สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2565 ว่า นักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตในปี 2566 สำหรับ 5 ประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทั่วโลกท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในสหรัฐ
การสำรวจรายไตรมาสล่าสุดโดย Japan Center for Economic Research และ Nikkei ในเดือนกันยายน ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.3% ในปี 2566 ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการปรับลดลงจาก 4.8% ในแบบสำรวจเดือนมิถุนายน
โดยการเติบโตของแต่ละประเทศได้มีการปรับลดการประมาณการใหม่ แนวโน้มสำหรับอินโดนีเซียลดลงเหลือ 4.9% จาก 5.1% มาเลเซีย 4.0% จาก 4.6% ฟิลิปปินส์ 5.4% จาก 5.6% สิงคโปร์ 2.2% จาก 3.5% และไทย 3.7% จาก 4.4%
ทั้งนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ สกุลเงินเอเชียคาดว่าจะมีมูลค่าลดลง ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนกันยายน ธนาคารกลางในไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ก็ปฏิบัติตาม ส่วนธนาคารกลางสิงคโปร์ในเดือนกรกฎาคมยังกระชับนโยบายการเงิน
นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าการชะลอตัวของสหรัฐและการบริโภคที่ลดลงอาจนำไปสู่การส่งออกที่อ่อนแอจากเอเชีย ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตในภูมิภาคในปีหน้า
Tirthankar Patnaik หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ National Stock Exchange of India ยังชี้ไปที่สหรัฐว่า "เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ทั่วโลก ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงด้านลบต่อการเติบโตของอินเดีย"
ทั้งนี้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนยังส่งผลกระทบกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากจีนไม่มีสัญญาณของการผ่อนคลายนโยบายควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของหลายประเทศในเอเชียและเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดสำหรับบางประเทศ
ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์มองว่าการชะลอตัวของจีนเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดใน 12 เดือนข้างหน้าสำหรับประเทศไทย และใหญ่เป็นอันดับสองสำหรับสิงคโปร์และมาเลเซีย ในการสำรวจครั้งก่อน ระบุว่าการชะลอตัวของจีนเป็น 1 ใน 3 ความเสี่ยงสูงสุดต่อเศรษฐกิจไทย
Manu Bhaskaran ซีอีโอของ Centennial Asia Advisors เตือนว่า "ความเสี่ยงของจีนเป็นปัจจัยแกว่งที่ใหญ่ที่สุดในเศรษฐกิจโลก เนื่องจากความยากลำบากในการค้นหาผลกระทบของผลกระทบเชิงลบ เช่น การล็อกดาวน์ ภาวะเงินฝืดในอสังหาริมทรัพย์ ความเครียดทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และการปราบปรามเทคโนโลยี"
Mohd Sedek Jantan หัวหน้าฝ่ายวิจัยและให้คำปรึกษาด้านความมั่งคั่งของ UOB Kay Hian Wealth Advisors ในมาเลเซีย ซึ่งนับว่าจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด ส่งผลกระทบกับภาคส่วนและบริษัทในท้องถิ่นบางแห่ง จีนซื้อประมาณ 40% ของการส่งออกของมาเลเซีย
นอกเหนือจากเศรษฐกิจแล้ว ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ของไต้หวันยังเกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศด้วย Ruben Carlo O. Asuncion หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Union Bank of the Philippines กล่าวว่าวิกฤตช่องแคบไต้หวันเป็นเหตุการณ์ความเสี่ยงทางการเมืองที่เราให้ความสำคัญเป็นหลัก และเสริมว่าเกาะแห่งนี้เป็นคู่ค้ารายใหญ่ในด้านวัตถุดิบและผู้บริโภคสินค้า
สำหรับทั้งปี 2566 นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์การเติบโต 5% สำหรับ 5 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขาคาดว่าอินโดนีเซียจะเติบโต 5.1% มาเลเซีย 6.9% ฟิลิปปินส์ 6.5% สิงคโปร์ 3.8% และไทย 3.2%
Source: การเงินธนาคารออนไลน์
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านารเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you