เกิดอะไรขึ้นกับภาคธนาคารสหรัฐฯ? หลัง Moody’s หั่นเครดิตแบงก์รวดเดียว 10 แห่ง!

ไขคำตอบ เกิดอะไรขึ้นกับภาคธนาคารสหรัฐฯ? หลัง Moody’s หั่นอันดับเครดิตแบงก์ขนาดเล็กถึงขนาดกลางของสหรัฐฯ ลงถึง 10 แห่ง พร้อมเตือนว่าอาจปรับลดอันดับเครดิตของแบงก์ใหญ่บางแห่งลงด้วย ทำให้บางคนเกิดคำถามว่า ภาคธนาคารสหรัฐฯ

เสี่ยงล่มซ้ำรอย Silicon Valley Bank (SVB) และ Signature Bank หรือไม่
Moody’s Investors Service บริษัทจัดอันดับเครดิตชั้นนำของโลก ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารในสหรัฐฯ 10 แห่งลง 1 อันดับ พร้อมทั้งนำธนาคารยักษ์ใหญ่ 6 แห่งในสหรัฐฯ รวมถึง Bank of New York Mellon, U.S. Bancorp, State Street และ Truist Financial เข้าไปอยู่ในรายชื่อ ‘ทบทวนการปรับลดอันดับเครดิต’ (Review for Downgrade)
โดย Moody’s ระบุถึงสาเหตุของการดำเนินการครั้งนี้ในหมายเหตุว่า มาจากผลประกอบการไตรมาส 2 ของธนาคารหลายแห่งแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะลดความสามารถในการสร้างทุนภายใน (Internal Capital) ได้
พร้อมทั้งกล่าวอีกว่า ธนาคารบางแห่งยังเผชิญความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Commercial Real Estate: CRE) ซึ่งนับเป็นความเสี่ยงที่สำคัญสำหรับธนาคารบางแห่ง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงและความต้องการสำนักงานที่ลดลง อันเป็นผลมาจากการทำงานจากระยะไกล
นอกจากนั้น Moody’s ยังหั่นมุมมองอันดับเครดิต (Credit Outlook) ​ธนาคารในสหรัฐฯ 11 ราย เป็นลบ (Negative Outlook) รวมถึงธนาคาร Capital One, Citizens Financial และ Fifth Third Bancorp เป็นต้น
พร้อมทั้งเตือนว่าธนาคารที่มีผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจำนวนมาก (Unrealized Loss) แต่ยังไม่ได้สะท้อนอยู่ในอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่สถาบันการเงินดำรงไว้ตามกฎระเบียบ มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียความเชื่อมั่นในสภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงในปัจจุบัน
รายงานฉบับนี้เกิดขึ้นหลังการล่มสลายของ Silicon Valley Bank และ Signature Bank เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่วิกฤตความเชื่อมั่นในภาคการธนาคารของสหรัฐฯ จนไปถึงการแห่ถอนเงินในธนาคารภูมิภาคหลายแห่ง และทำให้ทางการออกมาตรการฉุกเฉินมาเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นในภาคส่วนดังกล่าวอีกครั้ง
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังมีขึ้นขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ทำให้ความต้องการเงินกู้และการกู้ยืมชะลอตัวลง
นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นยังทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยและสร้างแรงกดดันต่อภาคส่วนต่างๆ เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์
ตามข้อมูลการสำรวจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าบรรดาธนาคารในสหรัฐฯ มีมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น และความต้องการสินเชื่อที่ลดลงจากทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคในช่วงไตรมาสที่ 2
เกิดอะไรขึ้นกับภาคธนาคารสหรัฐฯ?
นริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี (ttb analytics) มองว่า สาเหตุที่ทำให้ Moody’s เคลื่อนไหวครั้งนี้มาจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลง การผิดนัดชำระที่มีแนวโน้มมากขึ้น ทิศทางคุณภาพสินทรัพย์และสินเชื่อบ้านของธนาคารต่างๆ แย่ลง
รวมไปถึงธุรกิจที่พึ่งค่าธรรมเนียม (Fee Based) ของธนาคาร เช่น ธุรกิจวาณิชธนกิจ (Investment Bank) ก็แย่ลง และการทำ M&A ก็ซาลง ทำให้รายได้ของธนาคารได้รับผลกระทบ
นอกจากนี้ “ปัจจัยดอกเบี้ยของ Fed ที่ขึ้นไปสูงมาก จากระดับ 0.25% มาอยู่ที่ 5.5% ในตอนนี้ ทำให้ธนาคารขนาดเล็กและธนาคารภูมิภาคในสหรัฐฯ ที่มีความเปราะบางอยู่แล้วได้รับผลกระทบ หรือมีอาการคล้ายๆ กับ SVB คือดอกเบี้ยขึ้นแล้วปรับไม่ทันขาดทุน” นริศกล่าว
สอดคล้องกับ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน และหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ที่ระบุว่า การเคลื่อนไหวของ Moody’s ครั้งนี้เห็นเค้าลางมาตั้งแต่ตอนที่ภาคธนาคารสหรัฐฯ เผชิญปัญหา SVB ล่มแล้ว
พร้อมทั้งมองว่าสาเหตุของการตัดสินใจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ Moody’s มาจากความเสี่ยงในการระดมทุน (Funding Risk) ที่สูงขึ้น และต้นทุนการเงิน (Funding Cost) ที่สูงขึ้นในภาคธนาคารสหรัฐฯ จากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ Fed สภาพคล่องที่หดตัว และความสามารถในการทำกำไรของแบงก์ที่ลดลง เนื่องจากคุณภาพของสินทรัพย์ธนาคารมีปัญหา รวมไปถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเผชิญการชะลอตัวชัดขึ้นเรื่อยๆ
การหั่นเครดิตแบงก์สหรัฐฯ จะส่งผลต่อการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed หรือไม่?
ดร.พิพัฒน์ มองว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่น่ากระทบการตัดสินใจของ Fed มาก โดยระบุว่า “ไม่ว่าจะมีข่าวนี้หรือไม่ Fed ก็ใกล้หยุดขึ้นดอกเบี้ยเต็มที่แล้ว เนื่องจากตอนนี้ดอกเบี้ยขึ้นมา 5.5% แล้ว และเงินเฟ้อก็เริ่มชะลอตัวลงแล้ว ดังนั้นตอนนี้ Fed คงต้องชั่งน้ำหนักว่าการขึ้นดอกเบี้ยต่อแล้วเจอปัญหาพวกนี้ กับผลประโยชน์ที่จะได้จากการลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ คุ้มกันหรือไม่”
พร้อมทั้งคาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยต่ออีกสักครั้ง แล้วคงไว้ถึงกลางปีหน้า เพื่อกดเงินเฟ้อลง เนื่องจากมองว่าแม้จะเกิดปัญหาในภาคธนาคารเหมือนตอน SVB ขึ้น Fed ก็มีเครื่องมือที่จะเข้าไปจัดการกับปัญหาเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ดร.พิพัฒน์ ยังมองว่า Fed น่ามองปัญหาภาคธนาคารแยกจากเงินเฟ้อ โดยจะใช้เครื่องมือดอกเบี้ยแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ส่วนปัญหาในภาคการเงินก็สามารถแก้ได้โดยการพิมพ์เงินแล้วปล่อยกู้แทน
จับตาผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริง
นริศมองว่าปัญหาในภาคธนาคารสหรัฐฯ อาจกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงได้ เนื่องจากธนาคารต่างๆ เป็นคนส่งต่อสภาพคล่องให้กับภาคเศรษฐกิจจริง โดยหากภาคเศรษฐกิจจริงได้สินเชื่อน้อยลง ก็จะสร้างผลผลิตได้น้อยลง
ขณะที่ ดร.พิพัฒน์ มองว่าอีกผลกระทบจากเหตุการณ์นี้คือต้นทุนการเงินที่อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจากการหั่นอันดับเครดิตอาจทำให้ผู้คนคิดหนักก่อนนำเงินไปลงทุน โดยสังเกตว่าธนาคารที่โดนหั่นแนวโน้มเครดิตเป็นธนาคารที่ทำธุรกิจในตลาดทุนด้วย ไม่ใช่ธุรกิจปล่อยกู้อย่างเดียว
นริศกล่าวอีกว่า การเคลื่อนไหวของ Moody’s ครั้งนี้ ทำให้เราต้องมาพิจารณาถึงกลไกการกำกับดูแลความเสี่ยงของธนาคารขนาดเล็กและธนาคารภูมิภาคที่ไม่ได้มาตรฐานเท่าธนาคารขนาดใหญ่หรือธนาคารระหว่างประเทศอีกครั้ง เนื่องจากหากเกิดเหตุแบงก์ล่มอีกครั้งอาจสร้างความตื่นตระหนก (Panic) ในตลาดได้ และอาจนำไปสู่ Systematic Risk Event และการติดเชื้อกันในภาคธนาคาร ซึ่งนริศเชื่อว่าธนาคารกลางกำลังจับตาดูอยู่
ขณะที่ ดร.พิพัฒน์ มองว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ Moody’s เหมือนการเตือนไว้ก่อน “ดังนั้นเมื่อเขาเตือนแบบนี้ หลายคนก็ต้องกลับไปดูไปขุดแล้วว่าปัญหาใหญ่แค่ไหน จะหลุดตรงไหนไหม ใครจะเป็นรายต่อไป จุดที่น่ากังวลคือหากคนกังวลว่าจะซ้ำรอย SVB แล้วหยุดธุรกรรมกับธนาคารเหล่านี้ ไม่ซื้อหุ้นกู้ อาจทำให้ปัญหาสภาพคล่องแย่ลงไปอีก หรือไปนำเงินฝากออกมาอีก ก็อาจเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดวิกฤตความมั่นใจได้”
โดย วาราดา ทองจำนงค์
Source: Standard Wealth

คลิก

Cr.Bank’s Scholarship Students

-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านารเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

XM

FCA, ASIC,IFSC,
CySec
1000 : 1 1 pips – Micro
1 pips – Standard

0 pips - Ultra low
$5 0.01 lots View Profile
Visit Website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"