ธปท.เชื่อ “มาตรการการเงิน” เพียงพอ รองรับผลกระทบ ‘โอมิครอน’

กางมาตรการธปท.ที่ออกมาช่วยเหลือตั้งแต่เกิดโควิด-19 ร่วม2ปี ธปท.ชี้มาตรการทางการเงิน มีส่วนช่วยพยุงลูกหนี้ และเศรษฐกิจให้เดินต่อได้อย่างไม่สะดุด ชี้ผลของมาตรการทางการเงิน ถือว่าทำได้ดี ยันมาตรการการเงินเพียงพอรองรับผลกระทบโคมิครอนได้

เกือบ 2ปี เต็มที่ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ต้องจมอยู่ภายใต้วิกฤติจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 มีการที่ระบาดหลายระลอก ที่ล้วนสร้างผลกระทบซ้ำเติมให้กับภาคธุรกิจ และประชาชนอย่างไม่จบไม่สิ้น
“นโยบายการเงิน นโยบายการคลัง” มีบทบาทสำคัญมาก ในการช่วยพยุงลูกหนี้ให้รอดจากวิกฤติ และช่วยลดผลกระทบที่มีต่อภาคธุรกิจและประชาชนให้มากที่สุด
ธปท.เชื่อ “มาตรการการเงิน” เพียงพอ รองรับผลกระทบ ‘โอมิครอน’ โดยเฉพาะ กลไกจาก ฟากนโยบายการเงินที่เป็นกลไกสำคัญ ในการช่วยเหลือลูกหนี้ให้รับผลกระทบลดลง จากการขาดรายได้และถูกกระทบจากโควิด-19
หากย้อนดูตั้งแต่เกิดโควิด-19 ในช่วง 2ปีที่ผ่านมา มีหลายมาตรการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มีการออกมาช่วยลูกหนี้ ทั้งลูกหนี้ธุรกิจและรายย่อย อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ระยะที่ 1 จนถึงระยะที่ 3 ในปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่ การเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงก.พ.ปี 2563 เพื่อช่วยลดภาระหนี้ของผู้กู้ รวมถึงการประกาศมาตรการทางการเงินระยะที่ 1 ตั้งแต่มี.ค. ปี 2563 ทั้งมาตรการพักชำระหนี้ชั่วคราว การขยายระยะเวลาการชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย สำหรับลูกหนี้รายย่อย
รวมถึงการออกมาตรการเพิ่มเติมระยะที่ 2 ต่อเนื่อง ทั้งการกำหนดมาตรการขั้นต่ำให้สถาบันการเงินเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม ที่ยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ทั้งยืดชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย พักหนี้
ไม่เพียงเท่านั้น ล่าสุดเมื่อก.ย.ที่ผ่านมา ธปท.ยังมีการออกมาตรการเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นมาตรการระยะที่ 3 หรือมาตรการแก้หนี้ระยะยาว เพื่อหวังเข้าไปช่วยลูกหนี้ในระยะยาวมากขึ้น ผ่านการให้แบงก์เร่งปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ทุกกลุ่ม ให้สอดคล้องกับรายได้ เพื่อหวังว่าลูกหนี้ทุกกลุ่มจะกลับมาฟื้นตัวได้ในระยะข้างหน้า
ขณะที่ฟากภาคธุรกิจ ธปท.มีการออกมาตรการช่วยเหลือต่อเนื่องเช่นกัน ทั้ง การพักหนี้เป็นการทั่วไป การออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ(ซอฟท์โลน)เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ และต่อเนื่องไปสู่มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และมาตรการพักทรัพย์พักหนี้เพื่อช่วยลูกหนี้ลูกอย่างครบคลุมทุกกลุ่มมากขึ้น
ในด้านสถาบันการเงิน ก็เกิดวิกฤติไม่แพ้กัน จากโควิด-19 กระทบ ที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนรุนแรงในตลาดเงิน จากการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุน จนนักลงทุนแห่ขายสินทรัพย์ ตราสารหนี้ ขายหน่วยลงทุนก่อนกำหนดจำนวนมาก ทำให้บริษัทหลักทรัพย์ออกมาประกาศปิดกองทุนจำนวนมากเพื่อลดผลกระทบที่มีจากความตื่นตระหนก
ครั้งนี้ ธปท.ได้ทำหน้าที่ ในการเป็น "หลังพิง" ให้กับ “สถาบันการเงิน” โดยการยื่นมือเข้าไปช่วย “อุ้ม” หรือลดผลกระทบให้มากที่สุด ผ่านการออกมาตรการช่วยเหลือกองทุนรวมที่ได้รับผลกระทบจากการขาดสภาพคล่องในตลาดการเงิน (Mutual Fund Liquidity Facility: MFLF) และจัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน (Corporate Bond Stabilization Fund : BSF) เพื่อให้เป็นมาตรการเชิงป้องกัน ไม่ให้ปัญหาการขาดสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนลุกลามเป็นการผิดนัดชำระหนี้ในวงกว้าง
“ชญาวดี ชัยอนันต์”ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารการสื่อสารองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด 19 ธปท. มีมาตรการหลากหลายที่มุ่งให้ระบบเศรษฐกิจการเงินเดินหน้าต่อไปได้ในช่วงวิกฤต
ในระยะแรก ธปท. ผ่อนคลายนโยบายการเงินที่ดำเนินการรวดเร็วและมากเป็นพิเศษ เพื่อให้ลดภาระต้นทุนทางการเงินและพยุงเศรษฐกิจในภาพรวม
ขณะที่ดูแลความเชื่อมั่นและการทำงานของตลาดการเงินด้วยมาตรการ MFLF และ BSF
รวมทั้งดำเนินมาตรการทางการเงินอื่น ๆ เพื่อบรรเทาปัญหาของผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นให้ตอบโจทย์ลูกหนี้ทุกประเภท ทั้งรายย่อย SMEs และธุรกิจขนาดใหญ่ และสอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา ทั้งมาตรการแก้หนี้เดิม และมาตรการเสริมสภาพคล่อง
รวมทั้งมีช่องทางเพิ่มเติมเพื่อช่วยแก้หนี้ให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรง มีปัญหาการชำระหนี้ เช่น โครงการไกล่เกลี่ยหนี้ คลินิกแก้หนี้ ที่สำคัญ นโยบายและมาตรการเหล่านี้เป็นการสอดประสานกับนโยบายการคลังอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยดูแลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างครอบคลุม และพยุงเศรษฐกิจโดยรวม
ร่วม 2 ปีที่ผ่านมา ธปท. วัด “ประสิทธิผล” ของมาตรการจากการที่ระบบเศรษฐกิจการเงินในภาพรวมยังเดินหน้าต่อได้ในช่วงวิกฤต และการช่วยเหลือลูกหนี้ได้ตรงจุดและทันสถานการณ์
รวมทั้งสถาบันการเงินที่เป็นตัวกลางส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ยังมีฐานะการเงินที่มั่นคง ซึ่งที่ผ่านมา ถือว่าเราทำได้ดีระดับหนึ่ง เห็นได้จากสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยยังโตได้ดี แม้ไทยถูกกระทบจากโควิดหนักที่สุดและฟื้นช้ากว่าประเทศอื่น
โดยแม้ GDP ไทยปี 2563 หดตัวถึง 6% แต่สินเชื่อยังโตได้ถึง 5.1% และล่าสุด ณ ไตรมาสที่ 3 ปี 2564 ยังโตถึง 5.6% โดยสินเชื่อธุรกิจ SMEs ล่าสุดขยายตัวได้ 2.3%
ซึ่งถือเป็นการกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้เป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลจากมาตรการ soft loan และสินเชื่อฟื้นฟูเป็นหลัก หากไม่รวมผลของมาตรการดังกล่าว สินเชื่อ SMEs ในไตรมาสล่าสุด แทบไม่ขยายตัว!
ส่วน NPL เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากช่วงก่อนโควิด ณ ไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ที่อยู่ที่ 3.04% มาอยู่ที่ 3.14% ณ ไตรมาสที่ 3 ปี 2564 เทียบกับช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 ซึ่ง NPL สูงเกือบ 50% อีกทั้งเงินกองทุนและเงินสำรองของระบบธนาคารพาณิชย์ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง โดย ณ ไตรมาสที่ 3 ปี 2564 BIS Ratio อยู่ที่ 19.9% และอัตราส่วนเงินสำรองต่อ NPL อยู่ที่ 155%
ขณะที่มาตรการการคลังมีส่วนช่วยเยียวยาและฟื้นฟูรายได้ ซึ่งผลจากมาตรการทั้งหมดโดยรวมทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถเดินต่อไปได้ไม่สะดุด
“ผ่านมา ธปท. ได้ทยอยปรับมาตรการให้ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ทันสถานการณ์มากขึ้น ทำให้เหมาะกับการช่วยเหลือลูกหนี้ในระยะยาว เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดที่ยังไม่แน่นอนสูงและอาจยืดเยื้อ เช่น มาตรการแก้หนี้ระยะยาว และมาตรการแก้หนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ”
สำหรับการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ “โอมิครอน” ล่าสุด ประเมินเบื้องต้นว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2565
โดยจำนวนนักท่องเที่ยวอาจยังถูกกระทบไม่มาก เพราะไทยเพิ่งเริ่มเปิดประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติยังมีจำนวนไม่มาก และแม้สายพันธุ์โอมิครอน จะสามารถแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์เดลต้า และประสิทธิภาพของวัคซีนในการกันติดเชื้อจะต่ำลง แต่จากข้อมูลล่าสุด ยังประเมินว่าวัคซีนยังสามารถป้องกันการป่วยหนัก (severity) ได้ ทำให้คาดว่าระบบสาธารณสุขไทยยังมี capacity ที่สามารถรองรับได้ และไทยมีความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนที่ดี
โดยคาดว่าในช่วงต้นปีหน้า คาดว่าอัตราการฉีดเข็ม 3 น่าจะขึ้นไปถึง 70% ได้ ทำให้มองว่าสถานการณ์จะไม่ยืดเยื้อไปจนถึงครึ่งหลังของปี และทางการไม่น่าจะมีมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดในวงกว้าง
ดังนั้นทำให้เชื่อว่า มาตรการที่ ธปท. ได้ดำเนินการไว้แล้ว “น่าจะยังเพียงพอ” ที่จะดูแลผลกระทบจากการระบาดของ “โอมิครอน” ได้
แต่อย่างไรก็ตาม ธปท. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมปรับเปลี่ยนมาตรการช่วยเหลือให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ควบคู่กับการเร่งผลักดันมาตรการต่าง ๆ ของ ธปท. ที่มีอยู่เดิม เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ได้ตรงจุดและครอบคลุม เพื่อท้ายสุดจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เข้มแข็ง
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

XM

FCA, ASIC,IFSC,
CySec
1000 : 1 1 pips – Micro
1 pips – Standard

0 pips - Ultra low
$5 0.01 lots View Profile
Visit Website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"