/hyperinflation – As governments, in a desperate and futile attempt try to save the system, print endless amounts of money, most major economies will have inflation leading to hyperinflation. Anyone who has lived in a hyperinflationary economy, like Argentina, Zimbabwe and Venezuela knows that their money is totally destroyed. Sadly, few people realise that gold would have saved them.
6. Deflation – Contrary to what many people believe, gold has historically performed very well in deflationary periods. In my opinion we will first have hyperinflation as governments try to save the world with money printing. When that fails and asset as well as credit markets implode we will have a severe deflationary implosion. Banks are unlikely to survive this in their present form. As banks fail, so will the money in the bank. Gold will then be money used for payment or barter.
7. Peak gold – Gold production has already peaked. There have been no major finds since the 1990s. Even if unexpectedly there will be substantial new discoveries, it takes at least 15 years from discovery to production. Thus we will see substantial shortages of gold in coming years.
8. Paper gold – The gold price is only at the currently ridiculously cheap level due to a paper gold market which determines the gold price whether it is physical or paper gold.. The price of gold adjusted for money supply is now at the same level as in 1970 when gold was $35 and 2000 when gold was $280. Paper gold outstanding is at least 100x the physical gold backing it. When paper gold holders get worried and ask for delivery, there will be no gold available and price will go “no offer” which means there is no gold available at any price. This is when gold will go to multiples of the current price.
9. Corporate Debt – Corporate debt has exploded in most industrial nations and is now at danger level. In the US for example corporate debt to GDP has doubled since the 1960s. Irrational optimism and share buy-backs have fueled this debt boom.
10. Other risks – There are a number of other major risks which can erupt at any time. These include geopolitical risks civil war, social unrest, country risk in China, Japan, USA, Middle East, Emerging Markets etc. Many of these things have already started like the US government shutdown, the Brexit fiasco in the UK, Yellow Vests in France and mass migration on several continents. All this is just the beginning.
Gold is clearly not the panacea for all the problems listed above, but there is no better insurance against the financial and economic risks in the world today which are greater than any time in history. Especially in periods of crisis, gold is the most important wealth preservation asset as well as a store of value and medium of exchange. Due to the various factors outlined above, gold is also likely to be the best investment to hold in the next few years as it is likely to appreciate substantially relative to most other assets. But remember to hold physical gold and store it outside the financial system in a very safe vault and jurisdiction…
Cr.Sayan Rujiramora
สนับสนุนข่าวโดย ICMarkets
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/