กสิกรไทย ส่องเศรษฐกิจผ่านฐานะแบงก์ไทย ฟื้นตัวช้า-หนี้เสียพุ่งกว่าเพื่อนบ้าน

กสิกรไทย มองเศรษฐกิจผ่านฐานะแบงก์ไทย วิกฤตโควิด-19 ลากยาว ทำฟื้นตัวช้า-หนี้เสียพุ่งกว่าเพื่อนบ้าน วันที่ 6 กันยายน 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ส่องเศรษฐกิจผ่านสถานะแบงก์ไทย เผยโควิด-19 ลากยาว กระทบฐานะผลประกอบการธนาคารไทยฟื้นตัวช้า

กว่าประเทศเพื่อนบ้าน คาดใช้เวลานานกว่า 1-2 ปีพลิกฟื้นกลับช่วงก่อนโควิด-19 หวั่นกระทบโครงสร้างเศรษฐกิจ เร่งปรับตัวสร้างรายได้-มองหาโมเดลธุรกิจใหม่
แบงก์ไทยสถานะการเงินฟื้นตัวช้า-ด้อยกว่าเพื่อนบ้าน
แม้ภาพรวมธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ (ธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในไทยและสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 จะรายงานกำไรสุทธิเฉลี่ยสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาทต่อไตรมาส แต่ส่วนหนึ่งมาจากการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยตามสิทธิ์ ภายใต้มาตรฐานบัญชี TFRS9 ที่ไม่ได้มีเม็ดเงินจริงเข้ามา โดยเฉพาะจากหนี้ที่เข้ามาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินด้วยมาตรการพักหนี้ หรือมีปัญหาให้ไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามปกติ
ทั้งนี้ ภายใต้มาตรฐานบัญชีใหม่ดังกล่าวที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2563 นั้น ลูกหนี้ที่เผชิญปัญหาโควิดและขอรับความช่วยเหลือทางการเงินข้างต้น ธนาคารจะยังบันทึกบัญชีด้วยการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยดังกล่าวตาม ‘สิทธิ์ที่พึงได้รับ’ ซึ่งเกณฑ์นี้ ผนวกกับการปรับวิธีตัดชำระหนี้แบบแนวนอนที่ ธปท.ประกาศเมื่อเดือนตุลาคม 2563 (บังคับใช้กรกฎาคม 2564 โดยตัดค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย และเงินต้นของยอดค้างชำระที่เก่าที่สุดก่อน แล้วค่อยตัดยอดที่ค้างชำระลำดับถัดมา) ทำให้ดอกเบี้ยค้างรับของธนาคารจึงสูงกว่าตัวเลขดอกเบี้ยค้างรับตามวิธีคิดแบบเดิม
ขณะที่ ปัจจุบันเมื่อมีการปรับโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้และมีมาตรการพักชำระหนี้ ธนาคารจะเรียกเก็บหนี้ได้ในช่วงท้ายสัญญา นั่นหมายความว่า ระหว่างทาง ธนาคารจะถือดอกเบี้ยค้างรับไว้ โดยที่ไม่สามารถแน่ใจได้ว่าลูกหนี้จะจ่ายชำระได้จริงหรือไม่และมากน้อยเพียงใด เพียงแต่ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ ธนาคารสามารถพิจารณาความเสี่ยงเครดิตของลูกหนี้และตั้งสำรองหนี้ฯเพิ่มขึ้นได้ อันเป็นผลให้ที่ผ่านมา ระดับการตั้งสำรองของระบบธนาคารพาณิชย์จึงยังสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19
ในเบื้องต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ทำการประเมินผลจากการเปลี่ยนวิธีการบันทึกบัญชีมาเป็น TFRS9 ในปี 2563 และการรับรู้ดอกเบี้ยตามสิทธิ์จากหนี้ที่เข้ามาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินอันมีผลเพิ่มดอกเบี้ยค้างรับ (หักการตั้งสำรองฯ สะสมที่เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโควิดในปี 2562) อาจมีสัดส่วนไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิ บนสมมติฐานว่า อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของพอร์ตสินเชื่อที่เข้ามาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินกำหนดไว้ที่ประมาณ 3%
การลดลงของหนี้ที่เข้ามาตรการความช่วยเหลือทางการเงินที่ช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลต่อดอกเบี้ยค้างรับและการรับรู้ดอกเบี้ยรับตามสิทธิ์ โดยแม้มาตรฐานบัญชีสากลนี้บังคับใช้กับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ เช่นกัน อาทิ มาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่ความแตกต่างที่อาจทำให้ธนาคารไทยเสียเปรียบ คือ สัดส่วนลูกค้าเข้ามาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่สูงกว่าและลดลงช้ากว่า โดย ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 อยู่ที่ 15.4% เทียบกับของสิงคโปร์ที่ 3% (ม.ค.64) และมาเลเซียที่ 15% (ก.พ.64) ตามลำดับ
ปัญหาที่ปรากฎขึ้นกับลูกหนี้ ยังกระทบต่อหนี้ด้อยคุณภาพของระบบธนาคารพาณิชย์ให้ด้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างเช่นสิงคโปร์และมาเลเซีย ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรที่วัดผ่านอัตรากำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) มีระดับต่ำกว่าประเทศเหล่านั้น เนื่องจากความกังวลต่อปัญหาคุณภาพหนี้ทำให้ยังต้องคงภาระการตั้งสำรองหนี้ฯ ในระดับสูงเป็นสำคัญ
ผลประกอบการพลิกสู่ช่วงก่อนโควิดใช้เวลานานกว่า 1-2 ปี
ด้วยสถานการณ์โควิดที่ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งจึงง่วนอยู่กับกิจกรรมช่วยเหลือลูกค้าและดูแลประเด็นคุณภาพหนี้ที่เกี่ยวข้อง จึงส่งผลตามมาให้ระบบธนาคารพาณิชย์คงเห็นทิศทางผลประกอบการที่ฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่นเช่นกัน โดยการเห็นตัวเลขที่กลับสู่ระดับก่อนโควิด คงยากจะเกิดขึ้นภายใน 1-2 ปีนี้ ขณะที่ ฝั่งสิงคโปร์ และสหรัฐฯ น่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการที่กลับสู่ระดับก่อนโควิดแล้วในปี 2564
ดังนั้น การสะสมกำไรและเงินกองทุนของระบบธนาคารพาณิชย์ก็เป็นไปเพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่มีใครบอกได้แน่ชัดว่าปัญหาโควิดจะจบจริงหรือไม่และเมื่อใด แรงกดดันต่อภาพรวมของระบบธนาคารพาณิชย์ดังกล่าว กระทบให้อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (Price to Book Ratio) อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสะท้อนนัยต่อความสามารถในการทำกำไรในเชิงเปรียบเทียบที่ยังด้อยกว่า จึงส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นกลุ่มนี้เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านตามไปด้วย
หลังโควิดเร่งจัดการธุรกิจภาคบริการ-SMEs ทรุดหนัก
ทั้งผลประกอบการระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยที่คงจะฟื้นตัวช้า ปัญหาคุณภาพหนี้ รวมถึงพอร์ตหนี้ที่เข้ามาตรการรับความช่วยเหลือทางการเงินที่ลดลงช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านนั้น เป็นกระจกสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจไทยหลายด้าน ดังนี้
โครงสร้างเศรษฐกิจที่มีธุรกิจที่เผชิญผลกระทบหนักจากโควิดในสัดส่วนสูง อาทิ โรงแรมและที่พัก ขนส่ง ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ค้าส่งค้าปลีก ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 33.1% ต่อจีดีพี (ปี 2562) อันเป็นธุรกิจภาคบริการสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ฝั่งธนาคารพาณิชย์ ก็มีสินเชื่อในธุรกิจดังกล่าวในสัดส่วนที่สูงเช่นกัน โดยมีสัดส่วนถึง 49.0% ของสินเชื่อธุรกิจทั้งหมด (ไม่รวมกิจการด้านการเงิน) ในปี 2562 แม้ว่าจะทยอยลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 48.1% ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 ขณะที่ หากเจาะเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีใน 5 หมวดนี้ จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาที่ 60.5% ณ สิ้นปี 2562 และ 64.0% ณ สิ้นไตรมาส 2/2564
ปัญหาขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ที่ทำให้หลายธุรกิจมีปัญหาอยู่ก่อนแล้ว ถูกซ้ำเติมด้วยโควิดในปี 2563 ยกตัวอย่างธุรกิจในภาคบริการ เผชิญบริบทที่ท้าทายอยู่แล้วและจะท้าทายเพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมลูกค้าทั้งในแนะนอกประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันจากดิจิทัลแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการดั้งเดิมต้องปรับเป้าหมายและวิธีการทำธุรกิจใหม่ รวมถึงฉีกบริการด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มและหาจุดขายที่แตกต่างจากเดิม เป็นต้น ซึ่งกระแส Disruption ในรูปแบบต่างๆ ข้างต้นนี้ จะกระทบมากต่อธุรกิจเอสเอ็มอี
ขณะที่ พอร์ตของระบบธนาคารไทย เทน้ำหนักไปที่ธุรกิจเอสเอ็มอีในสัดส่วนที่สูงขึ้นหลังวิกฤตปี 2540 เพื่อลดการกระจุกตัวของพอร์ตลูกค้ารายใหญ่ โดยมีสัดส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นไปเกือบ 50% ในปี 2548 ก่อนที่จะทยอยลงลงมาอยู่ที่ 35.6% ในไตรมาส 1/2562 (ส่วนตั้งแต่ไตรมาส 2/2562 มีการเปลี่ยนนิยามขนาดธุรกิจของกระทรวงอุตสาหกรรม จึงกระทบสัดส่วนของพอร์ตเอสเอ็มอีให้ลดลงค่อนข้างมาก) สุดท้ายแล้ว จึงทำให้สถานะของระบบธนาคารไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาขีดความสามารถทางการแข่งขันของลูกค้าทั้งทางตรงและทางอ้อมตามไปด้วย
ครัวเรือนมีสถานะทางการเงินที่ด้อยลงอีกหลังโควิด จาก 1) ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น 2) การฟื้นตัวในตลาดแรงงานมีแนวโน้มล่าช้า เพราะนอกจากการฟื้นตัวของธุรกิจจะไม่เท่ากันแล้ว ก็ยังมีประเด็นด้านทักษะแรงงานที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูหลังจากเผชิญปัญหาว่างงาน หรือทำงานต่ำระดับมาหลายปี โดยเฉพาะในภาคบริการ 3) รูปแบบการจ้างงานที่จะเปลี่ยนไปสู่การเป็นลูกจ้างประจำลดลง หรือมีสวัสดิการส่วนเพิ่มที่ลดลง เพื่อลดภาระต้นทุนของภาคธุรกิจ 4) แนวโน้มความต้องการแรงงานลดลง หลังธุรกิจมีการใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดจากพอร์ตสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ลูกค้ารายย่อยมีสัดส่วน 36.8% ของสินเชื่อทั้งหมด ณ สิ้นไตรมาส 2/2564
โดยสรุปแล้ว มองไปข้างหน้า แม้ว่าระบบธนาคารพาณิชย์จะมีการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานหรือปัญหาคุณภาพหนี้ที่คงจะล่าช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิดในรอบนี้ที่ยังมีอยู่ แต่โจทย์ที่สำคัญและน่ากังวลมากกว่า จะเป็นความอยู่รอดของธุรกิจและครัวเรือนที่ต้องฝ่าฟันปัญหาด้านรายได้ ขีดความสามารถทางการแข่งขัน รวมไปถึงหนี้สินที่เพิ่มขึ้นภายใต้บริบทเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมใหม่ที่เปลี่ยนไป ประกอบกับยังต้องเร่งหาคำตอบว่า ไทยจะอาศัยจุดแข็งของธุรกิจใดในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศท่ามกลางข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีที่ไทยเก่งแต่เป็นเทคโนโลยีในโลกเก่า เพราะจะหมายความถึงความยั่งยืนของทิศทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ ครัวเรือน ตลอดจนธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ไทยในระยะยาว
ขณะที่ ในระหว่างนี้ ฝั่งธนาคารพาณิชย์ก็คงแก้ปัญหาและเร่งปรับตัวเฉพาะหน้าเพื่อหาวิธียืนยันรายได้ทางเลือกของลูกค้า การหาลูกค้าศักยภาพ (ที่มีจำนวนน้อยลง) การลดต้นทุนในมิติต่างๆ รวมถึงการหาโอกาสจากโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่มากไปกว่าโลกการเงินแบบเดิม ซึ่งแม้จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินให้ลูกค้าได้กว้างและหลากหลายขึ้นกว่าเดิม และพอจะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจประคองการเติบโตไว้ได้ แต่คงไม่สามารถเปลี่ยนให้กลายเป็นการเติบโตที่ยั่งยืนได้ หากไม่ได้มีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจหลังจากโควิดจบอย่างจริงจัง
Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

XM

FCA, ASIC,IFSC,
CySec
1000 : 1 1 pips – Micro
1 pips – Standard

0 pips - Ultra low
$5 0.01 lots View Profile
Visit Website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"