Sound money หรือ money ที่แท้จริงที่จะไม่เพิ่มค่าหรือเสื่อมค่าทันทีทันใดได้ ..เพราะมันจะปรับตัวจากกลไกในตัวเอง..ในระบบ free-market ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าจัดการกับ money ของทุกวันนี้โดยอ้างถึง "การเติบโต" หรือ "เสถียรภาพ"
..แต่ที่จริงเป็นการแทรกแซงเพื่อบรรลุผลทางเศรษฐกิจที่ตนเองต้องการมากกว่า ..อย่างไรก็ตาม การสวิงของอำนาจซื้อของเงินที่เราเห็นๆอยู่ของดอลล่าร์ (Federal Reserve Note) มันเป็นผลจากการเข้าจัดการแทรกแซงโดยอ้างว่าเป็นการแก้ปัญหา ..ซึ่งที่จริงก็เป็นปัญหาที่ตัวเองสร้างน่ะแหละ
การเข้าจัดการควบคุมเงินของ Fed ทำให้ปริมาณเงิน (money supply) ตัดขาดไม่เกี่ยวข้องกับดีมานด์ของเงินไปเลย ..ปกติแล้วทั้งสองจะสัมพันธ์กัน ..เศรษฐกิจตกต่ำจะเกิดขึ้น..เมื่อความต้องการเงินไม่สัมพันธ์กับปริมาณเงินที่มีหมุนเวียนอยู่ในตลาด (เช่นเงินฝืดเกิดขึ้นจากดีมานด์เงินมากเกินกว่าปริมาณเงินที่มีอยู่ ..เงินเฟ้อเกิดเมื่อปริมาณเงินมากเกินความต้องการ)
ระบบการเงินปัจจุบันของสหรัฐ เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับระบบ sound money เลย ปริมาณเงินดอลล่าร์ถูกจัดการโดยพวกกลุ่มนายแบ้งค์ที่ไม่มีอำนาจ..แต่ได้รับการหนุนหลังจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง ...ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาตลอดชั่วอายุของประเทศสหรัฐ ทองคำจะเป็นสลักตัวสำคัญที่สุดในระบบการเงิน จนกระทั่งทองคำมาถูกตัดขาดจากระบบการเงินในปี 1971
Profound History of Sound Money
ชาวอเมริกันไม่ได้มีการพกพาทองคำหรือซิลเวอร์เหมือนกับยุคของบรรพบุรุษอีกแล้ว แต่ก็ยังคงมีการคงมรดกทางวัฒนธรรมเกี่ยวกับเหรียญกษาปณ์ทองคำและซิลเวอร์อยู่ตลอดมา
sound money ยังคงให้ภาพลักษณ์ชัดเจนถึงเสียงกรุ๊งกริ๊งของเหรียญโลหะ ทั้ง ทอง ซิลเวอร์หรือแม้แต่ทองแดงที่คุ้นเคยมานานนับศตวรรษ ...sound money สะท้อนถึงภาพความมั่งคั่งที่แท้จริง เสมือนลายเซ็นต์แท้จริง ที่ตรงกันข้ามเลยกับทั้งกระดาษ ..พลาสติก ..และเครื่องมือสร้างหนี้ทางอิเล็คโทรนิคส์ที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน
คำว่า "sound money" มีรากมาจากสมัยโรมโบราณ ที่มีการใช้เหรียญซิลเวอร์เป็นมาตรฐานในการค้าประจำวันทั่วไป ในทุกแห่งที่อยู่ใต้อิทธิพลของอาณาจักรโรมัน
เมื่อโรมใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายเกินตัวจนความมั่งคั่งลดลง พวกเขาก็ค้นพบทางลัดที่จะคงความร่ำรวยเอาไว้ นั่นคือการลดปริมาณของซิลเวอร์ในเหรียญ แทนที่ด้วยโลหะธรรมดาอื่นๆจนเหลือซิลเวอร์แค่ 5%
แต่มันก็หลอกผู้คนไม่ได้นาน ทหารโรมันรู้สึกไม่พอใจที่ได้รับค่าตอบแทนเป็นโลหะไร้ค่า แลกกับการเสี่ยงชีวิตของพวกเขา
ในประวัติศาสตร์ยุคหลังมานี้ ก็มีการเอาเปรียบโดยบิดเบือนเศรษฐกิจการเงินจากการทำให้เสื่อมค่าโดยพวกผู้มีอำนาจจากส่วนกลาง ..พยายามทำให้ความนิยมทองคำลดหายไปจากสาธารณชน ...ซึ่งมันได้ผล ทุกวันนี้เรื่องของ money จริงๆ ..เรื่องต้นกำเนิดของ money ...และการเอาเปรียบทางการเงินจากผู้ที่ตั้งตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญ..หาคนที่เข้าใจจริงๆได้..น้อยลงมาก
What is Money?
Carl Menger นักเศรษฐศาสตร์ Austrian Economist อธิบายว่า money มีการกำเนิดขึ้นเอง (spontaneous) จากการที่ระบบการแลกเปลี่ยน (barter) ไม่อาจสนองความต้องการได้ทั้งหมดเพราะไม่มีตัวกลาง ..เช่นชาวไร่ไม่อาจใช้พืชไร่ของตนแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่ตนต้องการ..ที่เฉพาะเจาะจงได้
ตลาดจึงเกิดตัวกลาง ซึ่งเป็นสินค้าที่ทุกคนต้องการและสามารถแลกกับสินค้าได้เกือบทุกชนิด เป็นโภคภัณท์ที่ saleable เข้ามาเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยน ...นี่คือกำเนิดของ money ...ทองคำและซิลเวอร์นี่แหละที่มีคุณสมบัติตามนั้น โลหะนี้สามารถแบ่งแยกย่อยได้ ..พกพาได้..คงทน และมีจำนวนที่จำกัด
What is Fake Money?
เมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา เกิดสงครามกลางเมืองในสหรัฐ สงครามเป็นกิจกรรมที่มีราคาแพงมาก รัฐบาลยุคนั้น..ที่ยังคงมีนโยบายพิมพ์เงินขึ้นโดยอิงกับมูลค่าที่เท่ากันของทองคำและซิลเวอร์ .....จึงเริ่มจะชอร์ต
เพื่อสนับสนุนสงคราม ปธน.ลินคอล์นออกกฏหมาย Legal Tender Act ปี 1862 ที่อนุญาตให้รัฐบาลสหรัฐพิมพ์เงินจำนวน $150 ล้านที่ไม่มีอะไรหนุน ..อำนาจรัฐเท่านั้นที่ทำให้สิ่งปลอมเหล่านี้กลายเป็นสิ่งถูกกฏหมาย ..นี่คือ fiat money ยุคแรกของอเมริกา ...เรียกกันตอนนั้นว่า Greenbacks
ลินคอล์นและฝ่ายจัดการการเงินของเขารู้ดีว่า ประชาชนต้องไม่พอใจแน่ๆ ..รัฐธรรมนูญของประเทศที่ร่างเมื่อ 75 ปีก่อนปฏิเสธแนวคิดเงินกระดาษที่ไม่ได้อิงอะไรแบบนี้เลย
ลินคอล์นประกาศให้เงินนี้ใช้เป็นสื่อกลางและใช้ชำระหนี้ได้ตามกฏหมาย (แต่แปลกที่มันใช้ชำระภาษีไม่ได้ ต้องชำระเป็นเหรียญทองคำหรือซิลเวอร์เท่านั้น)
การให้ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฏหมายนี่แหละที่เป็นตราประทับรับรองจากรัฐบาลกลาง ที่ทำให้กระดาษเหล่านี้เป็น money ที่ทุกคนต้องยอมรับ แรกๆก็ไม่เต็มใจนัก
กว่าสงครามจะเลิก Greenbacks note ถูกพิมพ์ออกมารวมแล้วเกือบห้าร้อยล้านดอลล่าร์
ก็เป็นไปอย่างที่เกิดกับ fiat money ทั่วไป ...Greenbacks สูญเสียอำนาจซื้อไปมากมาย ..ทองคำมูลค่า $100 ต้องใช้ Greenbacks ซื้อถึง $265 ..หลังสงครามสงบ ลูกหนี้ที่เคยเป็นหนี้ก่อนสงคราม สามารถชำระหนี้คืนด้วยเงินจำนวนเดียวกันแต่ค่าต่ำกว่ากันเกินเท่าตัว
เจ้าหนี้ที่โกรธแค้นมีการนำเรื่องขึ้นสู่ศาล จนเกิดมีฎีกาจาก Supreme Court of the United States ที่มีการพูดถึงการพิมพ์เงินกับรัฐธรรมนูญ ในฏีกาของ....Hepburn vs. Griswold (1870)
รัฐมนตรีคลังสมัยรัฐบาลลินคอล์น ..Chase ที่เคยเป็นผู้เสนอกฏหมายครั้งนั้น กล่าวว่า อำนาจการชำระหนี้ได้ตามกฏหมายไม่ได้มีการระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ ..นี่เป็นอำนาจพิเศษที่ออกเป็นมาตรการความจำเป็นยามสงครามเท่านั้น ..เมือสงครามสงบ การใช้ชำระหนี้ก็เป็นอันต้องสิ้นสุดลง
กฏหมาย Legal Tender Act ถูกพิจารณาอีกในคดี Knox v. Lee (1871) มีมติในศาลสูง 5-4 ให้การพิมพ์เงินที่ไม่มีการหนุนไม่ถือว่าเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ ถึงแม้จะไม่มีสงครามหรือเหตุฉุกเฉินก็ตาม ....
ก็เลยเข้าล็อค..จากนั้นมาอีกเป็นเวลา 60 ปี การทำลาย sound money ก็เกิดขึ้นสม่ำเสมอตลอดโดยไม่ต้องคำนึงถึงรัฐธรรมนูญอีกเลย...จนถึงขั้นมีการก่อตั้ง ระบบของ Federal Reserve (ที่ตั้งขึ้นเพื่อทำลายมูลค่าของ Federal Reserve Note ลงไปถึง 97% ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมา) นอกจากนี้ยังมีการเรียกเก็บภาษีเงินได้ที่ขัดรัฐธรรมนูญ ..การยึดทองคำจากประชาชนโดยอำนาจคำสั่ง ปธน.
หลังจากนั้นก็ไม่เป็นที่แปลกใจอีกแล้ว ถึงการใช้จ่ายของรัฐบาลที่เกิดขึ้นอย่างมหาศาล ...เจ้าหน้าที่รัฐเองก็มองว่า การใช้จ่ายภาครัฐไม่ควรใช้ sound money ...จนถึงวันนี้รัฐบาลก็สร้างหนี้แล้วเกินกว่า $21 ล้านล้าน
SOUND MONEY DEFENSE LEAGUE
What is Sound Money?
Sound money is money that is not prone to sudden appreciation or depreciation in purchasing power over the long term, aided by self-correcting mechanisms inherent in a free-market system.
The foregoing definition presents several implications about how we view sound money and how we should approach money in general.
Central banks across the world manipulate money ostensibly to “grow,” or “stabilize,” or otherwise achieve their desired interventionist goals for the economy. However, large swings of the purchasing power of a money, such as that seen with the Federal Reserve Note, result from the same money manipulation that purports to solve the very problem it causes.
A negative consequence of central bank control of money is the disconnect between the money supply and the demand for money. Economic downturns strike when changes in the demand for money are not met with an automatic adjustment in its supply.
In the United States, today’s monetary system is antithetical to sound money. Money, including its supply, is controlled by unelected bureaucrats operating a government backed banking cartel with no real constraints on its power.
Despite gold being a linchpin of the United States’ monetary system for most of our nation’s history, the U.S. severed its final link to gold in 1971.
Profound History of Sound Money
Americans no longer carry gold and silver money in our pockets and purses as our grandparents did. But we still carry the history, legacy, and spirit of those gold and silver coins in our language.
“Sound money” embodies a clear message recognized for centuries around the world. It describes the musical, metallic ring of a gold, silver, or copper coin dropped on any hard surface of glass, stone, wood, or metal.
Sound money literally refers to real wealth, with a natural, unmistakable signature of authenticity, as opposed to the paper, plastic, and electronic debt instruments used almost exclusively today.
The term “sound money” has its roots in Ancient Rome, where small, silver coins were standard in everyday commerce, whether used for paying Roman soldiers or buying exotic goods from all corners of the known world.
As Rome squandered its wealth, it found a shortcut to shore up the treasury. It gradually debased those silver coins with common metals, ultimately cutting the silver content to just 5 percent.
That didn't fool anyone for long. Understandably, disciplined Roman soldiers did not appreciate being paid with worthless mystery metal in return for risking their lives on Rome's bloody battlefields.
History is wrought with economic distortions resulting from currency debasement by central planners. Appreciation for gold and silver has been driven out of the public consciousness. Today, there is little understanding of what money actually is, its origins, and the folly of politicians and financial “experts.”
What is Money?
Austrian economist Carl Menger explains that the origins of money are spontaneous. The barter system’s shortcomings were quickly exposed by the problems of divisibility and “double-coincidence of wants.”
A farmer can tender corn and wheat in exchange for medical services, but what if the town doctor already has all the corn and wheat he needs?
Market actors realized that they could acquire more goods by tendering a more sought-after, or “saleable,” commodity as payment.
The most marketable goods establish themselves as common media of exchange. The marketability differences between commodities serve to discern between them; it is in this way that money undergoes competition. Through this process, gold and silver rose as the most marketable commodities due to their features: The metals are portable, homogenous, divisible, durable, and scarce.
Through market processes, the “most marketable commodity,” as economist Ludwig von Mises described money, makes itself known. Money is not created by government decree, but rather by surviving the test of time and the pressures of market forces while maintaining its value.
What is Fake Money?
Less than a hundred years into the American experiment, the Civil War began. Wars are expensive, and the federal government, which had a policy to only print notes that were backed by an equal amount of gold and silver, was running low on specie.
To fund the Civil War, President Lincoln signed the Legal Tender Act in 1862, which allowed the U.S. government to print $150 million worth of unbacked paper notes. The force of government was used to legitimize this fake, fiat money of the nature we still use today.
Lincoln and his money managers knew citizens would be wary of unbacked paper notes. After all, the Constitutional Convention that took place less than 75 years prior had overwhelmingly rejected paper money.
George Washington wrote that paper money was “wicked.” James Madison wrote it was “unjust” and “unconstitutional.” Thomas Jefferson wrote “its [paper money’s] abuses also are inevitable and, by breaking up the measure of value, makes a lottery of all private property, cannot be denied.”
Although not allowed by the Constitution, Lincoln’s government issued unbacked paper money, called Greenbacks.
But how could he get people to accept them in exchange for their goods and services? Lincoln made them legal tender for debts (but not customs duties, which still had to be paid with gold or silver coin).
Legal tender is a stamp of approval by the federal government that magically turns strips of unbacked paper into money people must accept, if begrudgingly at first. By the end of the war, nearly half a billion unbacked notes had been issued.
As always happens with paper money, the Greenbacks lost buying power. At their low point, it took $265 in Greenbacks to buy $100 worth of gold. Legal tender allowed debtors who had borrowed money (gold or silver coin) before the Civil War to repay debts with Greenbacks that had less than half the buying power of the original loan.
Creditors were understandably furious over this swindle. When the war ended, the constitutionality of printing unbacked notes was heard by the Supreme Court of the United States in Hepburn vs. Griswold (1870).
Chief Justice Chase, who had been Lincoln’s Secretary of the Treasury and who had imposed legal tender, said that there is no legal tender power in the Constitution. He said that legal tender was a war measure used out of necessity. Since the war was over, so was legal tender.
On the same day the Hepburn decision was announced, two of President Grant’s nominations for Supreme Court Justice were appointed to the high court. The Legal Tender Act issue was reheard in Knox v. Lee (1871), and the Hepburn ruling was overturned. By a vote of 5-4, the Supreme Court ruled that printing unbacked paper money was no longer unconstitutional, even when there is no war or emergency.
The next 60 years were marred with the destruction of sound money (not to mention the Constitution): establishment of the Federal Reserve System (which has served to devalue the Federal Reserve Note 97% since its creation, despite its mandate to maintain price stability), an unconstitutional income tax, gold confiscation by executive order, and the abrogation of gold clause contracts.
What came next should surprise no one. An explosion of government spending brings us to today. Bureaucrats saw the constraint that sound money placed on government spending as a bug rather than a feature, and America is now well down the road to financial disaster, shouldering more than $21 trillion in debt.
After several millennia of being tested by market forces, gold and silver are undoubtedly sound money. It’s also possible that other sound monies could emerge. However, no government can replace the ringing echo of sound money from its system without grave consequences.
The process through which money is “created” is not one of central planning, but rather one in which money is “discovered” by markets. It would behoove us to realize and correct this mistake before it’s too late.
Cr.Sayan Rujiramora
สนับสนุนข่าวโดย ICMarkets
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/