ในอดีตช่วงที่อเมริกาเริ่มเข้ามาในดินแดนนี้ ช่วงแรกนั้น ความสัมพันธ์ระหว่าง “อเมริกา” และ “ฟิลิปปินส์” นั้นค่อนข้างดี ชาวฟิลิปปิโนมองว่าเป็นฉันท์เพื่อนกันที่อเมริกามาช่วยชาวฟิลิปปินส์รบกับ “สเปน” เพื่อเอกราชของฟิลิปปินส์
แต่หลังจากที่อำนาจและอิทธิพลของสเปนจางหายไป อเมริกาไม่ยอมลงนามหลักฐานที่จะส่งเสริมการมีเอกราชของฟิลิปปินส์ แต่กลับมาเล่นบทบาทใหม่ในการอยากอยู่ยาวและเป็น “เจ้าอาณานิคมคนใหม่” แทนสเปน โดยช่วงที่อเมริกาปกครองฟิลิปปินส์นั้นอยู่ระหว่าง ปี 1898 – 1946 ห้าสิบกว่าปี
ทำให้จากจุดนั้นชาวฟิลิปปินส์ทั้งหลายส่วนหลายภูมิภาคจับอาวุธมาต่อสู้กับชาวฝรั่งผิวขาวอเมริกา และหนึ่งในนั้นมีชาว “มุสลิมโมโร” ด้วยเช่นกัน
ในช่วงที่อเมริกาปกครองฟิลิปปินส์นั้น ก็มีการลุกมาต่อต้านอเมริกาเป็นระยะ หนึ่งในนั้นคือสงครามในปี 1906 ที่สมรภูมิ Bud Dajo หรือที่ประวัติศาสตร์ “ฟิลิปปินส์” เรียกว่า “การฆ่าหมู่ที่บัดดาโจ” ( Bud Dajo Massacre ) , เกิดที่เกาะโดโจ ในหมู่เกาะซูลู นักประวัติศาสตร์บางสายก็บอกว่าอเมริกาได้จับเอาหัวหน้าของกลุ่มโมโรเป็นตัวประกันและตามไปฆ่าลูกน้องในเผ่า ที่หลายคนได้หลบหนีภัยเข้าไปในหลุมปล่องภูเขาไฟ ที่ครั้งหนึ่งสมัยสงครามกับสเปนพวกเขาก็ใช้เป็นหลุมหลบภัยมาก่อนเช่นกัน โดยตอนนั้นอเมริกาได้ประกาศว่าถ้าใครหลบอยู่ในถ้ำจะถือว่าไม่ต่อสู้ และจะยิงแค่เฉพาะพวกที่อยู่นอกถ้ำเท่านั้น แต่ว่ากลุ่มผู้ชายที่อยู่ในถ้ำบางกลุ่มและมีอาวุธก็ออกมายิงต่อสู้กับทหารอเมริกาด้วยแบบตามมีตามเกิด ด้วยความไม่พอใจที่ถูกชาวผิวขาวแถมเป็นชาวคริสต์มารุกรานย่ำยีถึงถิ่น
จนถึงครั้งที่รุนแรงที่สุดทหารอเมริกาและลูกน้องจำนวน 750 คนภายใต้การนำของนายทหารพันเอก J.W. Duncan ได้บุกโจมตีที่ปล่องภูเขาไฟที่บัดดาโจ ที่ตอนนั้นมีคนหลบภัยอยู่ประมาณ 800 – 1,000 คนมีทั้งชาวบ้านธรรมดา ผู้หญิงและเด็ก ตามการเขียนของ Herman Hagedorn มองว่าเป็นการฆ่าหมู่ที่โหดเหี้ยมที่สุดสำหรับชาวโมโรที่ทำสงครามต่อต้านอเมริกา ในครั้งนั้นมีชาวโมโรจากร่วมพันคน รอดตายมาได้แค่หกคนเท่านั้น ที่เหลือตายในบริเวณปล่องภูเขาไฟจากน้ำมือของทหารอเมริกาที่ต้องการครอบครองเป็นเจ้าอาณานิคมฟิลิปปินส์ ชณะที่ฝ่ายอเมริกาเสียชีวิตอยู่แค่ระหว่าง 15-21 คนเท่านั้น
และในช่วงระหว่างการทำ “สงครามต่อต้านอเมริกาของชาวโมโร” อยู่นั้น มีครั้งหนึ่งที่ทหาร “อเมริกา” จับเอาเชลยชาวโมโรมาได้แล้วเอาลูกปืนไปชุบเลือดหมูที่ถือว่าเป็นสัตว์ต้องห้ามของชาวมุสลิมมาใส่ในปืนแล้วยิงให้ตาย บ้างก็เอานักโทษโมโรมาฝั่งในหลุมกับศพหมูที่ตายแล้ว โดยทหารอเมริกาเชื่อว่าถ้าทำแบบนั้นจะทำให้พวกเขาไม่ได้มีชีวิตหลังความตายไปพบพระเจ้าตามความเชื่อ และเอาตรงนี้มาทำลายกองทัพอิสลามโมโร โดยเจ้าของความคิดนี้คือนายพล John Pershing และเขาเป็นคนเดียวที่ได้รับการเลื่อนยศเป็นนายพลในขณะที่มีชีวิตอยู่
และนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เข้าใจว่าทำไมชาวฟิลิปปินส์ที่เข้าใจประวัติศาสตร์และรักชาติอย่าง “ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้” ถึงอยากจะออกจากอิทธิพลของอเมริกาใจจะขาด
During this battle, 750 men and officers, under the command of Colonel J.W. Duncan, assaulted the volcanic crater of Bud Dajo , which was populated by 800 to 1,000 Tausug villagers, including women and children. According to Herman Hagedorn (who was writing prior to World War II), the position held by the Moros was "the strongest which hostiles in the Philippines have ever defended against American assault." Although the engagement was a victory for the American forces, it was also an unmitigated public-relations disaster. Considering the perspective that the engagement was a massacre, however, then the engagement had no victor. Whether a battle or massacre, it was certainly the bloodiest of any engagement of the Moro Rebellion, with only six of the hundreds of Moro surviving the bloodshed. Estimates of American casualties range from fifteen killed to twenty-one killed and seventy-five wounded.
http://www.filipiknow.net/historical-controversies-philippines/
https://en.wikipedia.org/wiki/First_Battle_of_Bud_Dajo
Jeerachart Jongsomchai
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman