ธนาคารกลางสหรัฐจะควบคุมเงินเฟ้อได้หรือไม่

ครั้งที่แล้วผมแสดงความเห็นว่าในปีนี้ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือเงินเฟ้อที่ร้อนแรงที่สหรัฐ ซึ่งคำถามที่ตามมาคือธนาคารกลางสหรัฐจะควบคุมอย่างไร “We are not makers of history. We are made by history” (Martin Luther King Jr.)

ธนาคารกลางสหรัฐจะควบคุมเงินเฟ้อให้ปรับตัวลดลงมาเหลือประมาณ 2.0-2.5% ภายในปลายปีนี้ โดยไม่กระทบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ (ทำให้จีดีพีขยายตัวได้ประมาณ 4.0%) ได้หรือไม่
ต่อจากนั้นเศรษฐกิจสหรัฐก็น่าจะขยายตัวประมาณ 2% ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวเมื่อเศรษฐกิจเข้าสู่สภาวะปกติในระยะยาว
การคาดการณ์ดังกล่าวเป็นการคาดการณ์ในแง่ดีคือ ธนาคารกลางสหรัฐสามารถปรับนโยบายการเงินให้ตึงตัวขึ้นในลักษณะที่สามารถควบคุมให้เงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจก็ชะลอลงอย่างช้าๆ โดยไม่ได้ทำให้คนตกงานมากขึ้นนั่นเอง
การคาดหวังให้เกิด “soft landing” นั้น บางครั้งก็เกิดขึ้นได้จริงแต่หลายครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือ การปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เชื่องช้าเกินไปในช่วงแรก ทำให้ตามเงินเฟ้อไม่ทันและเมื่อถูกกดดันให้รีบเร่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยก็จะทำมากเกินไป
ธนาคารกลางสหรัฐจะควบคุมเงินเฟ้อได้หรือไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่สภาวะตกต่ำ (recession) การว่างงานเพิ่มขึ้นเอย่างมาก ซึ่งเป็นการแลกมากับการปรับลดลงของเงินเฟ้ออย่างฉับพลันภายในเวลาเพียง 6-9 เดือนที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอย
ครั้งนี้ทั้งธนาคารกลางสหรัฐและสถาบันการเงินชั้นนำของสหรัฐก็มองว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะสามารถควบคุมให้เงินเฟ้อที่สหรัฐปรับลดลงได้อย่างน่าพอใจ
กล่าวคือธนาคารกลางสหรัฐคาดการณ์ว่า Personal Consumption Expenditure (PCE) Inflation หรือเงินเฟ้อที่วัดจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคของเอกชนในส่วนที่เป็นเงินเฟ้อพื้นฐาน (core) ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานนั้นจะปรับลดลงจาก 4.7% ในเดือนพฤศจิกายน 2021 (ตัวเลขล่าสุด) มาเหลือเพียง 2.1% ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ในขณะที่สถาบันการเงินชั้นนำของสหรัฐคาดการณ์ว่า core PCE inflation จะอยู่ที่ประมาณ 2.5% ซึ่งปรับลดลงเหลือครึ่งหนึ่งของตัวเลขในเดือนพฤศจิกายน
โดยการปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเพียง 3-4 ครั้งในปีนี้ ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ประมาณ 1% กล่าวคือดอกเบี้ยนโยบายจริง (ดอกเบี้ยนโยบายลบด้วยเงินเฟ้อ) จะยังติดลบมากถึง 1.5% ซึ่งผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเมื่อทำไปแล้วจะได้ผลตามนั้น
แต่ผมเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐคิดว่าทำได้ เพราะเกิดขึ้นแล้วในช่วง 2010-2019 (10 ปีก่อนโควิดระบาด) ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐกำหนดดอกเบี้ยนโยบายใกล้ศูนย์นานต่อเนื่องถึง 6 ปีจากปี 2009 ถึงปี 2015 ในขณะที่เงินเฟ้อในช่วงเดียวกัน (วัดจาก core PCE inflation ในช่วง 2010-2019) นั้นเฉลี่ยเพียง 1.55% ต่อปี
หากจะเจาะดูในรายละเอียดก็จะพบว่า ธนาคารกลางสหรัฐเริ่มปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเมื่อธันวาคม 2015 1 ครั้ง (0.25%) และอีก 1 ครั้ง (0.25%) ในธันวาคม 2016 ตามด้วยการปรับดอกเบี้ยขึ้น 3 ครั้ง (0.75%) ในปี 2017
และปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 4 ครั้งในปี 2018 (1.0%) ซึ่งเป็นปีแรกที่นาย Jerome Powell ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐแทน Janet Yellen โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวถูกคัดค้านและตำหนิอย่างแรงจากประธานาธิบดีทรัมพ์
ต่อมาเศรษฐกิจชะลอตัวลงในปี 2019 ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐปรับลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้ง (0.50%) จาก 2.5% เหลือเป็น 1.75% (ต่อจากนั้นเมื่อโควิดระบาดธนาคารกลางสหรัฐก็เร่งลดดอกเบี้ยลงเหลือศูนย์ในเดือนเมษายน 2020) ที่สำคัญคือในช่วงเวลาดังกล่าว core PCE inflation คือ
จะเห็นได้ว่าในครั้งที่แล้วธนาคารกลางสหรัฐปรับดอกเบี้ยขึ้นก่อนที่เงินเฟ้อจะขยับขึ้นสูงกว่าเป้าเงินเฟ้อ (ที่ 2%) ตอนปลายปี 2015 (core PCE inflation = 1.3%) และปรับขึ้นอีกครั้ง (0.25%) ในปี 2016
แม้ว่าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 1.6% เป็นการดำเนินนโยบายการเงินตามแบบฉบับดั้งเดิมคือการขึ้นดอกเบี้ยแบบ “ตัดไฟแต่ต้นลม” หรือ pro-active เพราะเห็นว่าอัตราการว่างงานปรับลดลงมาต่ำกว่า 5% ซึ่งเคยประเมินว่าเป็นระดับการว่างงานที่ต่ำที่สุด ที่จะไม่กระตุ้นให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือที่เรียกกันในเชิงวิชาการว่า NAIRU คือ non-accelerating inflation rate of unemployment
ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่ออัตราการว่างงานลดลงไปอีกในปี 2016 2017 2018 (เหลือเพียง 3.9% ในปี 2018) ธนาคารกลางสหรัฐก็รีบเร่งปรับดอกเบี้ยขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในปี 2017 และ 2018 ที่อัตราการว่างงานต่ำกว่า NAIRU ถึง 1% ทั้งๆ ที่อัตราเงินเฟ้อยังต่ำกว่าเป้าเงินเฟ้อในปีดังกล่าว
นอกจากนั้นก็ยังได้ทำให้ระบบการเงินตึงตัวขึ้นไปอีกในปี 2018 โดยการลดทอนงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐ (balance sheet run off) จากประมาณ 4.4 ล้านล้านเหรียญเหลือ 4.0 ล้านล้านเหรียญ
แต่ผลที่ตามมาคือ เศรษฐกิจชะลอลงมากเกินคาดในปี 2019 และราคาหุ้นลดลงในปี 2018 ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องรีบกลับลำและหันมาลดดอกเบี้ยนโยบายและหยุดการลดงบดุล (ขายพันธบัตรระยะยาว) และคงจะรู้สึกว่าได้รับบทเรียน “ราคาแพง” ว่าพลาดไปแล้ว เพราะรีบเร่งการปราบเงินเฟ้อเร็วเกินจำเป็น เพราะอาศัยอัตราว่างงานต่ำกว่า 5% เป็นตัวแปรหลักในการขับเคลื่อนนโยบายการเงิน
ดังนั้น ต่อไปนี้จะต้องยับยั้งชั่งใจ “patient” (ไม่รีบปรับนโยบายการเงินให้ตึงตัวขึ้นเร็วเกินเหตุ) ต่อมาเมื่อต้องเผชิญกับการระบาดของโควิดที่ทำให้เงินเฟ้อลดลงไปอีก ก็คงทำให้ตื่นตระหนกว่า เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ทำให้ต้องออกมาประกาศนโยบาย average inflation targeting เมื่อเดือนสิงหาคม 2020
แปลว่าเนื่องจากในอดีตเงินเฟ้อต่ำกว่าเป้า ดังนั้นจะต้องรอให้เงินเฟ้อสูงกว่าเป้าไปอีกหลายปี (กี่ปี?) จึงจะทำให้ “เฉลี่ยเงินเฟ้อ” เข้าเป้าแล้วจึงจะเริ่มดำเนินนโยบายการเงินให้ตึงตัวขึ้น
กล่าวคือเป็นการเชื้อเชิญให้เงินเฟ้อสูงเกินเป้าไปนานโดยไม่ต้องกลัวความเสี่ยงเงินเฟ้ออาจเร่งตัวสูงขึ้นและ “ฝังราก” (raise inflationary expectations) โดยในช่วงแรกก็อธิบายว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้นเพียงชั่วคราว (transitory)
แต่เมื่อไม่เป็นเช่นนั้น ก็เริ่มเปลี่ยนท่าทีให้ขึงขังขึ้นในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมายอมรับว่าเงินเฟ้ออาจไม่ได้สูงขึ้นเพียงชั่วคราว (elevated)
แต่ผมจะขอเปรียบเทียบว่าในกรณีที่เลวร้ายที่สุดนั้น นโยบาย average inflation targeting จะเปรียบเสมือนการบอกว่าในเมื่อในอดีตคอเลสเตอรอลของผมนั้นอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 200 มานานหลายปี
ดังนั้น ปัจจุบันและอนาคตคอเลสเตอรอลจะสูงกว่า 200 ไปอีกหลายปีก็ยังไม่ควรจะต้องตกใจและรีบลดการกินแป้ง ไขมันและน้ำตาลหรือต้องเริ่มออกกำลังกาย ดังนั้นธนาคารกลางสหรัฐคงกำลังหนาวๆ ร้อนๆ กลัวคำพังเพยว่า “Be careful what you wish for”
โดย ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ | เศรษฐศาสตร์ + สุขภาพ
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact

230424 icm 100x33

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$5 0.01 lot

View Profile

Visit website

XM

FCA, ASIC,IFSC,
CySec
1000 : 1 1 pips – Micro
1 pips – Standard

0 pips - Ultra low
$5 0.01 lots View Profile
Visit Website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"