กูรูการเงิน วิเคราะห์ ทำไม ธนาคาร Silicon Valley Bank ถึงล้ม ?

‘บรรยง วิทยวีรศักดิ์’ กูรูวงการการเงิน วิเคราะห์ทำไม ธนาคาร Silicon Valley Bank ถึงล้ม ? จับตาสึนามิทางการเงินอาจจะมาอีกหลายระลอก วันที่ 12 มีนาคม 2566 นายบรรยง วิทยวีรศักดิ์ กูรูวงการการเงิน และอดีตประธานสมาคมที่ปรึกษาการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก (APFinSA)

โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ทำไม ธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) ถึงล้ม ?
Silicon Valley Bank ถือว่าเป็นธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 16 ของสหรัฐ ธนาคารแห่งนี้เน้นให้เงินกู้แก่ Tech Start Up และกองทุน Venture Capital มีเงินฝากถึง 190 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับ 6 ล้านล้านบาท
แล้วทำไมถึงล้ม วันนี้มีคำเฉลย
ในบทความก่อน ๆ ผมเคยกล่าวไว้ว่า การจะทำธุรกิจธนาคารได้นั้น ไม่ใช่แค่เรามีอาคารสำนักงาน มีโต๊ะเก้าอี้ ก็รับฝากเงินได้แล้ว แต่เราต้องมีเงินทุนที่มากพอ เพื่อเป็นหลักประกันว่า ในกรณีที่ธนาคารปล่อยกู้ให้กับลูกค้าแล้ว ตามเก็บเงินกู้ไม่ได้ ธนาคารต้องมีเงินทุนของตนเอง เอามาชดเชยส่วนนี้ให้กับลูกค้าที่ฝากเงินได้ด้วย
ในสมัยก่อน มีการกำหนดเงินกองทุนของธนาคารว่า ต้องไม่ต่ำกว่า 8% นั่นหมายความว่า ถ้ารับเงินฝากจากลูกค้ามา 100 บาท ธนาคารต้องมีเงินทุนของตนเองต่างหากอีก 8 บาท ถ้ารับฝากเงินมา 100,000 ล้านบาท ก็ต้องมีเงินทุนของตัวเอง 8,000 ล้านบาท โดยเงินส่วนนี้ ต้องเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องพร้อมเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันที
ซึ่งในทางการเงินการธนาคาร เราเรียกเงินส่วนนี้ว่าเงินกองทุน หรือเงินลงทุนของเจ้าของธุรกิจ ที่ภาษาบัญชีเรียกว่า ส่วนของผู้ถือหุ้นนั่นเอง
ในภาวะปกติ ธนาคารมักทำกำไรจากการปล่อยกู้และเก็บหนี้ได้ตามปกติ และหากมีเงินเหลือก็อาจจะไปซื้อหุ้นกู้หรือพันธบัตร ซึ่งก็สามารถทำกำไรได้อีกทางหนึ่ง
เมื่อธนาคารมีกำไร ราคาหุ้นมักจะขึ้นสูง ใคร ๆ ก็อยากมาลงทุนด้วย
แต่พอเศรษฐกิจไม่ดี เริ่มจะมีปัญหา เก็บเงินกู้ได้ไม่ครบ โดยช่วงที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐเฟื่องฟูมาก มีการขยายกำลังผลิตกันมาก แต่พอเกิดปัญหาสงครามยูเครน มีการกีดกันการค้า มีการคว่ำบาตรทางการค้า ยอดขายของบริษัทไฮเทคไม่เป็นไปตามเป้า ทำให้บางบริษัทมีปัญหาในการชำระหนี้
แต่ปัญหานี้ ค่อย ๆ เกิดขึ้น ธนาคารมีเวลาตั้งตัว ค่อย ๆ แก้ไข ขายตราสารระยะสั้นมาชดเชย ค่อย ๆ สำรองหนี้เสียได้
สิ่งที่เป็นระเบิดลูกใหญ่และมาเร็วจนตั้งตัวไม่ทันคือ การเกิดวิกฤตศรัทธา จนนำไปสู่การแห่ถอนเงิน ที่เรียกกันว่า Bank run มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ผมคิดว่ามันเกิดจากการที่ธนาคารวางยุทธศาสตร์ผิดพลาด กล่าวคือ เมื่อธนาคารเห็นว่า การปล่อยกู้อาจจะมีปัญหา จึงนำเงินฝากส่วนใหญ่ไปซื้อพันธบัตรและหุ้นกู้ของบริษัทที่มั่นคงหรือมีหลักประกัน รับดอกเบี้ยชัวร์ ๆ ไม่มีความเสี่ยงเรื่องเงินต้นสูญ
แต่เขาลืมเรื่อง ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย หรือความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาด ที่อาจจะทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อมูลค่าของตราสารทางการเงิน ซึ่งในที่นี้คือมูลค่าของพันธบัตรและหุ้นกู้ที่ธนาคารซื้อเอาไว้
นักลงในตราสารหนี้ทุกคนจะรู้ว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้จะผกผันกับอัตราดอกเบี้ยในตลาด กล่าวคือถ้าดอกเบี้ยในท้องตลาดปรับขึ้น มูลค่าของตราสารหนี้ที่มีอยู่จะปรับลดลง แต่ถ้าดอกเบี้ยลดลง มูลค่าของตราสารหนี้จะเพิ่มขึ้น
มันหมายความว่ายังไง
สมมุติว่าเราซื้อตราสารหนี้หรือพันธบัตรที่มีอายุ 10 ปี ที่หน้าตั๋วระบุการจ่ายดอกเบี้ย 1.5% ทุกปี ตลอดอายุตราสาร เกิดเราซื้อพันธบัตรนี้มา 2 ปี ปรากฏว่าธนาคารกลางเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อขจัดเงินเฟ้อ ภายในปีเดียว ดอกเบี้ยของพันธบัตร 10 ปี ขึ้นจากจาก 1.5% เป็น 4%
ถ้าดอกเบี้ยพันธบัตรล่าสุดที่ออกมาขายอยู่ที่ 4% ถามว่าหากเราจะขายพันธบัตรที่เราถือครองอยู่ในราคาเท่าเดิมจะมีใครซื้อหรือไม่
คำตอบคือไม่มี เพราะพันธบัตรที่เราซื้อไว้แล้ว ระบุการจ่ายดอกเบี้ยตายตัวที่ 1.5% มันไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นลอยตัวตามรุ่นใหม่ที่ออกมา ถ้าซื้อของเก่าได้ดอกเบี้ย 1.5% แต่ถ้าซื้อของใหม่ได้ดอกเบี้ย 4% ถามว่าใครจะมาซื้อพันธบัตรรุ่นเก่าที่เราถือเอาไว้ครับ
แต่ละปี ดอกเบี้ยที่ได้รับห่างกันถึง 2.5% ระยะเวลาที่เหลืออีก 8 ปี ดอกเบี้ยที่จะได้รับต่างกันถึง 2.5×8=20%
แล้วมันเป็น 20% ที่ตายตัว เพราะราคาหน้าตั๋วระบุเป็นดอกเบี้ยคงที่ตลอด 10 ปี ซื้อรุ่นเก่าได้ 1.5% อีก 8 ปีที่เหลือ ซื้อรุ่นใหม่ได้ 4% ของ 10 ปีที่เหลือ ดังนั้นถ้าจะขายตราสารนี้ ต้องมีส่วนลด 20% เพื่อชดเชยดอกเบี้ยที่หายไปของผู้ซื้อตราสาร (เพื่อไปถือ) ต่อจากเรา (แต่ถ้าหุ้นกู้นั้นมีระยะเวลาเหลืออีกไม่กี่ปี อัตราการขาดทุนก็จะลดน้อยลง ตามจำนวนปีที่เหลือ)
ผู้บริหารธนาคารอาจจะคิดเพียงว่า รับฝากมาที่ต้นทุนดอกเบี้ย 0.5-1% เอาไปซื้อพันธบัตรได้ดอกเบี้ย 1.5% หุ้นกู้ได้ดอกเบี้ย 2-3% ตราบใดที่เราไม่ขายพันธบัตรหรือหุ้นกู้ ทนถือจนครบสัญญา ธนาคารก็ได้รับเงินต้นคืนมาพร้อมดอกเบี้ย 1.5-3% แน่นอน ไม่มีขาดทุน (ถ้าธนาคารคาดการณ์ว่าจากนี้ไปดอกเบี้ยในตลาดจะไม่สูงไปกว่านี้ เพราะธนาคารกลางคงจะพิมพ์ดอลลาร์ออกมาเรื่อยๆ ทำให้ดอกเบี้ยลดลง เนื่องมีอุปทานออกมามาก)
แต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด
มีข่าวว่า SVB มีการลงทุนที่ผิดพลาด ไปทุ่มซื้อตราสารหนี้ระยะยาวเอาไว้พอสมควร ในภาวะที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น เพราะคาดการณ์ว่าอย่างไรเสีย ดอกเบี้ยก็ไม่น่าจะขึ้นสูงในภาวะที่เงินท่วมโลก ทำให้ราคาของตราสารหนี้ที่ธนาคารซื้อไว้มีราคาตลาดลดลงมาก
ซ้ำร้าย Peter Thiel นักลงทุนใน Start Up ชื่อดัง ผู้ซึ่งเคยเทขายบิตคอยน์ออกจากพอร์ตทั้งหมดก่อนตลาดดิ่ง ได้แนะนำให้นักลงทุนที่เขารู้จัก ถอนเงินออกจาก SVB ทำให้ปัญหาสภาพคล่องของ SVB หนักขึ้นไปอีก
เมื่อมีคนแห่กันมาถอนเงิน เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของธนาคาร ธนาคารจึงจำเป็นต้องขายตราสารหนี้ที่มีอยู่ แม้ในราคาที่ขาดทุน
ลองนึกภาพดูว่าถ้าตราสารหนี้ที่ถือไว้จำนวนมหาศาลต้องขายขาดทุนในอัตรา 20% เหมือนที่ผมยกตัวอย่างมา ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอาจมีเพียง 10-15% ของเงินฝาก สุดท้ายมันก็ไปกินเงินกองทุนของผู้ถือหุ้นจนหมด
ข่าวแจ้งว่า SVB ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีหลักประกันระยะ 10 ปี (10-year maturity mortgage-backed securities) ถึง 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในช่วงที่มีคนแห่กันมาถอนเงินทางธนาคารได้ขายตราสารหนี้ไปบางส่วนจำนวน 21,000 หมื่นล้านเหรียญ ทำให้ขาดทุนไป 1,800 ล้านเหรียญ จน SVB ต้องประกาศเพิ่มทุน 3 พันล้านเหรียญ ก่อนที่ทางการจะเข้ามาควบคุม
แต่พอข่าวนี้ออกไป ก็ยิ่งทำให้คนตื่นตระหนกแห่กันไปถอนเงินกันมากยิ่งขึ้น จนธนาคารขาดสภาพคล่อง ทางการจึงต้องเข้าไปควบคุม
อย่าลืมว่า หนี้สินของธนาคารก้อนใหญ่ที่สุดคือเงินฝากของประชาชน เมื่อธนาคารได้เงินมาก็นำไปปล่อยกู้หรือซื้อทรัพย์สินหรือหลักทรัพย์อื่นเอาไว้ หากเกิดภาวะตื่นตระหนก ทุกคนแห่กันมาถอนเงินสด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ธนาคารจะเรียกคืนหนี้จากลูกหนี้ทุกคนทันที หรือขายทรัพย์สินทุกตัวเพื่อมาใช้หนี้ให้กับคนฝากเงิน
ความน่าเชื่อถือของธนาคารจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจธนาคาร
กรณีของ SVB จึงเป็นเคสคลาสสิก ที่ธนาคารแห่งนี้ดำเนินธุรกิจทุกอย่างถูกต้อง แต่ประมาทเกี่ยวกับความเสี่ยงเรื่องอัตราดอกเบี้ย ที่ทำให้สินทรัพย์ที่ถืออยู่ในมือลดค่าทันที ถึงแม้มันจะเป็นขาดทุนทางบัญชี (unrealized loss) แต่ถ้าถูกบีบให้รีบขาย การขาดทุนทางบัญชีก็จะเป็นการขาดทุนที่แท้จริง (realized loss) ทันทีที่ขายออกไป จนธนาคารต้องล้มในที่สุด
ผลกระทบที่เกิดขึ้น อาจจะมีอีกหลายระลอก เพราะมีกองทุนบางแห่งฝากเงินไว้ที่บริษัทนี้เป็นเงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทยักษ์ใหญ่บางแห่งใช้ธนาคาร SVB ในการจ่ายเงินเดือนพนักงาน แน่นอนว่า ถึงแม้เงินของบริษัทจะไม่ได้อยู่ที่ธนาคารนี้ทั้งหมด แต่การเปลี่ยนโอนให้ธนาคารอื่นมาดูแล รับผิดชอบเงินเดือนของคนหลายหมื่นคนก็ไม่สามารถทำได้ในชั่วเวลาข้ามคืน
บางบริษัทอาจทำเรื่องกู้ยืมเงินไว้กับธนาคาร SVB เอาไว้ (เปิด credit line) แต่เมื่อยังไม่ได้ดึงวงเงินที่กู้ออกมาใช้ ก็ต้องทำเรื่องกู้จากธนาคารอื่น ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการพิจารณา ทำให้ธุรกรรม/ธุรกิจต่าง ๆ ต้องสะดุดไปพอสมควร
ข่าวนี้ทำให้ธนาคารขนาดกลางอีกเกือบ 25 แห่งต้องมีความเสี่ยงที่จะล้มตาม เพราะเกิดวิกฤตศรัทธา และประชาชนแห่กันไปถอนเงิน ธนาคารขนาดใหญ่จะยิ่งมีความมั่นคงขึ้น เพราะคนถอนเงินจากธนาคารเล็กไปฝากธนาคารใหญ่ ถึงแม้จะได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเล็กน้อย แต่ชั่วโมงนี้การรักษาเงินต้นไว้สำคัญที่สุด
สึนามิทางการเงินอาจจะมาอีกหลายระลอก เพราะธนาคารหลายแห่งต้องขายสินทรัพย์ออกมา ไม่ว่าหุ้นกู้หรือหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมเงินมารักษาสภาพคล่องของธนาคาร และมันอาจจะกระทบถึงหุ้นในประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยที่ต่างชาติมาลงทุนไว้ด้วย งานนี้เรียกว่ากระทบกันไปหมด ก็ให้จับตาอย่ากระพริบครับ
Source: ประชาชาติธุรกิจ

Cr.Bank’s Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านารเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

XM

FCA, ASIC,IFSC,
CySec
1000 : 1 1 pips – Micro
1 pips – Standard

0 pips - Ultra low
$5 0.01 lots View Profile
Visit Website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

IC Markets

ASIC 500 : 1 1 pips - Mini
1 pips - Stand
0 pips - ECN
$200 0.01 lot

View Profile

Visit website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"