Demographic Shift : โครงสร้างประชากรที่มีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา

หัวข้อหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจที่จะพูดถึงกันมากนัก คือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไปของประเทศสหรัฐอเมริกา

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก และเมื่อเกิดการกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ย่อมจะเกิดแรงกระเพื่อมมาถึงตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย

โครงสร้างประชากรกับการเกษียณอายุ

เศรษฐกิจทั่วโลกในอดีตจนมาถึงปัจจุบันนี้ ถูกผลักดันไปข้างหน้าด้วยคนในรุ่นเบบี้บูม มาจนถึงคนรุ่น Generation X มาจนถึงรุ่นมิลเลเนียล ตามลำดับ ในประเทศสหรัฐเอง การขยายขนาดของประชากรในคนรุ่นเบบี้บูม เริ่มมีผลต่อเศรษฐกิจมาตั้งแต่ปี 1970 ซึ่งปีที่คนรุ่นเบบี้บูมมีอายุ 20 ปี และกำลังเข้าสู่ตลาดแรงงานในช่วงยุคของประธานาธิบดีเรแกน ซึ่งได้รับการเปรียบเทียบอย่างกว้างขวางว่านโยบายเศรษฐกิจของทรัมพ์นั้น มีความคล้ายคลึงกับช่วงยุคของประธานาธิบดีเรแกนเป็นอย่างมาก

คนรุ่นเบบี้บูมในสหรัฐคือรุ่นที่เกิดมาหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และได้เห็นความขัดสนของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ ดังนั้น คนรุ่นเบบี้บูมในสหรัฐจึงเข้าตลาดแรงงานมาพร้อมกับความต้องการที่จะทำชีวิตให้ดีขึ้น คนรุ่นนี้สร้างทุกอย่างจากศูนย์ แปลว่าในแง่ของการบริโภค ทันทีที่พวกเขาได้เงินเดือน สิ่งที่พวกเขาจะทำคือการซื้อ บ้านหลังแรก รถคันแรก โทรทัศน์เครื่องแรก ตู้เย็นเครื่องแรก และสิ่งอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นของสิ่งแรกในชีวิตพวกเขา ดังนั้น เมื่อมีความต้องการบริโภคมาก แต่เงินเดือนมีจำกัด Wall Street และรัฐบาลจึงมีสร้าง 2 นโยบาย ที่ผลักดันให้คนกลุ่มนี้สามารถบริโภคได้มากกว่าเงินที่เขาหามาได้ นั่นคือ นโยบายกองทุนเกษียณอายุ และนโยบายการให้สินเชื่อแก่บุคคลทั่วไป

คนยุคก่อนเบบี้บูมคือคนกลุ่มที่พบกับความยากลำบากและรู้ว่าจะต้องเก็บเงินเอาไว้ใช้ในยามที่ตนเองแก่เฒ่าหรือทำงานไม่ได้แล้ว ในขณะที่คนยุคเบบี้บูม ได้รับข้อเสนอจากวอลล์สตรีต ว่าแทนที่พวกคุณจะต้องเก็บเงินไว้กับตัวเองในปริมาณมากๆ มันจะดีกว่าหรือไม่ที่จะนำเงินจำนวนที่น้อยกว่ามาให้วอลสตรีตช่วยดูแล เพราะวอลลสตรีท สามารถเปลี่ยนเงินจำนวนน้อยของคุณ​ให้กลายเป็นเงินจำนวนมากในยามเกษียณอายุได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คนในตลาดแรงงาน ปันเงินบางส่วนจากเงินเดือนไปให้วอลสตรีทบริหารในนามของ กองทุนเกษียณอายุ พวกเขาเก็บเงินน้อยลง เพื่อหวังเงินที่มากขึ้นในอนาคต และยังสามารถใช้จ่ายเงินในวันนี้ได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากจะได้รับข้อเสนอจากวอลสตรีทแล้ว ในช่วงปี 1970s ประธานาธิบดีเรแกนได้ออกกฏหมาย อนุญาติให้ธนาคารสามารถให้เครดิตกับประชาชนทั่วไป ทำให้คนอเมริกันสามารถใช้จ่ายเงินในอนาคตได้ ผลของการออกกฏเช่นนี้คือการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดเครดิต หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ หนี้ภาคครัวเรือนเติบโตขึ้น เมื่อรวมเข้ากับการกำเนิดของกองทุนเกษียณอายุ สิ่งที่เกิดขึ้นคือเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด รวมไปถึงตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน

ดังนั้น ในสหรัฐอเมริกา เราจะพบว่าสิ่งที่คนในตลาดแรงงานหวังจะพึ่งพิงในกลุ่มคนยุคเบบี้บูมมาจนถึงเจนเนอเรชั่น X และเจน Y ส่วนใหญ่ คือกองทุนเกษียณอายุ ไม่ว่าจะเป็น Pension Fund หรือโปรแกรม 401(k)s พวกเขาหวังว่าการเก็บเงินของพวกเขาจะทำให้พวกเขามีชีวิตดีในยามเกษียณโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาลูกหลาน แต่ความเป็นจริงคือ หลังจากฟองสบู่สินเชื่อบ้านแตกในปี 2008 พอร์ตการลงทุนของพวกเขารวมถึงพอร์ตเพื่อการเกษียณอายุขาดทุน โดยจะเห็นได้จากตัวเลขผลตอบแทนจากกองทุนเกษียณอายุในปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 23,000 เหรียญ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อปีโดยเฉลี่ยของคนอเมริกันอยู่ที่ 44,000 เหรียญ ซึ่งแปลว่า หากพวกเขาเกษียณอายุที่ 60 ปี พวกเขาจะมีรายได้ไม่พอจ่ายรายจ่ายขั้นพื้นฐานไปโดยปริยาย เมื่อเงินเพื่อการเกษียณไม่เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิต พวกเขาจึงไม่สามารถจะเกษียณอายุได้ ที่เลวร้ายไปกว่านั้น คือเพื่อจะทำให้ตัวเองมีเงินเพียงพอสำหรับการเกษียณ พวกเขาเริ่มลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเพื่อหวังผลตอบแทนที่มากขึ้นเพียงพอให้พวกเขาเกษียณอายุได้ในเวลาที่พวกเขาต้องการ

พฤติกรรมการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากขึ้นถูกส่งต่อมายังคนรุ่นเจน X และ Y ด้วย เพราะพวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนรุ่นเบบี้บูมที่ทำงานมาทั้งชีวิต แต่ไม่อาจมีความสุขกับชีวิตหลังวัยเกษียณได้ เมื่อนับรวมกับปัจจัยการใช้ชีวิตที่มีความหรูหรามากขึ้นของคนเจน X และ Y ทำให้พวกเขาเหล่านี้ต้องการเงินที่มากขึ้นไปอีก เงินจำนวนเท่ากันที่คนรุ่นเบบี้บูมเพียงพอต่อการใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุ ไม่เพียงพอกับคนรุ่นเจน X และ Y อีกต่อไป ที่แย่ไปกว่านั้น คือปริมาณหนี้สินที่เกิดขึ้นจากการใช้จ่ายเพื่อสร้างชีวิตที่สุขสบายอย่างที่ตัวเองอยากมี ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาเดียวกันกับประเทศไทยที่พบว่าคนเจน Y นั้นมีภาระหนี้สินส่วนบุคคลที่มากที่สุด เพราะมันเกิดจากการมีความคาดหวังต่อการใช้ชีวิตบนระดับที่สูงขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั่นเอง

โครงสร้างประชากรกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ

โดยปกติแล้ว ปัจจัยในการผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจมาจาก 3 ปัจจัย คือ 1 ปัจจัยด้านเงินทุน 2 ปัจจัยด้านแรงงาน ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพของแรงงาน และ 3 ปัจจัยทางด้านผลผลิต (Productivity) จากโครงสร้างประชากรที่คนส่วนใหญ่ของสหรัฐอเมริกาคือคนรุ่นเบบี้บูม เจน X และ เจน Y ตามลำดับ เราจะพบว่า จำนวนแรงงานที่เข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐนั้นมีปริมาณที่น้อยลง ในขณะที่แรงงานส่วนใหญ่ของตลาดมีอายุที่มากขึ้น แปลความได้ว่า ในแง่แรงงานนั้น แรงงานใหม่ที่มีอายุน้อยในสหรัฐ มีปริมาณน้อยลง ในขณะที่แรงงานจำนวนมากเป็นแรงงานที่มีอายุเยอะ และมีแนวโน้มที่จะสร้างผลผลิต (Productivity) ได้น้อยลง เมื่อทั้งปัจจัยทางด้านแรงงานและผลผลิตมีปัญหา ย่อมสร้างปัญหาให้กับการเติบโตของเศรษฐกิจด้วย

หากเราเปรียบเทียบโครงสร้างประชากรในช่วงเวลาปัจจุบัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลสหรัฐผลักดันให้เศรษฐกิจกลับเป็นขาขึ้น เทียบกับสมัยเรแกน ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ทำให้เศรษฐกิจจากที่เคยติดลบ 0.3 กลับมาเป็นบวก 4 ได้ เราจะเห็นว่า ในสมัยเรแกนนั้นมีชนชั้นกลุ่มที่เป็นแรงงานคือรุ่นเบบี้บูมที่มีปริมาณเยอะ และเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 2% ในขณะที่ในตอนนี้ ตลาดแรงงานรุ่นใหม่ที่เข้ามาทดแทนคนที่เกษียณออกไปนั้นไม่ได้ทำให้ตลาดแรงงานขยายตัวเลย ตรงกันข้าม จากเหตุการณ์ฟองสบู่สินเชื่อบ้านแตกเมื่อปี 2008 กลับทำให้ตลาดแรงงานนั้นหดตัวลงไปอย่างมาก เมื่อแรงงานหด และ ประสิทธิภาพการสร้างผลผลิตหดหาย จึงส่งผลทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจอเมริกาไม่เคยเติบโตได้เท่ากับที่คาดการณ์เลยสักครั้งเดียว แม้ว่าจะมีความพยายามในการเพิ่ม Capital ผ่านการทำ QE ซึ่งเป็นการเติมเงินเข้าไปในระบบจำนวนมหาศาลก็ตาม

โครงสร้างประชากรกับพฤติกรรมการลงทุน

เมื่อรวมสองปัจจัย คือ การไม่สามารถสร้างเงินเก็บในวัยเกษียณได้ และการไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ แม้บริษัทใหญ่ในสหรัฐจะมีการเติบโต แต่คนส่วนใหญ่ในประเทศนั้นกลับไม่มีส่วนร่วมในการเติบโตของเศรษฐกิจนี้ โดยดูได้จากตัวเลขเงินเก็บเฉลี่ย (Average) ของคนทั้งประเทศ คือ 107,000 เหรียญ เทียบกับ เงินเก็บเฉลี่ยของคนส่วนมากในประเทศ (Median) คือ 18,000 เหรียญ เราจะพบว่าในสหรัฐนั้นก็เกิดเหตุการณ์ รวยกระจุก จนกระจาย ไม่ได้ต่างอะไรกับประเทศไทยเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ในยามเกษียณ คนรุ่นเบบี้บูมเลี้ยงตัวเองไม่ได้ เจน X และ Y มีทั้งหนี้ และไม่มีเงินเกษียณ และคนเจนถัดมาเต็มไปด้วยหนี้สินจากการศึกษา ในช่วงเวลาที่สินทรัพย์ทุกอย่างบนโลกนี้แพงทั้งหมด ทำให้คนรุ่นมิลเลเนียมเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม พวกเขาจะเก็บเงินในตลาดหุ้น ในกองทุน น้อยลง แต่หันมาเป็นผู้ประกอบการแทน

การมาของ startup ในปัจจุบัน คือผลกระทบจากการที่คนรุ่นมิลเลเนียมเห็นความล้มเหลวของคนในรุ่นเบบี้บูม เจน X และ เจน Y ส่วนใหญ่ รวมถึงผลกระทบจากการที่พวกเขาไม่มีเงินพอที่จะลงทุนบนสินทรัพย์ที่มีราคาแพงในปัจจุบัน สิ่งที่เกิดขึ้น เราจึงได้เห็นการเติบโตของสินทรัพย์ใหม่อย่างคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งแม้จะยังไม่มีใครรู้อนาคต แต่อย่างน้อย มันเป็นสินทรัพย์ที่พวกเขามีความสามารถที่จะลงทุนได้ เราได้เห็นผู้ประกอบการใหม่จำนวนมากในทุกๆ ประเทศ เพราะพวกเขาเห็นแล้วว่าตลาดแรงงานไม่ได้ให้ความมั่นคงกับชีวิต ดังนั้น ในประชากรรุ่นถัดไปคือรุ่นมิลเลเนียล พวกเขาจะสร้างธุรกิจใหม่ อุตสาหกรรมใหม่ และเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นของพวกเขา โดยแนวโน้มคือการทำธุรกิจที่มีขนาดเล็กลง ใช้แรงงานน้อยลง แต่มีประสิทธิภาพที่จะสร้างผลผลิตได้มากขึ้น ทำให้การเคลื่อนที่ของเศรษฐกิจในอนาคตสามารถที่จะเติบโตได้บนจำนวนประชากรที่ลดน้อยลง

สรุป

ไม่ใช่เฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างประชากรที่กำลังเปลี่ยนจากรุ่นเบบี้บูม ซึ่งมีจำนวนมหาศาล มาสู่ประชากรรุ่นมิลเลเนียมที่มีจำนวนลดลง ประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นยุโรป ญี่ปุ่น จีน หรือแม้แต่ประเทศไทยเอง ก็กำลังจะเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน คือคนเกษียณอายุที่มีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เงินกองทุนประกันสังคมถูกเบิกถอนออกไปเป็นจำนวนมาก แต่เพราะแรงงานที่เข้าโครงการประกันสังคมมีน้อยลง ก็จะทำให้กองทุนนี้มีแนวโน้มจะลดขนาดลงไปเรื่อยๆ ปัญหาคือ กองทุนมีขนาดเล็กลง แต่จำนวนประชากรที่ต้องใช้รัฐสวัสดิการมีมากขึ้น จึงเป็นเรื่องท้าทายของรัฐบาลทุกประเทศที่จะจัดการกับปัญหาสังคมผู้สูงอายุนี้ นอกจากนั้น ยังมีปัญหาเรื่องความสามารถในการเติบโตของเศรษฐกิจของแต่ละประเทศในสภาวะที่จำนวนประชากรลดน้อยลงอีกด้วย แต่ในสารพัดปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของคนรุ่นต่อไป อาจจะเป็นกุญแจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของโลกใบนี้ได้ เพราะด้วยสมการเดียวกัน คือการเติบโตของเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับปัจจัยด้าน เงินทุน แรงงาน และผลผลิต หากประเทศใดสามารถสร้างประชากรรุ่นถัดไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบันนี้ จนทำให้แรงงานจำนวนน้อยสามารถสร้างผลผลิตจำนวนทวีคูณได้ ประเทศนั้นก็จะสามารถเจริญเติบโตบนโครงสร้างประชากรใหม่ที่เปลี่ยนไปได้ในอนาคต บนยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0

Mei

Big Credit to : Retirement Crisis Documentary by Raoul Pal from RealVision

คลิก

https://www.vox.com/a/new-economy-future/aging-population-slow-growth 

#DemographicShift #GenerationShift #Retirement #MacroEconomic #Dinotech

Cr.DinoTech5.0

บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman

170225DGS 5208 FX Hanuman Media Buying Banners 843150 TH    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

121224 ebc forex logo 100x33EBC

FCA ,ASIC, CYAMAN 1000 : 1 1.1 pips - STD
0 pips - Pro
$50 0.01 lots View Profile
Visit Website
020125 eightcap 100x33eightcap  ASIC, FCA, SCB, CySec  500 : 1
1.0 Pips -STD
0.0 Pips - Raw
1.0 Pips - TradingView
$20   0.01 lots

View Profile

Visits website

 

180225 logo fpmarkets 100x33

Fpmarkets

ASIC, CySec  500 : 1

ECN 0.0 Pips
Standard 1.0 Pips

$100 0.01 lots

View Profile

Visits website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"