โอกาศในรอบร้อยปี โดย Egon von Greyerz

นักลงทุนในเชิงยุทธศาสตร์ (หรือ VI ในตลาดหุ้น) คือผู้ที่มีความอดทนและไม่เห็นแก่กำไรระยะสั้นหรือกังวลในความผันผวนเป็นครั้งคราวในตลาดในระยะสั้น พวกเขาจะเข้าซื้อทรัพย์สินที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ไม่มีคนต้องการ

..และถือเป็นเวลายาวนานมาก เหมือนกับที่ผมและกลุ่มนักลงทุนของเราถือครองทองคำไว้มาตั้งแต่ต้นปี 2002 ราคามันตกมาจาก $850 เมื่อ 1980 จนมาถึง $300 เมื่อ 2002 ..เราเห็นมันเป็นทรัพย์สินที่เหมาะจะเป็นประกันต่อระบบการเงินที่กำลังเพิ่มความเสี่ยงขึ้นทุกทีในตอนนั้น ..ผ่านไป 16 ปี เราก็ยังคงนั่งทับทองคำของเราอยู่ เราเคยเห็นราคามันไปถึง $1,920 เมื่อ 2011 ..และตกมาที่ $1,050 เมื่อ 2015 ถ้าถามว่าเราเคยคิดโลภจะขายออกบ้างหรือเปล่า? ไม่เคยคิดเลย มีแต่จะซื้อเพิ่ม

กลุ่มของเราจะถือทองคำไว้จนกว่าหนึ่งในสถานการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น:

--ระบบการเงินของโลกมีการเปลี่ยนโครงสร้างอย่างน่าอัศจรรย์ หนี้สินทั่วโลกหายวับไปกับตาโดยพร้อมเพรียงกัน -- ไม่มีทาง

--ประเทศใหญ่ๆในโลกมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ..มีเงินสำรองเกินดุล ลดหนี้ของประเทศลงอย่างรวดเร็ว -- ไม่มีทาง

--ระบบการเงินของโลกมีการหนุนค่าและประกันมูลค่าของ money ด้วยทองคำ -- ไม่น่าเป็นไปได้

--เราสามารถเปลี่ยนทองคำที่ถือไว้เป็นทรัพย์สิน real assets ในราคาซัมเมอร์เซลล์ที่ต่ำกว่าราคาปัจจุบันถึง 90-99% --น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด

ไม่มีทางที่กลุ่มเราจะขายทองคำเพียงเพราะราคามันถึงเป้าหมายที่เราต้องการ ไม่มีใครรู้ว่าระดับราคาเป้าหมายจะถึงเท่าไหร่ ...$10,000, $100,000 ..นั่นมันขึ้นอยู่กับว่าจะมีการพิมพ์เงินออกมาอีกเท่าไหร่กันแน่ในระยะต่อไป #ราคาทองคำไม่สำคัญเท่ากับอำนาจซื้อของมัน

เมื่อตอนที่วิกฤติเกิดขึ้น ราคาทองคำจะเปลี่ยนรุนแรงถึงแม้จะมีช่วงเวลา time lag บ้าง... แต่มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะขายทองคำออกไป เพราะระบบมันไปต่อไม่ได้แล้ว ...แต่มันถึงเวลาที่จะใช้ทองคำเปลี่ยนไปเป็นทรัพย์สินที่สร้างผลยีลด์ เช่นธุรกิจดีๆที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ ในราคาที่ถูกมากๆ ..เราจะพบทรัพย์สินเหล่านี้เยอะแยะไปหมด

INCREDIBLE INVESTMENT OPPORTUNITIES COMING

แนวคิดในโอกาศที่ว่ามานี้แหละที่นักลงทุนควรเตรียมพร้อม ..หุ้นของ Tesla, Amazon, Facebook และพันธบัตรรัฐบาลที่มีอยู่น่ะ ขายออกให้หมดได้เลย เปลี่ยนเป็นทองคำและรอ ..เพราะจากฟองสบู่ทรัพย์สินที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ในอีก 5-10 ปีจากนี้จะเป็นโอกาศที่มีเพียงครั้งเดียวในรอบหลายร้อยปีในประวัติศาสตร์

แต่ดูเหมือนจะมีเพียง 1% ในหมู่นักลงทุนที่มองเห็นโอกาศนี้

THIS TIME IT WILL BE DIFFERENT

นักลงทุนที่ถือทรัพย์สินฟองสบู่เอาไว้ส่วนมากจะถืออยู่อย่างนั้น จนเมื่อราคามันตกไปถึง 85-100% ก็ยังคงคิดว่าแบ้งค์ชาติคงมีมาตรการมาช่วยเหลือ ..แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง และจะไม่มีใครมองออก จนมันสายเกินไป

การเปลี่ยนถ่ายความมั่งคั่งที่จะเกิดขึ้นในหลายปีจากนี้ จะเป็นเรื่องใหญ่มากจนไม่มีใครจะนึกภาพออกเลยในปัจจุบัน ...เศรษฐีระดับ billionaire จะหายไปโดยที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกวันนี้พวกเขาคิดว่ามีความสามารถมากในการสร้างความมั่งคั่งด้วยตนเอง แต่ไม่ช้าก็จะรู้ว่าทั้งหมดนี้มันเป็นผลจากการที่แบ้งค์ชาติของคุณเองนั่นแหละที่พิมพ์เงินออกมามากจนไปดันราคาทรัพย์สินได้สูงลิ่ว ..สร้างประโยชน์ให้คนกลุ่มย่อยแต่ไปทำลายคนชั้นกลางและชั้นล่าง ...แต่เมื่อถึงเวลาฟองสบู่แตก ก็จะได้เห็นมูลค่าแท้จริงของทรัพย์สินที่ถืออยู่เหล่านี้เอง

FLATION

มีหลายคนถามว่า จะเกิด hyperinflation (เงินเฟ้อรุนแรง) ได้อย่างไรถ้าทรัพย์สินทั้งหลายราคาตกอย่างแรงที่เป็นผลจาก deflation (เงินฝืด) ..ก็อย่างที่ผมเคยได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ว่าต่อๆไปเราจะได้พบกับภาวะ "FLATION" นั่นคือจะเกิด deflation, stagflation (ชะงักงัน), inflation, และ hyperinflation พร้อมๆกันเลย

ทรัพย์ทั้งหลายที่ราคาเป็นฟองสบู่จะแตกก่อน ราคาร่วงระนาว และจะเกิดภาวะเงินฝืด ซึ่งเป็นเงินเฟ้อที่เศรษฐกิจหยุดชะงัก ..ราคาสินค้า อาหาร วัตถุดิบ และโภคภัณท์จะมีราคาสูงลิ่วเป็น hyperinflation ..ราคาสูงทั้งๆที่ไม่มีดีมานด์เลย อย่างที่เห็นๆอยู่ที่เวเนซูล่า

HYPERINFLATION IS A CURRENCY EVENT

เศรษฐกิจของเวเนซูล่าล่มสลายอย่างสิ้นเชิง ประชาชนเกือบทั้งหมดยากจน ดีมานด์ในสินค้าแม้กระทั่งอาหารไม่มีเลย เพราะแทบไม่มีสินค้า และไม่มีใครมีกำลังซื้ออีกแล้ว แต่ราคาสินค้าก็ยังสูงขึ้นเรื่อยๆ ราคาที่สูงไม่เกี่ยวกับดีมานด์เลย แต่เป็นผลจากเรื่องการเงิน currency แท้ๆ ที่พิมพ์ออกมามากเกินไป

FROM IMMORALITY TO MORALITY IS A LONG ROAD

จากอธรรมไปสู่ธรรมะ มันไม่ง่ายเลย

เราอยู่ในโลกที่มูลค่าแท้จริงกับความถูกต้องถูกบดบังด้วยความโลภ ..บูชารูปปั้น bull สีทองตัวนั้นเป็นเทพเจ้า มีแต่การเอาชนะกัน แทนที่จะ win-win นี่คือเศรษฐกิจแบบอธรรมที่ปั่นโดยพวกอิลิท ...แล้วจากนี้ไปเราจะต้องทนทุกข์ยากอยู่กับสิ่งที่ผุกร่อนจนถึงแกนกลางนี้ ต้องทนอยู่กับการเปลี่ยนผ่านนี้อีกนาน

GOLD HAS BROKEN OUT IN MANY CURRENCIES

สำหรับผู้ที่ครอบครองทองคำหรือซิลเวอร์มายาวนาน คงใช้เวลาอีกไม่นานแล้ว ..ถ้าจะประเมินราคาทองคำเป็นยูเอสดอลล่าร์คงจะไม่ได้เห็นภาพชัดนัก ท่านจะต้องประเมินมันด้วยสกุลเงินท้องถิ่นของท่านเอง ..นั่นคือของจริง

นั่นคือเหตุผลที่ราคาทองคำของอาร์เจนติน่าเปโซ พุ่งขึ้นจาก 300 เปโซในปี 2000 ไปเป็น 27,000 เปโซในปัจจุบัน .......และเวเนซูล่าโบลิว่าร์ ที่ 200 VEFในปี 2000 ไปเป็น 88,000,000 VEF ในวันนี้ ..และสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 75,000,000 ......นั่นคือภาพของ hyperinflation

แต่กร้าฟราคาทองคำของดอลล่าร์ ยูโร ปอนด์ เยน ก็ยังคงวนเวียนอยู่ไม่ห่างกันนักได้อีกหลายปี ...แต่เชื่อเถอะว่า สักวันหนึ่งประเทศเจ้าของสกุลเงินเหล่านี้ต้องได้พบกับ hyperinflation แน่ๆ...

Egon von Greyerz
Founder and Managing Partner
Matterhorn Asset Management AG
GoldSwitzerland

https://goldswitzerland.com/gold-holders-centennial-opportunity/ 

บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"