เปิดมุมมองแบงก์ชาติ เมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ย

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมวันที่ 16 มี.ค. 65 ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี

เพื่อแก้ไขภาวะเงินเฟ้อที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
โดยผู้ว่าการธปท.มอง Fed ขึ้นดอกเบี้ยกระทบไทยน้อย ชี้ตลาดเงินรับความผันผวนได้ ไม่กระทบภาคส่งออก และเสถียรภาพด้านต่างประเทศที่ดีของไทย จึงไม่จำเป็นต้องรีบขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินทุนไหลออกและดูแลเสถียรภาพค่าเงิน
ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในคอลัมน์ Special Scoop “วารสารการเงินธนาคาร” ฉบับ 479 เดือน มี.ค. 2565ว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่จะเริ่มในปีนี้คงจะสร้างความผันผวนในตลาดการเงิน โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ที่ถูกกระทบจากวิกฤติโควิดรุนแรงและยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการฟื้นตัว อย่างไรก็ดี การที่สภาพคล่องที่ถูกอัดฉีดเข้าสู่ระบบการเงินโลกจาก QE ในช่วงโควิดไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่เอเชีย (EM Asia) น้อยกว่า QE รอบก่อนๆ มาก น่าจะช่วยให้การถอนมาตรการ QE ในครั้งนี้ส่งผลให้ภาวะเงินทุนไหลออกจาก EM Asia ไม่รุนแรงมากนัก
สำหรับผลกระทบต่อไทย มองว่าน่าจะมีไม่มาก หลักๆ เป็นผลจากปัจจัยในประเทศของไทยเอง โดยอาจมองได้ผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้
ช่องทางแรกคือ ตลาดการเงิน ซึ่งสำหรับไทย ตลาดการเงินยังสามารถรองรับความผันผวนได้ ทำให้ผลกระทบมีไม่มาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
1.โอกาสที่เงินทุนจะไหลออกจากไทยในปริมาณมาก (Capital Flight) มีจำกัด และหากมีเงินทุนไหลออก ผลก็จะมีจำกัดเช่นกัน เพราะ (1) ไทยมีเสถียรภาพต่างประเทศที่แข็งแกร่ง ด้วยเงินสำรองระหว่างประเทศที่สูงเป็นอันดับ 12 ของโลก ซึ่งหากคำนวณดูแล้ว จะเห็นว่าเพียงพอที่จะจ่ายหนี้ต่างประเทศระยะสั้นของไทยได้ถึง 3 เท่า ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและ (2) การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในไทยมีสัดส่วนต่ำ โดยในตลาดหุ้น สัดส่วนการลงทุนของต่างชาติทยอยลดลงจาก 35% เมื่อ 10 ปีก่อนมาอยู่ที่ 26% ในปัจจุบัน ขณะที่สัดส่วนนักลงทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตรอยู่ที่เพียงประมาณ 10% ซึ่งต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียที่อยู่ที่ประมาณ 15% และ 19% ตามลำดับ
2.แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยจะเพิ่มขึ้นตามสหรัฐฯ แต่ผลกระทบต่อธุรกิจไทยมีจำกัดเพราะ (1) ธุรกิจไทยระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้เพียง 16% ส่วนที่เหลือเป็นการระดมทุนผ่านสินเชื่อจากสถาบันการเงิน (เทียบกับประเทศเกาหลีและมาเลเซียที่ระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ประมาณ 25%)ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของธุรกิจไทยขึ้นกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยเป็นหลัก และ (2) ตราสารหนี้ของภาคธุรกิจไทย ส่วนใหญ่มีอายุไม่เกิน 5 ปี ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุช่วงนี้ ไม่ได้ปรับขึ้นตามผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวหรือพันธบัตรสหรัฐฯ แต่ถูกผูกไว้ด้วยการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย โดยตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 ที่ Fed เริ่มส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 2 ปีของไทยเพิ่มขึ้นเพียง 5 bps ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะเดียวกันของมาเลเซียเพิ่มขึ้น 40 bps และอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 20bps
3.สภาพคล่องในประเทศยังเพียงพอ โดยแม้ตลาดการเงินโลกผันผวนสูงหรือความต้องการลงทุนในไทยของนักลงทุนต่างชาติลดลงมาก แต่ (1) ระบบธนาคารพาณิชย์(ธพ.)ยังมีสภาพคล่องสูง จาก L/D ratio ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 94% ซึ่งต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด สะท้อนว่า ธพ.ยังสามารถเป็นแหล่งเงินทุนให้กับภาคเศรษฐกิจได้ดี (2) มาตรการด้านสภาพคล่องของ ธปท. อาจช่วยเสริม ธพ. ในการช่วยเหลือธุรกิจที่ต้องการสภาพคล่องเพิ่มเติม เช่น สินเชื่อฟื้นฟูที่ยังเหลือวงเงินอีกประมาณ 1 แสนล้านบาท และ (3) สภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้ยังสูง จากความต้องการของนักลงทุนในประเทศ เห็นได้จากผู้ออกตราสารหนี้เอกชนส่วนใหญ่ยังสามารถเสนอขายหุ้นกู้ได้ตามปกติ (นักลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้มีสัดส่วนการลงทุนไม่ถึง 1%)
ช่องทางที่ 2 คือ ผลต่อเศรษฐกิจ การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed คาดว่าจะไม่ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ จนทำให้ไทยส่งออกได้น้อยลงมาก โดยปัจจุบันสหรัฐฯ เป็นประเทศคู่ค้าส่งออกที่สำคัญที่สุดของไทย โดยการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตร้อนแรงที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี ทำให้รายได้ของไทยจากการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ในปี 2564 เพิ่มขึ้นถึง 21% ซึ่งหาก Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังและสามารถรักษา momentum การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ ก็จะส่งผลดีภาคการส่งออกไทยด้วย
ช่องทางที่ 3 คือ การดำเนินนโยบายการเงินของไทย อาจยังไม่ต้องสอดคล้องกับนโยบายการเงินของสหรัฐฯ จากสาเหตุสองประการ (1) เสถียรภาพด้านต่างประเทศที่ดีของไทย ทำให้เราสามารถให้น้ำหนักการดำเนินนโยบายการเงินไปที่พัฒนาการของภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของประเทศได้ โดยไม่ต้องรีบขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินทุนไหลออกและดูแลเสถียรภาพค่าเงินอย่างบางประเทศ เช่น บราซิล เม็กซิโก แอฟริกาใต้และ (2) กรอบการดำเนินนโยบายปัจจุบันที่ยืดหยุ่นขึ้น ทำให้แม้เงินเฟ้อของไทยจะสูงขึ้นในบางช่วงเวลา แต่ค่าเฉลี่ยทั้งปียังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายไทยจึงยังสามารถให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางเป็นหลักได้
เจาะลึกมุมมองเชิงนโยบายของ Fed ต่อการเงินโลกและไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทย วิเคราะห์สถานะการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เพื่อสกัดเงินเฟ้อดังนี้
1.ท่าทีของ Fed ในการดำเนินนโยบาย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 5-7 ครั้ง ในปีนี้ และลดสภาพคล่องในระบบการเงิน ซึ่งดอกเบี้ยนโยบายอาจปรับสูงขึ้นอีก 1.25-1.75% และคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ Fed จะเริ่มลดปริมาณการถือครองพันธบัตรรัฐบาลจากมาตรการ QE หรือที่เรียกว่าการทำ Quantitative Tightening (QT) ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องในระบบการเงินโลกลดลง และอาจทำให้ตลาดการเงินผันผวนมากขึ้น
2.คาดการณ์ผลจากการปรับนโยบายของ Fed ต่อตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย (EM Asia)
สภาพคล่องที่ถูกอัดฉีดเข้าสู่ระบบการเงินโลกผ่านนโยบาย QE ในช่วงโควิด ไหลเข้าสู่ EM Asia น้อยกว่าช่วง QE รอบก่อน โดยระหว่างปี 2020-2021 Fed อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินผ่านการซื้อสินทรัพย์กว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. แต่ปริมาณเงินทุนที่ไหลเข้าประเทศ EM Asia ในช่วงนั้น กลับมีเพียงไม่ถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. หรือ 5% ของสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น แต่หากเทียบกับมาตรการ QE ในปี 2010-2013 ที่ Fed ซื้อสินทรัพย์ประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. เงินทุนที่ไหลเข้า EM Asia ในช่วงนั้นคิดเป็นถึง 6 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. หรือ 30% ของสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเมื่อ Fed ลดมาตรการ QE ในคราวนี้ ผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายใน EM Asia จึงไม่น่ากังวลเท่าครั้งก่อน
3.การตอบสนองของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยต่อนโยบายของ Fed
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของไทยปรับสูงขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่ระยะสั้นยังทรงตัวใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยจากต้นปี 2565 อัตราผลตอบแทนระยะ 10 ปีของไทย ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว 25 bps ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะเดียวกันที่เพิ่มขึ้นไปราว 40 bps ขณะที่อัตราผลตอบแทนระยะ 2–5 ปีของไทยเพิ่มขึ้นเพียงไม่ถึง 10 bps เท่านั้น แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะเดียวกันของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นแล้ว 60-70 bps ซึ่งหมายความว่า อัตราผลตอบแทนระยะสั้นของไทยถูก “ยึดเหนี่ยว” (Anchored) ไว้ด้วยการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยมากกว่า
4.ผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ไทย หากตลาดการเงินโลกผันผวนจากการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed
ตลาดตราสารหนี้ไทยพึ่งพาการลงทุนจากนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการระดมทุนในช่วงที่ตลาดการเงินโลกผันผวน ปัจจุบันพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ภาคเอกชนมีนักลงทุนไทยถือครองอยู่ถึงประมาณ 90% และ 100% ตามลำดับดังนั้น สภาพคล่องจากนักลงทุนไทยหลากหลายกลุ่มจะช่วยพยุงให้ภาคธุรกิจยังสามารถระดมทุนจากตลาดได้ต่อเนื่อง
**หมายเหตุ ข้อมูลก่อนการประชุมของเฟด
Source: การเงินธนาคารออนไลน์

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

XM

FCA, ASIC,IFSC,
CySec
1000 : 1 1 pips – Micro
1 pips – Standard

0 pips - Ultra low
$5 0.01 lots View Profile
Visit Website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"