เงินเฟ้อที่สหรัฐจะเป็นเรื่องหลักในปี 2022

เศรษฐกิจและตลาดเงิน+ตลาดทุนของโลกในปี 2022 ผมเชื่อว่าปัจจัยที่สำคัญลำดับต้นๆ คืออัตราเงินเฟ้อสหรัฐ ไม่ใช่ Omicron (เว้นแต่จะมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นที่อันตรายกว่าและแพร่ขยายได้เร็วกว่า Omicron)

ปี 2021 ที่ผ่านมานั้นถือได้ว่าเป็นปีที่ธนาคารกลางสหรัฐประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อผิดพลาดอย่างมาก เงินเฟ้อจริงที่สหรัฐสูงกว่าเป้าเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐถึง 2-3 เท่า
กล่าวคือเป้าเงินเฟ้ออยู่ที่ 2% ต่อปี แต่เงินเฟ้อที่สหรัฐหากวัดจาก CPI อยู่ที่ 6.8% ต่อปีในเดือนพฤศจิกายนและหากวัดจาก personal consumption expenditure inflation (PCE) ก็สูงถึง 4.7% ในเดือนเดียวกันธนาคารกลางสหรัฐจะยึดถือ PCE มากกว่า CPI ในการประเมินสภาวะเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อที่สูงอย่างปฏิเสธได้ยากดังกล่าวทำให้เสียงส่วนใหญ่ในคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐหันมาสนับสนุนการปรับดอกเบี้ยขึ้นประมาณ 10 ครั้งใน 3 ปีข้างหน้าคือ 3 ครั้งในปีนี้ 3 ครั้งในปีหน้าและ 2 ครั้งต่อปีในปี 2024 และ 2025 ทำให้คาดการณ์ว่าดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐปรับขึ้นไปที่ 2.50-2.75% ภายใน 4 ปีข้างหน้า
การปรับดอกเบี้ยนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไปดังกล่าวนั้นเป็นไปในเชิงของหลักการที่คาดหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง (จีดีพีโตประมาณ 1.8-2.0% ต่อปี) และเงินเฟ้อสหรัฐค่อยๆ ปรับตัวลงเหลือประมาณ 2% ต่อปีตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป แต่ในความเป็นจริงนั้นผมยังไม่เคยเห็นการ ปรับดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปยาวนานถึง 4 ปีมาก่อน
กล่าวคือประสบการณ์ในอดีตนั้นมักจะเห็นการปรับดอกเบี้ยขึ้นช้าเกินไปในตอนแรก ทำให้คุมเงินเฟ้อไม่อยู่และต้องหันมาปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอย่างเร่งรีบ ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่สภาวะถดถอย เช่นในปี 1973 ธนาคารกลางสหรัฐปรับดอกเบี้ยขึ้นจาก 6.0% เป็น 11.0% ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 1974-1975 จึงต้องรีบลดดอกเบี้ยลงมาเหลือ 6.5% ในเดือนเมษายน 1975
ต่อมาในปี 1978 ธนาคารกลางสหรัฐปรับดอกเบี้ยขึ้นจาก 6.75% มาเป็น 20% ในเดือนธันวาคม 1980 แน่นอนว่าเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกเข้าสู่สภาวะถดถอยอย่างรุนแรงในช่วงดังกล่าวและการกำหนดดอกเบี้ยนโยบายที่สูงมากคือ 12-20% ถึงกลางปี 1982 ทำให้เกิดสภาวะถดถอยถึง 2 ครั้งในช่วง 3 ปีดังกล่าว
บางคนอาจตั้งประเด็นว่าสมัยนี้ (ศตวรรษนี้) แตกต่างจากเสมัยนั้นซึ่งผมเห็นด้วยในระดับหนึ่งเพราะเหตุผลหลัก 4 ประการคือ
1. นักเศรษฐศาสตร์และธนาคารกลางรับรู้และให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลไม่ให้การคาดการณ์เงินเฟ้อ (inflationary expectations) หลุดลอยออกไปที่ระดับสูงเพราะเมื่อเสียงส่วนใหญ่ขาดความมั่นใจว่าธนาคารกลางจะสามารถ “เอาเงินเฟ้อให้อยู่” เงินเฟ้อก็จะปรับตัวสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นธนาคารกลางจึงมุ่นมั่นที่จะ “ตัดไฟแต่ต้นลม” กล่าวคือควบคุมเงินเฟ้อให้ได้เสียแต่เนิ่น
2. ประชากรในประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศในยุโรป ตลอดจนญี่ปุ่นและจีนกำลังแก่ตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งน่าจะทำให้แรงกดดันของเงินเฟ้อไม่สูงมากเช่นเมื่อ 60-70 ปีก่อนหน้า เพราะเมื่อประชากรแก่ตัวลงก็มักจะออมมากขึ้นจึงจะใช้จ่ายน้อยลง
3. ผมเชื่อว่าการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1990 ทำให้มีแรงงานและทรัพยากรเข้ามาเพิ่มปัจจัยการผลิตให้กับระบบทุนนิยมตะวันตกอย่างมีนัยสำคัญ ช่วยลดเงินเฟ้อลงได้นับสิบปีและต่อมาในปี 2001 เมื่อประเทศจีนเข้าเป็นสมาชิกองค์กรการค้าโลก (WTO) ก็ทำให้จีนเป็นผู้ผลิตสินค้าราคาถูกให้กับโลกต่อไปอีกนับสิบปีเช่นกัน (แต่แรงงานในจีนกำลังปรับตัวลดลงทุกปีตั้งแต่ปี 2017 ทำให้ “ตัวช่วย” ส่วนนี้หมดลงไปแล้ว โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐกับจีนกำลังเป็นคู่ปรปักษ์กัน)
4. พัฒนาการทางเทคโนโลยีในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาคือศักยภาพของอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ โทรคมนาคม ฯลฯ ช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งต้นทุนของการค้าส่งและค้าปลีก (disintermediation) แต่ดูเสมือนว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะไม่สามารถลดต้นทุนลงได้อีกมากนักใน 3-4 ปีข้างหน้า ตรงกันข้ามทั่วโลกอาจต้องยอมปรับใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น (เช่นลดการใช้ถ่านหินและน้ำมันและหันมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่ราคาแพงกว่า) เพื่อแก้ปัญหาระยะยาวคือการปล่อยคาร์บอนซึ่งกำลังสร้างปัญหาโลกร้อน
ดังนั้นผมเห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เงินเฟ้อในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้จะไม่ต่ำหรือปรับลดลงได้โดยง่ายเหมือนกับช่วง 10 ก่อนโควิด กล่าวคือคือเงินเฟ้อสหรัฐ (วัดโดยดูจาก CPI inflation) เฉลี่ยเพียง 1.8% ต่อปีในช่วง 2010-2019 ทั้งๆ ที่ในช่วงเวลาดังกล่าวธนาคารกลางสหรัฐกำหนดดอกเบี้ยนโยบายใกล้ศูนย์เกือบทุกปี
กล่าวคือเป็นช่วงที่ดอกเบี้ยจริงติดลบอย่างต่อเนื่อง เว้นแต่ปี 2018 ที่ธนาคารกลางสหรัฐปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 1.5% มาเป็น 2.5% ซึ่งเป็นช่วงที่เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นมาที่ 2.4% แต่ต่อมาก็ต้องรีบลดดอกเบี้ยเพราะเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว ตามมาด้วยการระบาดของโควิดในปี 2020
นอกจากนั้นก็ยังมีข้อสังเกตว่าในปี 2018 ที่ธนาคารกลางสหรัฐปรับดอกเบี้ยขึ้น 4 ครั้งนั้น ราคาหุ้นสหรัฐ (S&P500) ปรับตัวลดลง 4.4% (สำหรับ Bitcoin นั้นราคาปรับลดลงจาก 549,629 บาทในวันที่ 5 มกราคมมาปิดที่ 121,438 บาทในวันที่ 5 มกราคม 2019) ดังนั้นสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ จึงน่าจะไม่ค่อยถูกชะตากับการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตั้งแต่ 1% ต่อปีขึ้นไปครับ.
คอลัมน์ : เศรษฐศาสตร์+สุขภาพ
ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ
ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยภัทร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

XM

FCA, ASIC,IFSC,
CySec
1000 : 1 1 pips – Micro
1 pips – Standard

0 pips - Ultra low
$5 0.01 lots View Profile
Visit Website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"