ธปท. เผยเศรษฐกิจไทยในบริบทใหม่ เริ่มใช้ ‘ดอกเบี้ย’ ดูแลยากขึ้น ด้านนักเศรษฐศาสตร์แนะอย่ายึดติดตำราเดิม

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยผลการศึกษา พบการดำเนินนโยบายด้าน ‘ดอกเบี้ย’ มีข้อจำกัดภายใต้เศรษฐกิจในบริบทใหม่ เช่น อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ การเข้าสู่สังคมสูงอายุ และการมีเทคโนโลยีเข้ามาลดต้นทุนได้มากขึ้น ทำให้แนวโน้มการลดดอกเบี้ยต่ำกว่า 0.5%

เริ่มจำกัดและทำได้ยากขึ้น ด้านนักเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ระบุการทำนโยบายของธนาคารกลางต้องเน้นความโปร่งใส ส่วน บล.เกียรตินาคินภัทร ชี้นโยบายต้องไม่จำกัดกรอบตามตำราดั้งเดิม ควรเตรียมพร้อมเสมอในวิกฤตครั้งใหม่
นุวัต หนูขวัญ นักเศรษฐศาสตร์และทีมงานจาก (ธปท.) กล่าวถึงการศึกษาแนวการดำเนินนโยบายการเงินภายใต้บริบทใหม่ในหัวข้อ ‘นโยบายการเงินแบบบูรณาการ: รังสรรค์พลังจากการผสานเครื่องมือ’ ว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยมีระดับหนี้ครัวเรือนที่สูง อาจกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายในการบริโภคและการลงทุนในระยะข้างหน้า ซึ่งจะกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต ขณะที่เครื่องมือหลักในการดำเนินนโยบายของธนาคารกลาง คือ อัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะยากขึ้น เพราะเงินเฟ้อปัจจุบันต่ำ การปรับลดดอกเบี้ยลงไปต่ำกว่าที่เป็นอยู่ที่ระดับ 0.5% ก็จะยากไปด้วย หรือถึงจะลดดอกเบี้ยแล้วก็อาจไม่ได้ผลอย่างที่คิด
ดังนั้นการทำนโยบายการเงินจึงอาจต้องกลายเป็น New Normal ไปกับบริบทใหม่ด้วย การศึกษาของ ธปท. จึงมุ่งดูว่าแนวนโยบายควรจะออกแบบอย่างไรให้เหมาะสม ซึ่งพบว่าการดำเนินนโยบายแบบผสมผสานเครื่องมือจะมีความสำคัญมากขึ้น ค้ำจุนเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น เพราะการหวังผลในนโยบายอย่างใดอย่างหนึ่งอาจมีขีดจำกัดและหมดประสิทธิภาพลงได้ ทำให้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ หันมาผสมผสานเครื่องมือการทำนโยบายที่หลากหลายขึ้น
ทั้งนี้ในกรณีของ ธปท. จะเห็นว่า การใช้นโยบายดอกเบี้ยอาจจำกัด จึงพิจารณาดำเนินนโยบายปรับโครงสร้างหนี้ การพักหนี้เพื่อดูแลการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้เสีย (NPL) เพื่อไม่ให้เพิ่มมากจนอาจกลับมากระทบต่อเศรษฐกิจ และกระทบต่องบดุลของธนาคารอาจจนเกิดปัญหาสินเชื่อตึงตัว (Credit Crunch) และทำให้ธนาคารเลิกปลอยกู้ ซึ่งผลจะย้อนกลับมากระทบต่อเศรษฐกิจได้ หรือปัญหาหนี้ครัวเรือนหรือเศรษฐกิจที่ก่อหนี้เกินตัวก็จะกระทบต่อเศรษฐกิจเช่นกัน เพราะต่อไปการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนเพื่อการเติบโตก็จะลดลงตามไปด้วย
“ดอกเบี้ยนโยบายอาจไม่สามารถปรับลดลงต่ำกว่า 0.5% ได้ ดูจากเครื่องมือ Output หรือ ผลผลิต ติดลบ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะล่าช้ากว่าจะกลับสู่ระดับที่มีประสิทธิภาพได้ ซึ่งกว่าจะเห็นดอกเบี้ยปรับขึ้นมาระดับปกติก็ต้องใช้เวลานาน อนาคตอาจมีการหาทางกำหนดเพดานการกู้ของครัวเรือนและของธุรกิจ”
นอกจากดอกเบี้ยนโยบายแล้ว นโยบายการคลังก็สำคัญในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย รวมไปถึงนโยบายการปรับโครงสร้างหนี้ การพักชำระหนี้ที่เป็นการใช้เครื่องมือทางการเงินอื่นๆ นอกจากดอกเบี้ยนโยบาย เพราะช่วยทำให้ NPL ไม่สูงขึ้นได้ มีผลต่อเศรษฐกิจที่ดูแลหนี้ดีฟื้นได้เร็วขึ้น สะท้อนว่าถ้าผสานนโยบายได้ถูกจังหวะ ผลด้านลบต่อเศรษฐกิจก็ลดลงชัดเจนขึ้น ลดโอกาสการเกิดวิกฤตการเงินได้ด้วย เช่น นโยบายการคลังการกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ก็เข้ามาโอบอุ้มประคองเศรษฐกิจได้ ลดความเสี่ยงด้านลบอย่างมีนัย ก่อนที่นโยบายการคลังจะค่อยๆ ทยอยลดหนี้สาธารณะลง โดยการใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่ตรงจุด ถูกที่ ถูกเวลา มีการบูรณาการ จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นได้ดี
ทั้งนี้ ลักษณะสำคัญของเครื่องมือเชิงนโยบายของไทยมี 5 ด้าน คือ
อัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นเครื่องมือหลักของการดำเนินนโยบายการเงินที่อาศัยกลไกการส่งผ่านผลต่อภาวะการเงินเพื่อดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจ ตลอดจนรักษาเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาว แต่การทำต้องชั่งน้ำหนักผลดีผลเสียของการใช้เครื่องมือ เช่น การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวอาจกระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งเครื่องมือนี้ยังมีข้อจำกัดที่สำคัญคือ หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำ การปรับลดเพิ่มเติมอาจไม่เกิดการส่งผ่านหรืออาจมีผลข้างเคียง จึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมืออื่นเข้ามาเสริม
นโยบายดูแลเสถียรภาพระบบการเงิน (Macroprudential Policy: MaPP) เป็นเครื่องมือเพื่อดูแลความเสี่ยงในภาคการเงินเฉพาะจุด ป้องกันการลุกลามเป็นความเสี่ยงเชิงระบบจนกระทบเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง เพิ่มความทนทาน (Resiliency) ให้กับภาคการเงินรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งเครื่องมือนี้มีความจำเป็นมากขึ้น หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจเป็นหลัก เช่น การปรับปรุงหลักเกณฑ์วงเงินปล่อยกู้ต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) แต่การดำเนินการ MaPP มีความท้าทายหลายประการ อาทิ ผลข้างเคียงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการจำกัดกิจกรรมในภาคการเงิน เผชิญข้อจำกัดด้าน Regulatory Gap ที่บังคับใช้กับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับเท่านั้น ความเสี่ยงต่อชื่อเสียงของธนาคารกลางหากมาตรการไม่ได้ประสิทธิผลตามที่คาดหวัง และจำเป็นต้องผ่อนคลายมาตรการในอนาคต และมาตรการมักใช้ระยะเวลานาน
นโยบายอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate Policy) หรือการดูแลค่าเงิน เป็นเครื่องมือช่วยดูแลไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนเกินไปจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การดูแลค่าเงินต้องชั่งน้ำหนักผลดีผลเสีย เนื่องจากอาจส่งเสริมให้ภาคธุรกิจมีพฤติกรรมเสี่ยงขึ้น (Moral Hazard) ได้ ทำให้ธุรกิจไม่ปรับตัวและละเลยการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ยังเพิ่มต้นทุนต่อธนาคารกลาง และอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะถูกระบุเป็นประเทศที่บิดเบือนค่าเงินของสหรัฐอเมริกา (Currency Manipulator)
มาตรการเงินทุนเคลื่อนย้าย (Capital Flow Measures: CFMs) เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้จัดการความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายและอัตราแลกเปลี่ยนได้ เป็นมาตรการที่เห็นประสิทธิผลในระยะสั้น แต่อาจสร้างความเสี่ยงด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ โดยในกรณีไทยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการดำเนินมาตรการเพื่อสร้างสมดุลของเงินทุนเคลื่อนย้าย เช่น การส่งเสริมให้นักลงทุนไทยทั้งรายย่อยและนักลงทุนสถาบันออกไปลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศมากขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของแผนการผลักดันการสร้างระบบนิเวศใหม่ของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (FX Ecosystem) ที่จะช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาทอย่างตรงจุดและยั่งยืน
มาตรการทางการเงิน เพื่อดูแลสภาพคล่องและบรรเทาภาระหนี้ให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด มีบทบาทสำคัญในช่วงวิกฤต ตอบโจทย์ปัญหาในบริบทของไทยที่มีปัญหาความเสี่ยงด้านเครดิต รวมทั้งมีความยืดหยุ่นในการออกแบบมาตรการให้สามารถช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบได้ตรงจุด เช่น มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ ตลอดจนมาตรการพักชำระหนี้และปรับโครงสร้างหนี้
อย่างไรก็ดี การดำเนินมาตรการดังกล่าวต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (Stakeholders) เช่น สถานะของสถาบันการเงิน และความจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ ประสานกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้กู้อย่างเหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิผลของมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และประสานกับกรมสรรพากรเพื่อยกเว้นภาษีตีโอนทรัพย์ชำระหนี้เพื่อสนับสนุนมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ ซึ่งความร่วมมือจากภาครัฐมีส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมให้มาตรการเข้าถึงกลุ่มเปราะบางและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้าน พงศ์ศักดิ์ เหลืองอร่าม อาจาย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ความท้าทายที่สุดในวงการธนาคารกลางประเทศต่างๆ รวมทั้งไทย คือ ศักยภาพในการดูแลเศรษฐกิจที่มีเครื่องมือ 5 ด้าน เพราะอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในดุลยภาพลดต่ำลง ทำให้กังวลในหมู่ธนาคารกลางว่า อาจเป็นตัวบอกว่าประสิทธิผล (Capacity) ของดอกเบี้ยจะต่ำลง อย่างกรณีธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เดิมจะอยู่ที่ 4% ก็ลดมาเหลือ 2.5% เพราะการปรับลดดอกเบี้ยอย่างไรก็ต่ำได้เท่านี้ และถ้าใช้เครื่องมือเสริม หรือทำ QE ก็ช่วยให้เพิ่มสเปรดดอกเบี้ยได้อีก 3% ทำให้บูสต์ดอกเบี้ยได้ถึง 5-6% ใช้ดูแลปัญหาเศรษฐกิจที่ถูกช็อกด้านลบได้
ส่วนการดูแลเงินเฟ้อก็เป็นปัญหาก่อนเกิดโควิด ที่ทุกแห่งเจอปัญหาเงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าหมาย เพราะพลวัตเปลี่ยนแปลงไป จากการเป็นสังคมผู้สูงวัย การมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตและบริการต่างๆ ได้มากขึ้น สร้างแรงกดดันให้เงินเฟ้อต่ำ จึงเป็นความยากลำบากของธนาคารกลางในการดำเนินนโยบายที่มีเงินเฟ้อเป็นเป้าหมาย แต่พอมาใช้นโยบายในการดูแลเศรษฐกิจที่แต่ละภาคส่วนฟื้นตัวต่างกัน (K-Shaped) กลายเป็นรายที่รับความความเสี่ยงสูงกระทบมากฉุดเศรษฐกิจในระยาว
“เครื่องมือนโยบายการเงินในปัจจุบัน หากดูจากทั้ง 5 ด้าน ต้องดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่ทำนโยบายที่เน้นไปให้ถึงความคาดหวังของตลาด แต่ถ้าดอกเบี้ยต่ำยาวนาน ก็อาจช่วยให้มีสเปรดของนโยบายการคลังเพิ่มได้ ผมว่าในบริบทใหม่ คือ ความโปร่งใสของการดำเนินนโยบาย เพราะหลายประเทศใช้ Inflation Targeting ทำนโยบายได้ดี เพราะใช้ความโปร่งใสเป็นพื้นฐานในการดำเนินนโยบาย หน้าที่หลักในการดูแลระดับราคาหรือเงินเฟ้อได้เหมาะสม การทำเครื่องมือจะไม่ยาก แต่ข้อควรระวัง คือ มาตรการที่ตรงจุด มันดี แต่อาจเกิดปัญหาบางอย่างได้ในโลกยุคใหม่” พงศ์ศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมวิจัยลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า โจทย์ท้าทายของการทำนโยบายของธนาคารกลาง คือ เงินเฟ้อต่ำ เพราะถ้าเงินเฟ้อสูงขึ้นดอกเบี้ยปรับขึ้นไปเรื่อยๆ ได้ แต่พอเงินเฟ้อต่ำ ก็ต้องฉีกตำรา เพราะเดิมพิมพ์เงินไม่ได้ ก็เห็นทำไปแล้ว ซึ่งข้อจำกัดของการดำเนินนโยบายจากธนาคารกลางก็จะกลายไปอยู่ในดินแดนที่ไม่เคยผ่าน ทั้งนี้ธนาคารกลางประเทศต่างๆ เริ่มศึกษาว่าดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานานก็อาจเป็นฟองสบู่ เสี่ยงต่อสถานการณ์วิกฤต ที่เมื่อมีวิกฤตต้นทุนจะสูงขึ้น และต้องมาดูความสามารถทางการเงิน (Financial Ability) อีก ส่งผลให้บทบาทการเงินที่จะมาจัดการกับสถานการณ์คงต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
สำหรับเครื่องมือนโยบายการเงินในปัจจุบัน มองว่า หากดูจากดอกเบี้ย การแทรกแซงค่าเงิน เริ่มพบว่าบางแห่งฉีกตำรา ทำดอกเบี้ยติดลบ ควบคุมอัตราดอกเบี้ยระยะยาวผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว (Yield Curve Control) ซื้อหุ้น ซื้อกองทุนต่างๆ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่หลากหลาย เล็งเป้าได้ แต่การใช้ต้องใช้อิมเมจินเนชันมากขึ้น เพราะหลายที่ลองพยายามทำในภาวะวิกฤต เช่น การทำ QE หรือธนาคารกลางพิมพ์เงินให้รัฐบาลใช้ และเริ่มเห็นธนาคารกลางในประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ขยับไปทำอย่างนั้น
ฉะนั้นการสื่อสารต่อการทำนโยบายต้องอธิบายว่าเราทำอย่างนั้นเพราะอะไรให้ได้ และเห็นด้วยกับการประสานนโยบายอื่น ทั้งนโยบายการคลังและอื่นๆ แต่ควรแยกเครื่องมือในยามวิกฤตและปกติ ที่สำคัญต้องเตรียมเครื่องมือให้พร้อมใช้เพื่อรับวิกฤตใหม่ๆ เอาไว้เสมอ ถ้าเกิดขึ้นสามารถหยิบใช้ได้เลย
“บริบทใหม่ ความท้าทาย คือ ความน่าเชื่อถือของนโยบายการเงินกลับมา แต่เมื่อเราเจอปัญหาใหม่ เราเจอเงินเฟ้อต่ำติดต่อกันหลายปี ตั้งแต่เราปรับเป้าหมายจากเงินเฟ้อพื้นฐานมาที่เงินเฟ้อทั่วไป มีไม่กี่ครั้งที่เงินเฟ้อถึงเป้า เห็นได้ชัดว่าในระยะหลังๆ ธปท. ให้ความสำคัญกับการดูแลเสถียรภาพของสถาบันการเงินมากขึ้น เมื่อเห็นเงินเฟ้อหลุดเป้านาน ที่เดิมห่วงเงินเฟ้อสูง แต่กลับมาห่วงเงินเฟ้อต่ำ” พิพัฒน์ กล่าว
Source: The Standard Wealth

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

XM

FCA, ASIC,IFSC,
CySec
1000 : 1 1 pips – Micro
1 pips – Standard

0 pips - Ultra low
$5 0.01 lots View Profile
Visit Website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"