เฟทโก้'ฟันธงสิ้นปีแตะ'แสนล้าน'ดันดัชนี1,800จุด ต่างชาติโหมซื้อ'หุ้นไทย'

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย มั่นใจเงินนอกโหมเข้าหุ้นไทยต่อเนื่อง หลังเดือนมิ.ย.ซื้อสุทธิเฉียด 5 หมื่นล้าน สูงสุดในภูมิภาค ฟันธงทั้งปียอดซื้อ ต่างชาติมีลุ้นแตะ 1 แสนล้าน ดันดัชนีสิ้นปีส่อแตะ 1,800 จุด พร้อมประเมินเศรษฐกิจโลกแค่ชะลอไม่ถึงขั้นถดถอย

นักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยวานนี้ (27มิ.ย.) มียอดซื้อสุทธิจำนวน 3,780 ล้านบาท ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.ถึงปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิใน ตลาดหุ้นไทยรวม 47,017 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดวานนี้ที่ 1,731.64 จุด เพิ่มขึ้น 9.43 จุดคิดเป็น 0.55% มูลค่าการซื้อขาย 69,369 ล้านบาท

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า คาดว่ากระแสเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากในช่วงเดือนมิ.ย.นี้ เงินทุนเคลื่อนย้าย(ฟันด์โฟลว์) ต่างชาติไหลเข้ามาแล้วราว 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียและสูงสุด ในรอบ 5 ปี นับจากมีรัฐประหารเมื่อ ปี 2557 ช่วงก่อนหน้านี้ที่มีเงินไหลออกรวมกว่า 6 แสนล้านบาท

สาเหตุที่ประเมินว่า เงินทุนเคลื่อนย้าย จะไหลเข้าต่อเนื่องนั้น เนื่องจากสภาพคล่อง โลกที่ยังอยู่ในระดับสูงและปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติยังมีสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยในจำนวนที่น้อยอยู่ ประกอบกับรัฐบาลชุดใหม่น่าจะจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชัดเจนได้ภายในเดือนนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อนโยบายด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจคาดว่าออกมาเร็วๆนี้และทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น ขณะที่คาดว่ากระแสเงินทุนต่างชาติ จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้แตะ 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันมีฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลเข้ามาแล้ว 4 หมื่นล้านบาท พร้อมประเมินว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลเข้ามาอีกเดือนละ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้คาดว่าจะขยับขึ้นไปที่ระดับ 1,750-1,800 จุด

"ระยะเวลา 6 เดือนหลังจากนี้ ภายหลังจัดตั้งรัฐบาลเสร็จเป็นที่เรียบร้อย คาดว่าจะมีการออกนโยบายต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้กระแสเงินต่างชาติไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 6 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันสภาพคล่องที่มีอยู่ทั่วโลก มีจำนวนมาก หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติหันเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น"

นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังเป็นขาขึ้น แต่ไม่ได้ ปรับตัวขึ้นแรงเหมือนในช่วงครึ่งปีแรก ที่ผ่านมา ซึ่งดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว 200 จุด โดยปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ดัชนีขึ้นต่อเนื่องมาจากนโยบายรัฐบาลใหม่ ดังนั้นในช่วง 6 เดือนที่เหลือของปีนี้ รัฐบาลต้องเร่งสร้างผลงานและหวังจะไม่เกิดข้อขัดแย้ง แม้ว่ารัฐบาลจะมีเสียงปริ่มน้ำแต่เสถียรภาพยังคงดีอยู่ "ตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นไปได้ไกลแค่ไหน ส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับฝีมือรัฐบาลว่าจะมีนโยบายด้านเศรษฐกิจที่จะสามารถขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรมได้มากน้อยแค่ไหน เพราะยังไงแล้วหุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนมากที่สุด" ขณะที่ประเมินว่าเศรษฐกิจโลก ที่ชะลอตัวในขณะนี้จะฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2563 เนื่องจากเฟดส่งสัญญาณชัดเจนที่จะลดดอกเบี้ยในปีนี้ 1-3 ครั้ง โดยจะลดครั้งแรกในเดือนก.ค.นี้ และเมื่อเฟดลดดอกเบี้ยธนาคารกลางทั่วโลก เช่น ธนาคารกลางยุโรป (ECB) หรือธนาคารกลางจีนก็จะลดดอกเบี้ยตาม ซึ่งรวมไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่ไม่อาจฝืนกระแสของโลกได้ โดยเชื่อว่าจะลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนให้เศรษฐกิจโลกจากที่ชะลอตัวก่อนหน้านี้กลับมาฟื้นตัวได้ เพราะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันแค่ชะลอตัวไม่ถึง กับทรุดลง

Source: กรุงเทพธุรกิจ

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"