โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญภายใต้โครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาสนามบินแห่งนี้ให้เป็นสนามบินแห่งที่ 3 ของกรุงเทพฯ และเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย
รวมถึงการฟื้นโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) ที่จะช่วยรองรับการเติบโตของธุรกิจการบินในภูมิภาค
พื้นที่สำหรับการลงทุน MRO ใน EEC ที่สนามบินอู่ตะเภามีศักยภาพสูง และ สกพอ. ได้กันพื้นที่ไว้ประมาณ 210 ไร่เพื่อให้บริการกับสายการบินพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศ โดยโครงการนี้เดิมมีกำหนดให้บริษัทการบินไทยและบริษัทแอร์บัสจากฝรั่งเศสร่วมลงทุน แต่เนื่องจากสถานการณ์ธุรกิจการบินและการลงทุนใน EEC ได้เปลี่ยนไป ทาง สกพอ. จึงวางแผนที่จะเปิดประมูลใหม่ให้กับผู้สนใจเข้ามาลงทุนใน MRO โดยการบินไทยยังคงสามารถเข้าร่วมการประมูลนี้ได้ เนื่องจากสัญญาเช่าที่ดอนเมืองจะหมดอายุในปีหน้า
พื้นที่สำหรับการสร้าง MRO ที่สนามบินอู่ตะเภามีศักยภาพสูง เนื่องจากอยู่ใกล้กับรันเวย์ที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นในปี 2571 ทำให้เป็นทำเลที่เหมาะสมอย่างมากสำหรับการซ่อมบำรุงเครื่องบินหลายประเภท โดยการเปิดใช้งานรันเวย์ที่ 2 และศูนย์ MRO น่าจะเกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งจะส่งเสริมศักยภาพของสนามบินในการรองรับธุรกิจการบินในภูมิภาค
โครงการก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 นี้ ITD ชนะการประมูล โดยมีการเปิดประมูลให้ภาคเอกชนที่ผ่านคุณสมบัติ 5 รายเข้ามาแข่งขันในโครงการก่อสร้างแบบนานาชาติ (International Bidding)
ล่าสุด บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ “ITD” ได้รับการคัดเลือกให้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 ของสนามบินอู่ตะเภา โดยเสนอราคาก่อสร้างที่ 13,200 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลางที่กำหนดไว้ที่ 15,200 ล้านบาท คู่แข่งอีก 4 บริษัทเสนอราคาสูงกว่า ITD ทุกราย
หลังจากนี้ คณะกรรมการคัดเลือกจะประกาศผลการคัดเลือกอย่างเป็นทางการ จากนั้นกองทัพเรือ ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ จะทำสัญญากับ ITD เพื่อเริ่มต้นการก่อสร้าง โดยกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปีนับจากวันที่เริ่มทำสัญญา
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของโครงการนี้ในการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
นายภูมิธรรมได้กล่าวว่า การพัฒนาโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือและภาคเอกชน โดยรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะขจัดข้อติดขัดและเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนและผลักดันให้ EEC เป็นจริงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ความคืบหน้าในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกได้มีความก้าวหน้าในหลายด้าน:
-
การก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 และทางขับ: กองทัพเรือได้รับอนุมัติวงเงิน 16,210 ล้านบาท และ สกพอ.ได้ส่งมอบพื้นที่สำหรับการดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการคัดเลือกผู้รับเหมาและที่ปรึกษาเพื่อควบคุมการก่อสร้าง
-
ระบบสาธารณูปโภค: งานระบบไฟฟ้าและน้ำเย็นคืบหน้า 95.13% โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ขนาด 15 เมกะวัตต์สร้างแล้วเสร็จ 100% ระบบประปาและน้ำเสียมีกำลังผลิตน้ำประปา 10,000 ลูกบาศเมตรต่อวัน (เฟสแรก) เสร็จสมบูรณ์ และระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานก้าวหน้า 50.16%
-
การออกเอกสาร NTP: คาดว่าจะออกในปี 2567 เพื่อเริ่มงานก่อสร้างสำคัญ เช่น อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 และศูนย์ธุรกิจการค้า โดยโครงการทั้งหมดคาดว่าจะเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2572
การพัฒนาสนามบินนี้จะช่วยส่งเสริมให้อู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวในพื้นที่ EEC
นายภูมิธรรม เวชยชัย ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ EEC โดยระบุว่า คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ได้เสนอร่างประกาศเรื่องสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ (EEC Track) ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อดึงดูดนักลงทุนภายใต้ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมก่อนจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในเร็ว ๆ นี้
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการชักชวนนักลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 2566 ถึง 12 ก.ค. 2567 ระบุว่า มีการดึงดูดนักลงทุน 109 ราย ใน 45 โครงการ รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 276,469 ล้านบาท ใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายหลัก ดังนี้:
-
อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy): มูลค่าการลงทุนสูงสุดที่ 152,300 ล้านบาท รวม 15 โครงการ โดยมีโครงการที่นักลงทุนส่งหนังสือแสดงเจตจำนงการลงทุน 9 ราย รวม 12 โครงการ และโครงการที่นักลงทุนยื่นข้อเสนอโครงการแล้ว 3 ราย รวม 3 โครงการ
-
อุตสาหกรรมบริการ: มูลค่าการลงทุนรวม 59,582 ล้านบาท รวม 11 โครงการ โดยมีโครงการที่นักลงทุนส่งหนังสือแสดงเจตจำนงการลงทุน 11 ราย รวม 11 โครงการ และโครงการที่นักลงทุนยื่นข้อเสนอโครงการแล้ว 2 ราย รวม 2 โครงการ
-
อุตสาหกรรมดิจิทัล: มูลค่าการลงทุนรวม 46,739 ล้านบาท รวม 5 โครงการ โดยมีโครงการที่นักลงทุนส่งหนังสือแสดงเจตจำนงการลงทุน 5 ราย รวม 5 โครงการ และโครงการที่นักลงทุนยื่นข้อเสนอโครงการแล้ว 3 ราย รวม 3 โครงการ
-
อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่: มูลค่าการลงทุนรวม 17,515 ล้านบาท รวม 6 โครงการ โดยเป็นโครงการที่นักลงทุนส่งหนังสือแสดงเจตจำนงการลงทุนทั้งหมด
-
อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ: มูลค่าการลงทุนรวม 333 ล้านบาท รวม 3 โครงการ โดยเป็นโครงการที่นักลงทุนส่งหนังสือแสดงเจตจำนงการลงทุนทั้งหมด
การลงทุนเหล่านี้สะท้อนถึงความสนใจในพื้นที่ EEC และศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจที่สำคัญในอนาคต
Cr.กรุงเทพธุรกิจ
----------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo