รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า JPMorgan Chase ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการประเมินแนวทาง ขยายบริการเทรดคริปโตให้กับลูกค้าสถาบัน โดยอาจครอบคลุมทั้ง ตลาดสปอต (Spot) และ ตราสารอนุพันธ์ (Derivatives)
แหล่งข่าวระบุว่า โครงการดังกล่าวยังอยู่ใน ระยะเริ่มต้นของการพัฒนา และยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม หากแผนนี้เกิดขึ้นจริง จะถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่สุดของภาคการเงินดั้งเดิม (TradFi) ในการเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง
“สัญญาณเปลี่ยนเกม” สำหรับตลาดคริปโต
การที่ JPMorgan ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีอิทธิพลสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก พิจารณาเปิดบริการเทรดคริปโตให้สถาบัน ถูกมองว่าเป็น การขยับจากเฟส “ทดลอง” ไปสู่เฟส “ทำธุรกิจจริง” ของภาคธนาคารขนาดใหญ่
โดยเฉพาะในช่วงที่ สหรัฐฯ เริ่มมีท่าทีเชิงบวกต่อสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น และนักลงทุนสถาบันต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่ ปลอดภัย โปร่งใส และอยู่ภายใต้การกำกับดูแล เพื่อเข้าถึงตลาดคริปโต
ทำไมข่าวนี้จึงสำคัญต่อวงการคริปโต?
หาก JPMorgan เปิดบริการเทรดคริปโตจริง ผลกระทบต่อระบบนิเวศอาจเกิดขึ้นในหลายมิติ ได้แก่
-
สภาพคล่องจากฝั่งสถาบัน (Institutional Liquidity): เงินทุนขนาดใหญ่จากลูกค้าสถาบันอาจช่วยเพิ่มความลึกของตลาด โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ที่สถาบันคุ้นเคย เช่น อนุพันธ์
-
ความชอบธรรมของสินทรัพย์ดิจิทัล (Legitimacy): การยอมรับจากธนาคารระดับโลกช่วยตอกย้ำว่าคริปโตไม่ใช่เพียงสินทรัพย์ทางเลือก แต่กำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงินกระแสหลัก
-
การแข่งขันในอุตสาหกรรมการเงิน: ธนาคารและโบรกเกอร์รายอื่นอาจต้องเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์คริปโต เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียลูกค้าสถาบันให้กับคู่แข่ง
จุดเปลี่ยนของ JPMorgan: จาก “เสียงแข็ง” สู่ “ทางเลือกเชิงธุรกิจ”
ในอดีต Jamie Dimon ซีอีโอของ JPMorgan เคยแสดงท่าทีวิพากษ์วิจารณ์ Bitcoin อย่างรุนแรงหลายครั้ง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่าทีของธนาคารเริ่ม เปลี่ยนจากการปฏิเสธ เป็นการเปิดพื้นที่เชิงกลยุทธ์
Dimon เคยให้ความเห็นว่า แม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับคริปโตในเชิงปรัชญา แต่ ธนาคารไม่สามารถเมินเฉยต่อความต้องการของลูกค้าและทิศทางตลาดได้ โดยเฉพาะในประเด็น Stablecoin ซึ่งกำลังกลายเป็นสนามแข่งขันใหม่ของระบบการเงินโลก
ไม่ใช่แค่เทรดคริปโต แต่คือการเชื่อม TradFi เข้ากับ On-chain
นอกเหนือจากบริการเทรด JPMorgan ยังเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโลกการเงินดั้งเดิมเข้ากับบล็อกเชน เช่น JPMD (Deposit Token) ซึ่งถูกมองว่าเป็น “โทเคนเงินฝาก” สำหรับลูกค้าสถาบัน และมีการทดสอบบนเครือข่ายสาธารณะอย่าง Base
ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่า JPMorgan ไม่ได้มองคริปโตเพียงในฐานะสินทรัพย์เก็งกำไร แต่เป็น โครงสร้างใหม่ของการชำระเงินและการเคลื่อนย้ายเงินแบบ on-chain ในระดับสถาบัน
บริบทใหญ่: กฎระเบียบกำลัง “จัดระเบียบ” มากกว่า “ปิดกั้น”
อีกปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ธนาคารขนาดใหญ่เริ่มขยับ คือทิศทางของ กฎระเบียบในสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนจากการกดดัน มาเป็นการ วางกรอบที่ชัดเจน
หนึ่งในประเด็นที่ถูกจับตาคือกรอบกฎหมายด้าน Stablecoin เช่น GENIUS Act ซึ่งสื่อการเงินกระแสหลักมองว่าเป็นแรงเร่งให้สถาบันการเงินต้องปรับตัว เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในยุคที่สินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มผสานเข้ากับระบบการเงินหลักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
-----------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you