ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (12-16 ส.ค. 67) ที่ระดับ 34.90-35.70 บาท/ดอลลาร์ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ระบุปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในช่วงนี้ ได้แก่:
-
ทิศทางเงินทุนต่างชาติ (Flow): การไหลเข้าหรือออกของเงินทุนต่างชาติมีผลกระทบต่อค่าเงินบาท โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ตลาดการเงินทั่วโลกยังคงมีความผันผวนสูง
-
ปัจจัยทางการเมืองของไทย: ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศไทยอาจสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินบาท ทั้งในด้านความมั่นใจของนักลงทุนและความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลหรือการออกนโยบายใหม่ ๆ
-
ทิศทางเงินเยนและสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ: การเปลี่ยนแปลงของเงินเยนและสกุลเงินในภูมิภาคเอเชียอาจมีผลกระทบต่อค่าเงินบาท เนื่องจากประเทศไทยมีการค้าขายและการลงทุนกับประเทศเหล่านี้อย่างใกล้ชิด
-
ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด: การแถลงการณ์หรือความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจมีผลกระทบต่อทิศทางดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินทั่วโลก
-
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ: เช่น ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนกรกฎาคม ผลสำรวจภาคการผลิตจากเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองของผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจจากภูมิภาคอื่น ๆ ได้แก่:
- ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมของอังกฤษ: ซึ่งจะส่งผลต่อความคาดหวังในการปรับดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ
- ข้อมูล GDP ไตรมาส 2/2567 ของยูโรโซน ญี่ปุ่น และอังกฤษ: เพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคเหล่านี้
- ตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือนกรกฎาคม: เช่น การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และอัตราการว่างงาน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดการเงินในภูมิภาคเอเชีย
ในช่วงสัปดาห์ที่ 5-9 สิงหาคม 2567 เงินบาทมีการเคลื่อนไหวผันผวนแต่ยังคงทิศทางแข็งค่า โดยในช่วงต้นสัปดาห์ เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 6 เดือนครึ่งที่ระดับ 35.05 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากแรงเทขายเงินดอลลาร์ที่เกิดขึ้นหลังจากข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เดือนกรกฎาคมออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มคาดหวังว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนกันยายน
อย่างไรก็ตาม เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงกลางสัปดาห์ตามปัจจัยทางการเมืองในประเทศ ขณะที่เงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นจากแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ หลังจากดัชนี ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดยังส่งสัญญาณว่า แม้เฟดอาจมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ยังคงต่ำ
เงินบาทกลับมาแข็งค่าอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์เนื่องจากมีสัญญาณฟันด์โฟลว์จากนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อพันธบัตรไทยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นยังช่วยหนุนค่าเงินบาทอีกด้วย ขณะที่แรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงชะลอลงจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่คาด ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ
ในวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม 2567 เงินบาทปิดตลาดที่ 35.22 บาท/ดอลลาร์ ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับ 35.36 บาท/ดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (2 สิงหาคม 2567)
สำหรับการเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 5-9 สิงหาคม 2567 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 423 ล้านบาท และมีสถานะ Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทยต่อเนื่องอีก 34,445 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิพันธบัตร 34,945 ล้านบาท หักลบตราสารหนี้ที่หมดอายุ 500 ล้านบาท
----------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo