ดอกเบี้ยนโยบายจะเริ่มปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้?

หลังจากที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวสูงถึง 4.8% ในไตรมาส 1 และธนาคารแห่งประเทศไทย ประเมินว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือน พ.ค.และมิ.ย.ประกอบกับการเร่งตัวของเงินเฟ้อ

(โดยเงินเฟ้อในเดือน มิ.ย.สูงเพิ่มขึ้นเป็น 1.38%) ก็ทำให้นักวิเคราะห์บางสำนักเริ่มคาดการณ์ว่า ธปท. โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินจะเริ่มปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นในปีนี้ 1-2 ครั้ง จากระดับ 1.5% ในขณะนี้

ต่อมา นสพ กรุงเทพธุรกิจ สัมภาษณ์ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีหัวข้อข่าวว่า “วิรไทส่งสัญญาณดอกเบี้ย ‘ขาขึ้น’ และจับตา 4 ปัจจัย “ ได้แก่เงินเฟ้อ การขยายตัวของเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการเงิน และความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสร้าง “policy space” กล่าวคือ หากดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.5% เช่นปัจจุบันก็จะสามารถลดดอกเบี้ยลงได้เพียง 1.5% (ในอดีตดอกเบี้ยนโยบายเคยลดลงต่ำสุดที่ 1.25%) เพราะลดดอกเบี้ยต่ำกว่าศูนย์ จะผิดธรรมชาติอย่างมาก ดังนั้นหากปรับดอกเบี้ยนโยบายให้สูงขึ้นกว่านี้เช่น 2.5% ก็จะมี policy space ที่จะลดดอกเบี้ยลงได้มากกว่าคือ 2.5% ในกรณีที่ “เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น”

เรื่องนี้ อาจไม่ใช่เรื่องที่ไม่คาดคิดเพราะ การสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ โดย Wall Street Journal และความเห็นของผู้จัดการกองทุนสถาบันขนาดใหญ่ที่แบงค์ออฟอเมริกาเพิ่งสำรวจความเห็นมาในเดือนที่แล้วนั้น เกือบ 2/3 มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหมดแรงลงในปี 2020 และอาจทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกต้องชะงักงันลงไปพร้อมกันก็ได้ ทั้งนี้ เหตุการณ์ต่าง ๆ อาจพัฒนาไปในทางลบเร็วกว่านั้นก็ได้ เนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์ ยังยืนกรานที่จะดำเนินนโยบายกีดกันการค้าที่รุนแรงตามที่ได้เคยข่มขู่ประเทศคู่ค้าเอาไว้

กล่าวคือ หากตอบโต้กับจีนจนเต็มมูลค่าการส่งออกของจีน (5 แสนล้านเหรียญ) และขัดแย้งกับประเทศสมาชิกนาฟต้า (มูลค่าการค้า 1 ล้านล้านเหรียญ) ตลอดจน ขึ้นภาษีศุลกากรการนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ (มูลค่า 350,000 ล้านเหรียญ) และหากประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบดำเนินการตอบสหรัฐ อย่าง “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ก็จะกระทบกับมูลค่าการค้าของโลกได้มากถึง 2 ล้านล้านเหรียญหรือมากกว่า 10% ของมูลค่าการค้าทั้งโลก และเทียบเท่ากับ 2.5% ของ จีดีพี ของโลก (ปีหน้าคาดว่า จีดีพี โลก จะขยายตัวประมาณ 4%)

อย่างไรก็ดีผมก็ไม่แน่ใจว่าการปรับดอกเบี้ยขึ้น ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไปเพื่อเพิ่ม policy space จะเป็นคำตอบ เพื่อช่วยกอบกู้เศรษฐกิจไทย หากเศรษฐกิจโลกต้องเผชิญกับความตกต่ำในปี 2019-2020 ดังที่กล่าวข้างต้น เพราะเหตุผลหลัก ๆ 2 ประการคือ

การปรับดอกเบี้ยขึ้นนั้น อาจทำให้เงินบาทแข็งค่า ซึ่งไม่น่าจะเป็นการช่วยผู้ส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจากการกีดกันการค้าในตลาดโลก
นโยบายการเงินนั้น ตำราเศรษฐศาสตร์บอกว่าจะไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจในทันที แต่จะใช้เวลา (impact lag) ประมาณ 12-18 เดือน สมมุติว่า ธปท. ปรับดอกเบี้ยขึ้น 4 ครั้ง เริ่มต้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีนี้ ถึงกลางปีหน้า ก็แปลว่า ผลกระทบของการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการชะลอเศรษฐกิจ ก็จะเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ในปี 2020 ที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงพอดี ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่พึ่งประสงค์ในสถานการณ์ดังกล่าว

ดังนั้น การตัดสินใจที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจึงน่าจะต้องเป็นเหตุมาจากการปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ที่เร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจน และควรจะเร่งตัวขึ้นจนสูงกว่าเป้าหมายที่ ธปท. ได้ตกลงเอาไว้กับกระทรวงการคลังทุกปีที่ 2.5% แต่ปัจจุบันเงินเฟ้อเพิ่งจะเร่งตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเพียง 2-3 เดือน เท่านั้น และยังห่างไกลจากเป้าที่ตั้งเอาไว้คือ 2.5% อยู่มาก อย่างไรก็ดี เป้านี้อาจสูงเกินไป เพราะเงินเฟ้อในประเทศไทย อาจจะลดลงอย่างถาวร เนื่องจากเหตุผล 2 ประการคือ
ประชากรไทยกำลังแก่ตัวลงอย่างรวดเร็ว ทำให้การใช้จ่ายลดลงเพราะการออมสูงขึ้น

การขยายตัวของการค้าแบบ on-line และ E-commerce ทำให้การแข่งขันรุนแรงยิ่งขึ้น และผู้ผลิตปรับราคาสินค้าขึ้นไม่ได้มาก
สมมุติว่า ธปท เชื่อว่าเงินเฟ้อในประเทศไทยนั้น จะปรับลดลงโดยถาวรอยู่ที่ 1.5% ด้วยปัจจัยดังกล่าวข้างต้น จึงเห็นว่า หากเงินเฟ้อ ปรับเพิ่มขึ้น มาที่ระดับใกล้เคียง 1.5% ก็น่าจะเริ่มปรับดอกเบี้ยนโยบายได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ จีดีพี ไทยขยายตัวสูงถึง 4.4% ในปีนี้ ตามการคาดการณ์ของ ธปท เพราะ ธปท มองว่าเศรษฐกิจไทยนั้น โตเต็มที่ตามศักยภาพได้เพียง 4% ต่อปี กล่าวคือ การขยายตัวเกินกว่า 4% อย่างต่อเนื่อง จะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่หากเป็นเช่นนั้น เราก็จะต้องเผชิญปัญหา เพราะธนาคารกลางสหรัฐเขากำหนดเป้าเงินเฟ้อเอาใช้ที่ 2.0% และทำได้จริง (และอาจยอมให้เงินเฟ้อสูงกว่านั้น หรือ overshoot ก็ได้) ซึ่งหาก ธปท รีบปรับดอกเบี้ยขึ้นและทำให้เงินเฟ้อไทยติดอยู่ที่ 1.0-1.5% ต่อปี ก็ย่อมหมายความว่า เงินบาท ควรจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์ทุกปี เฉลี่ยปีละ 0.5-1.0%ซึ่งจะเป็นไปตามทฤษฎี Purchasing Power Parity หรือในระยะยาวกำลังซื้อของเงินทุกสกุลจะต้องเท่าเทียมกัน

โดย ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ
คอลัมนิสต์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเศรษฐกิจ คอลัมน์ "เศรษฐศาสตร์จานร้อน"

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645080 

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman

    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

XM

FCA, ASIC,IFSC,
CySec
1000 : 1 1 pips – Micro
1 pips – Standard

0 pips - Ultra low
$5 0.01 lots View Profile
Visit Website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"