‘จีน’เปลี่ยนผู้นำประเทศ กระทบสมดุลอํานาจ การคลังและเศรษฐกิจ ‘สั่นคลอน’

การเปลี่ยนผู้นำประเทศของ “จีน”ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อาจเป็นต้นกำเนิดของสมดุลอํานาจทางการคลังระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐบาลท้องถิ่นที่ตอนนี้อยู่ในภาวะ “สั่นคลอน” มาเป็นเวลากว่าทศวรรษ ซึ่งกระทบต่อความเจริญรุ่งเรืองของ”เศรษฐกิจ”ในระยะยาว

Keypoint :
- Lying Flat วลีที่สะท้อนปัญหาผลกระทบเชิงลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
จีนประกาศจะออกพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมอีก 1 ล้านล้านหยวน หรือราว 1.37 แสนล้านดอลลาร์เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
- เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานท้องถิ่น รอให้รัฐบาลกลางออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่ต้องทำอะไรเลย
- รัฐบาลท้องถิ่นพึ่งพารัฐบาลกลางมากเกินไป ทำให้ส่งผลกระทบต่อความเจริญรุ่งเรืองของ”เศรษฐกิจ”
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานถึงเศรษฐกิจจีน หลังจากที่รัฐบาลกลางของจีนเพิ่มการกู้ยืมเงินมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นนอกงบดุลหรือ Local Government Financing Vehicle (LGFV) จีนที่นำเงินไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ สูงค้ำคอ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 9.3 แสนล้านหยวน
ทำให้เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา จีนประกาศจะออกพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมอีก 1 ล้านล้านหยวน หรือราว 1.37 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ผ่านมา เพื่อบูรณะซ่อมแซมพื้นที่ซึ่งได้รับหายนะจากภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
การออกพันธบัตรดังกล่าวจะทำให้การขาดดุลงบประมาณปี 2566 ขยับขึ้นจาก 3% เป็น 3.8% ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นนักที่จีนจะยอมให้มีการเพิ่มการขาดดุล ทำให้นักวิเคราะห์บางคนมองว่ากลยุทธ์นี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ระหว่างรัฐบาลและอาจทําให้แรงผลักดันในการออกนโยบายใหม่อ่อนแอลง
รัฐบาลท้องถิ่น พึ่งพารายได้รัฐบาลกลางมากเกินไป
เล่อ เซียะ ( Le Xia) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เอเชียของ Banco Bilbao Vizcaya Argentaria SA กล่าวว่า การที่รัฐบาลท้องถิ่นพึ่งพารัฐบาลกลางในระยะยาว จะทำให้ความทะเยอทะยานของรัฐบาลท้องถิ่น ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในท้องถิ่นในรูปแบบนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่เกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเจริญรุ่งเรืองของ”เศรษฐกิจ”
อีกสิ่งหนึ่งที่อาจทำให้เศรษฐกิจเติบโตเพื่อไปถึงเป้าหมายของ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการเป็น "ประเทศพัฒนาขนาดกลาง" ภายในปี 2573 เกิดขึ้นได้”ยาก” กว่าเดิม คือการเฉยเมยของผู้นำท้องถิ่น ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าเศรษฐกิจจีนจะต้องขยายตัวถึงปีละประมาณ 4.7% โดยเฉลี่ยในแต่ละปี นั่นอาจเป็นเป้าหมายที่ทะเยอทะยานเกินไปหรือไม่
ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงภาวะอ่อนตัวในจีน ทำให้นักเศรษฐศาสตร์บางรายเริ่มออกมาพูดถึงความเสี่ยงที่จีนจะต้องรับมือและข้ามผ่านเพื่อให้อัตราการขยายตัวไปถึงเป้าหมาย 5% ในปีนี้ โดยรัฐบาลไม่ต้องควักเงินออกมาช่วยกระตุ้นเลย
ทั้งนี้ เป้าหมายจีดีพีที่ 5% นั้นยังสูงกว่าที่ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำหลายประเทศตั้งให้ตนเอง แต่เนื่องจากจีนนั้นใช้งบราว 40% ของจีดีพีในแต่ละปีเพื่อนำไปลงทุนในประเทศ ซึ่งสูงกว่างบของสหรัฐฯ ถึง 2 เท่า นักเศรษฐศาสตร์มองว่า เป้าหมายที่ว่านี้เป็นตัวเลขที่น่าผิดหวังอยู่ดี
นอกจากนั้น ยังมีประเด็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับจุดยืนของรัฐบาลเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการกระตุ้นทางการคลังครั้งใหญ่ เพราะปัจจุบัน กรุงปักกิ่งยังมีปัญหาภาระหนี้ในระดับเทศบาลที่สูงค้ำคออยู่
สมดุลอํานาจทางการคลัง”สั่นคลอน”
ช่วงเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา ความสมดุลของอํานาจทางการคลังระหว่างรัฐบาลกลางและท้องถิ่น”สั่นคลอน” มาเป็นระยะเวลานาน ตั้งแต่ในช่วงพ.ศ.2558
โดย จู หรงจือ (Zhu Rongji) อดีตนายกรัฐมนตรีจีน ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ถดถอยทั่วโลก เมื่อครั้งที่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี พ.ศ.2551-2552 และเหตุการณ์ไหลออกของเงินทุนในปี พ.ศ.2558 รัฐบาลจีนสามารถเร่งฟื้นฟูความมั่นใจของประชาชนด้วยมาตรการกระตุ้นแบบฉับพลันผ่านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและการส่งเสริมให้มีการเก็งกำไรตลาดอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
แต่การยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐานนั้นกลับนำมาซึ่งภาระหนี้ที่สูงเกินไป และท้ายสุดก็เกิดภาวะฟองสบู่แตกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการเงินในทุกวันนี้ และเพราะการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของจีนใช้การกู้ยืมเงินมาสนับสนุน
ขณะที่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวจนถึงจุดสูงสุดแล้ว และภาคการส่งออกก็ชะลอตัวตามทิศทางเศรษฐกิจโลก รัฐบาลกรุงปักกิ่งมีทางเดียวที่จะพึ่งเพื่อมาหนุนนำเศรษฐกิจของประเทศ และนั่นก็คือ การบริโภคภาคครัวเรือน
แต่ในกรณีของสถานการณ์ปัจจุบัน ภาวะชะลอตัวที่เกิดขึ้นต่างไปจากเดิม เพราะการที่จีนจะกลับมาฟื้นตัวได้สำเร็จหรือไม่ในครั้งนี้ ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ว่า รัฐบาลปักกิ่งจะสามารถโน้มน้าวให้ภาคครัวเรือนยอมใช้จ่ายมากกว่าที่เป็นอยู่และออมให้น้อยลงได้หรือไม่ และจะยอมเดินหน้าทำการดังกล่าวจนทำให้ความต้องการผู้บริโภคสูงจนชดเชยภาวะอ่อนตัวต่าง ๆ ของเศรษฐกิจของประเทศเลยหรือไม่
กลายเป็นรูปแบบการเติบโตของเศรษฐกิจที่ไม่ยั่งยืน เมื่อเกิดวิกฤติในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบให้ยอดหนี้ LGFVs ในบางภูมิภาคเริ่มสั่นคลอนจากการผิดนัดชําระหนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ปีที่แล้ว หลี่ เค่อเฉียง อดีตนายกรัฐมนตรีจีน เตือนว่าการเติบโตประจําปีมีความเสี่ยงที่จะไม่เป็นไปตามคาดการณ์หากเจ้าหน้าที่ไม่ดําเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากนโยบาย โควิดเป็นศูนย์ (zero-COVID) เช่น การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานในเศรษฐกิจ
Lying Flat Award
ณ มณฑล หลี่ซุ่ย ที่อยู่ทางตะวันออกของจีนให้รางวัล "Lying Flat Award" แก่หน่วยงานของรัฐสามแห่งเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสร้างความอับอายเพราะการบริหารที่ไม่ได้เรื่อง ทั้งการทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ในมองโกเลียที่เจ้าหน้าที่ทํางานล้มเหลว
“Lying flat” หรือในภาษาจีนเรียกว่า tǎng píng หมายถึงภาวะที่คนรุ่นใหม่ใช้ชีวิตไร้ความทะเยอทะยาน มีความต้องการต่ำเพียงแค่ให้พออยู่รอด เลิกล้มแนวคิดเรียนจบการศึกษาระดับสูง ทำงานหนักเก็บออมซื้อบ้านหรือแม้กระทั่งสร้างครอบครัว
โดยในสถานการณ์นี้ “Lying Flat” สะท้อนปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับสังคมจีน อันเป็นสังคมที่เคยขึ้นชื่อเรื่องความขยันและความทะเยอทะยาน รวมไปถึงผลกระทบเชิงลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
จีนเร่งปรับปรุงระบบการจัดเก็บภาษี
จากโครงสร้างรายได้ของรัฐบาลท้องถิ่นไม่เข้มแข็งพอ ที่ผ่านมารายได้จากการจัดเก็บภาษีมีน้อยมากแต่รายได้ส่วนใหญ่มาจากการปล่อยเช่าที่ดินให้บริษัทเอาไปพัฒนาต่อมีสัดส่วนที่เยอะเกินไป เมื่อภาคอสังหาฯ เกิดปัญหา การปล่อยเช่าที่ดินของรัฐบาลท้องถิ่นก็ชะลอตัว
ทำให้มีการขยายโครงการนำร่องจัดเก็บภาษีการถือครองทรัพย์สินที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม โดยแผนการดังกล่าวจะเป็นการจัดเก็บภาษีการถือครองทรัพย์สินเฉพาะในเขตเมือง ไม่ครอบคลุมภาคครัวเรือนในชนบทซึ่งอัตราภาษีและวิธีการจัดเก็บภาษีจะขึ้นอยู่กับรัฐบาลท้องถิ่น เบื้องต้นจะดำเนินการลักษณะโครงการนำร่องในบางพื้นที่เป็นระยะเวลา 5 ปี
การจัดเก็บภาษีดังกล่าวนับเป็นการปฏิรูประบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งจะส่งผลให้รัฐบาลจีนมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีมากขึ้น จากเดิมที่ทางการจีนโดยเฉพาะรัฐบาลท้องถิ่นต้องพึ่งพิงรายได้จากการขายหรือให้เช่าที่ดินแก่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนำไปสู่ปัญหาการเก็งกำไรและการปั่นราคาสูงกว่าความเป็นจริง
ประเมินว่า หากจีนสามารถจัดเก็บภาษีในอัตรา 0.7% ของมูลค่าทรัพย์สินที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมทั้งประเทศ จะส่งผลให้รัฐบาลจีนมีรายได้ถึง 1.8 ล้านล้านหยวนในปี 2563 ซึ่งมากกว่ารายได้ 1.6 ล้านล้านหยวนที่ทางการจีนได้จากการขายและให้เช่าที่ดิน
รวมทั้งการจัดเก็บภาษี จะเป็นแรงกดดันด้านราคาที่ไม่คุ้มค่าต่อการเก็งกำไร ยังจะลดความน่าสนใจของการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์จีน และถ่ายเทเงินทุนไปยังภาคส่วนอื่น ๆ มากขึ้น เช่น ภาคการส่งออกหรือภาคการบริการที่สามารถกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
ขณะที่ ยอดขายบ้านในจีนยังคง”ชะลดตัว” อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากราคาที่อยู่อาศัยที่ตกต่ำ ถือเป็นสัญญาณเชิงลบสําหรับรายได้ของรัฐบาลท้องถิ่นจากการขายที่ดิน
ในการประชุมเศรษฐกิจประจําปีครั้งสําคัญเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เหล่าผู้นำระดับสูงเรียกร้องให้มี "การปฏิรูประบบการคลังและภาษี" แต่ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งคําแถลงดังกล่าวกระตุ้นให้ปังกิ่งคิดถึงแผนการที่จะปรับโครงสร้างความสัมพันธ์ทางการเงินของส่วนกลางและท้องถิ่น
หวั่นเกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลปักกิ่ง-รัฐบาลท้องถิ่น
แจ็กเกอลีน หรง (Jacqueline Rong ) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของ BNP Paribas SA กล่าวว่า ส่วนสําคัญในการปฏิรูประบบการคลังรอบใหม่นี้ อาจทำให้รัฐบาลกลางแบกรับการขาดดุลงบประมาณที่มากขึ้น เช่นเดียวกับความรับผิดชอบในการใช้จ่ายที่มากขึ้น
ขณะที่ ติง ซวง(Ding Shuang) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Greater China and North Asia ที่ Standard Chartered Plc กล่าวว่า รัฐบาลกลางสามารถโอนเงินจากส่วนกลางไปยังรัฐบาลในท้องถิ่นเพื่อจัดการกับการพัฒนาที่ไม่สมากเสมอและอํานาจทางการคลังระหว่างภูมิภาคต่างๆที่สั่นคลอน
รวมทั้งรัฐบาลปักกิ่งยังสามารถผลักดันให้ผู้นําระดับภูมิภาคแก้ปัญหาต่างๆ เช่น การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอด้วยการใช้เงินจากรัฐบาล
ไมเคิล เพตติส (Michael Pettis) ศาสตราจารย์ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งกล่าวว่า ในขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นต้องเผชิญกับแรงกดดันจากภาระหนี้ แต่ยังคงถือสินทรัพย์ที่มีมูลค่า ซึ่งคิดเป็น 20% - 30% ของ GDP ของประเทศ
รวมทั้งศาสตราจารย์ยังมองว่า การโอนเงินบางส่วนไปยังรัฐบาลท้องถิ่น เช่น การจัดสรรที่ดินเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยราคาประหยัด แทนที่จะขายให้กับผู้เสนอราคาสูงสุด จะเป็นวิธี "เจ็บปวดน้อยที่สุด" ในการเพิ่มการบริโภคและปรับสมดุลเศรษฐกิจ
แต่อย่างไรก็ตาม การโยกย้ายงบประมาณเหล่านี้ ยังเป็นที่ถกเถียงกันทางการเมืองว่า ในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อาจเห็นความขัดแย้งระหว่างปักกิ่งและรัฐบาลท้องถิ่นในการรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

คลิก

Cr.Bank’s Scholarship Students

-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

XM

FCA, ASIC,IFSC,
CySec
1000 : 1 1 pips – Micro
1 pips – Standard

0 pips - Ultra low
$5 0.01 lots View Profile
Visit Website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"