ธปท. เผย คลังยังไม่ได้หารือถึงการทดลองใช้คริปโทฯ ซื้อสินค้าที่ จ .ภูเก็ต และ การออก Stable Coin อิงพันธบัตรรัฐบาล คาดประกาศรายชื่อ Virtual Bank ได้ตามไทม์ไลน์กลางปี 68 ยันช่วงแรกให้ใบอนุญาต 3 รายเหมาะสม 31 ม.ค. 2568 น.ส. ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์

และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึง กรณีที่รัฐบาลเดินหน้าศึกษาการใช้สกุลเงินดิจิทัล (คริปโทเคอร์เรนซี) มาใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าใน จ. ภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ ว่า

ปัจจุบันคนที่กำกับดูสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) คือ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่หากนำมาใช้ในระบบการชำระเงินธปท. จะเป็นผู้ดูแล อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลและกระทรวงการคลังยังไม่ได้เข้ามาหารือกับธปท. ถึงกรณีดังกล่าว

“เข้าใจว่าเขากำลังหาโมเดลอยู่ เราต้องดูว่าเขาจะใช้โมเดลไหน ตอนนี้ยังต้องรอความชัดเจนก่อน หากเขามีการนำตัวกลางเข้ามาใช้ในระบบชำระเงินก็ต้องดูว่าตัวกลางนั้นดูแลความเสี่ยงได้หรือไม่ และต้องดูว่าจะทำให้เกิดเงินชนิดใหม่ในระบบเศรษฐกิจไหม เพราะเงินบาทมีเสถียรภาพอยู่แล้ว ไม่เหมือนกับอาเจนติน่าที่เงินเขาแย่มากเลยต้องใช้ดอลลาร์ฯ ด้วย

ดังนั้นเมื่อเงินบาทมีความเสถียรเราก็ควรใช้แค่เงินบาทแบบเดียว เพราะในแง่ของการทำนโยบายดูแลเงินเฟ้อก็ต้องทำผ่านการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายบนเงินบาท ถ้าเงินบาทไม่ได้รับการใช้เยอะเหมือนเดิมการทำนโยบายเพื่อดูแลค่าครองชีพของประชาชนก็จะทำได้น้อยลง”

สำหรับกรณีที่กระทรวงการคลังมีแนวคิดในการนำพันธบัตรรัฐบาลมาทำ Tokenize หรือแปลงให้อยู่ในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stable coin เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการลงทุนได้มากขึ้น โดยจะทดลองออกStable Coin อิงพันธบัตรรัฐบาล มูลค่า 10,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2568 น.ส. ชญาวดี เปิดเผยว่า พันธบัตรรัฐบาลมาทำ Tokenize ปัจจุบันสามารถทำได้และ ก.ล.ต. มีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว

“ในส่วนของการนำพันธบัตรมาทำ Tokenize สามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ต้องดูว่า Stable Coinจะใช้อะไรหนุนหลัง ซึ่งตามกฎหมายบางอย่างทำได้แต่บางอย่างก็อาจจะต้องปรับ”

ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) น.ส. ชญาวดี กล่าวว่า ปัจจุบันอยู่ในกระบวนการคัดเลือก ตามกำหนดการคือจะมีการประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกในช่วงกลางปี 2568 โดยยืนยันว่าจะให้ใบอนุญาตไม่เกิน 3 ราย

“Virtual Bank มีเรื่องที่ต้องระวังคือการที่ไม่มีสาขาเป็นธนาคารรูปแบบใหม่ ดังนั้นทั้งการกำกับดูแล ผู้ให้บริการ และประชาชนที่มากู้เงิน จึงเป็นอะไรที่ใหม่ทั้งหมด จึงไม่ควรให้มีอะไรผิดพลาด เราไม่ได้ปิดกั้นว่าในอนาคตจะมีแค่ 3 ราย แต่ที่กำหนดเกณฑ์ไว้ที่ 3 ราย เพราะต้องมั่นใจว่าทรัพยากรที่จะใช้ดูแลผู้ประกอบการและประชาชนที่ใช้บริการว่ามีเพียงพอ”