บล.กสิกรไทย คาดการณ์ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (19–23 พ.ค. 2568) มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับที่ 1,185 และ 1,165 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,220 และ 1,230 จุด ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)

ไตรมาส 1/2568 ของไทย รวมถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า และทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินทุนต่างชาติ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐฯ ที่ตลาดให้ความสนใจ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการเดือนพฤษภาคม (เบื้องต้น), ยอดขายบ้านมือสองเดือนเมษายน และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ที่ต้องติดตามได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเมษายนของยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนพฤษภาคม (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ นอกจากนี้ ยังรวมถึงการประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนพฤษภาคม และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนเมษายนของจีน เช่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (13–16 พ.ค.) ดัชนีปรับลดลงต่ำกว่าแนว 1,200 จุด โดยในช่วงต้นสัปดาห์ได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังมีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันในอัตราที่สูงกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลในประเด็นสงครามการค้า และเกิดแรงซื้อหุ้นทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีและพลังงาน

อย่างไรก็ตาม หลังจากตอบรับข่าวดีในเบื้องต้น ดัชนีหุ้นไทยเริ่มเผชิญแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงานที่ได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง รวมถึงหุ้นในกลุ่มท่าอากาศยานที่ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดออกมาต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ ยังอาจมีแรงขายจากกองทุน LTF ที่ครบกำหนดและไม่ได้ย้ายเงินลงทุนไปยัง Thai ESGX อีกด้วย

ดัชนีหุ้นไทยจึงกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบในช่วงปลายสัปดาห์ แม้มีข่าวบวกจากการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ แต่ตลาดยังคงระมัดระวัง รอติดตามตัวเลข GDP ไทยที่จะประกาศในวันที่ 19 พ.ค.นี้

ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ 16 พ.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,195.77 จุด ลดลง 1.25% จากระดับสิ้นสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 44,122.66 ล้านบาท ลดลง 2.63% ส่วนดัชนี mai ปรับตัวลดลง 2.43% ปิดที่ 248.08 จุด