ระบบเศรษฐกิจไทยควร ‘กลัว’ ความเสี่ยงแค่ไหน

สวัสดีครับ ในบทความฉบับที่แล้วผมสำรวจ ‘สุขภาพ’ ที่แตกต่างกันระหว่างระบบสถาบันการเงินกับภาคเศรษฐกิจจริง และตั้งคำถามถึงบทบาทของระบบสถาบันการเงินไทยในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการให้สินเชื่อไปแล้ว ในบทความฉบับนี้ผมจะสำรวจลึกลงไปถึง

‘ธรรมชาติ’ ของการให้สินเชื่อในประเทศไทย และคลี่ให้เห็นถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน โดยเราจะตอบคำถาม 3 ข้อต่อไปนี้

คำถามที่ 1 การเข้าไม่ถึงสินเชื่อเป็นเพราะ ‘ธุรกิจไม่ขอ’ หรือ ‘สถาบันการเงินไม่ให้’
จากบทความฉบับที่แล้ว การสำรวจของธนาคารโลกในปี 2017 พบว่ามีคนไทยที่อายุ 15 ปีขึ้นไปเพียง 11.0% ที่เข้าถึงสินเชื่อเพื่อจัดตั้ง บริหาร หรือขยายกิจการ ทำไมธุรกิจจำนวนมากจึงยังไม่ได้รับสินเชื่อ ผมคิดว่ามีสาเหตุที่เป็นไปได้ 2 ประการด้วยกันคือ
1. สาเหตุด้านความต้องการสินเชื่อ คือธุรกิจไม่มีความต้องการขอสินเชื่อตั้งแต่แรก
2. สาเหตุด้านอุปทานสินเชื่อ คือธุรกิจขอสินเชื่อ แต่สถาบันการเงินปฏิเสธ
จากข้อมูลรายงานภาวะและแนวโน้มสินเชื่อของสถาบันการเงิน[1]ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2010 เป็นต้นมา พบว่าความต้องการสินเชื่อและความเข้มงวดในการให้สินเชื่อไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างสมดุลกัน รูปที่ 1 และ 2 แสดงการเปลี่ยนแปลงสะสมของความต้องการสินเชื่อ (Credit Demand) และความเข้มงวดในการให้สินเชื่อ (Credit Standard) โดยรูปที่ 1 แสดงให้เห็นว่าธุรกิจมีความต้องการขอสินเชื่อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รูปที่ 2 กลับชี้ว่าสถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการให้สินเชื่อมาโดยตลอด
เมื่อแบ่งข้อมูลเป็นธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจ SMEs จะเห็นว่าธุรกิจทั้งสองขนาดต่างมีความต้องการขอสินเชื่อเพิ่มขึ้นทั้งคู่ โดยเฉพาะ SMEs ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นมากในช่วงปี 2013-2019 ซึ่งเป็นการขอสินเชื่อเพื่อการลงทุนใหม่และสินเชื่อหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินกลับเพิ่มความเข้มงวดในการให้สินเชื่อกับ SMEs อย่างมากเมื่อเทียบกับธุรกิจขนาดใหญ่ ทำให้ความเข้มงวดสะสมในการให้สินเชื่อธุรกิจใหญ่และ SMEs ฉีกออกจากกันอย่างชัดเจน
ต่อมาผมสำรวจต่อไปว่าตลาดสินเชื่อไทยอยู่ในภาวะที่ ‘มีความต้องการขอสินเชื่อมากเกินไป’ หรือ ‘น้อยเกินไป’ เมื่อเทียบกับปริมาณสินเชื่อที่สถาบันการเงินยินดีให้ จากการประมาณค่าแบบจำลองอย่างง่าย[2] ผมพบว่าในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2010 ถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2020 ตลาดสินเชื่อไทยใช้เวลาราว 73% อยู่ในภาวะที่มีความต้องการขอสินเชื่อมากกว่าที่สถาบันการเงินยินดีให้ (รูปที่ 3) ผลการศึกษาดังกล่าวชี้ว่าการที่ธุรกิจจำนวนมากยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อน่าจะเป็นผลจาก ‘สถาบันการเงินไม่ให้’ มากกว่า ‘ธุรกิจไม่ขอ’
คำถามที่ 2 สถาบันการเงินคิดอย่างไรจึงไม่ให้สินเชื่อ
ในความเป็นจริงสถาบันการเงินก็คิดไม่ต่างจากธุรกิจประเภทอื่น นั่นคือแสวงหาผลตอบแทนสูงสุดภายใต้ทรัพยากรที่มีและความเสี่ยงที่ต้องบริหารจัดการ
ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์การเงินบอกว่าสถาบันการเงินตัดสินใจให้สินเชื่อจากปัจจัย 3 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 คือการประเมินผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อสำหรับลูกค้าแต่ละคน ซึ่งขึ้นกับแผนธุรกิจและฐานะการเงินของลูกค้า ตลอดจนภาวะอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจในภาพใหญ่ ถ้าผลตอบแทนเหมาะสมและยอมรับความเสี่ยงได้ สถาบันการเงินก็จะให้สินเชื่อ
กลุ่มที่ 2 คือสภาพคล่องของสถาบันการเงินและต้นทุนที่สถาบันการเงินต้องจ่ายเพื่อระดมเงินมาปล่อยสินเชื่อ หากสามารถระดมเงินได้ ณ ต้นทุนต่ำ สถาบันการเงินจะมีแรงจูงใจที่จะให้สินเชื่อมากขึ้น
กลุ่มที่ 3 คือการแข่งขันให้สินเชื่อกับสถาบันการเงินอื่น
จากผลการสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อของสถาบันการเงิน ผมใช้แบบจำลองทางสถิติ[3]อย่างง่ายในการวัดว่าปัจจัยกลุ่มใดมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินมากกว่ากัน (รูปที่ 4) โดยพิจารณาทั้งปัจจัยกลุ่มที่ 1 คือผลการสำรวจถึงความกังวลต่อความเสี่ยงของเศรษฐกิจโดยรวม ความเสี่ยงเฉพาะของอุตสาหกรรม และสินทรัพย์ค้ำประกัน นอกจากนี้ยังพิจารณาปัจจัยกลุ่มที่ 2 คือภาวะสภาพคล่องของสถาบันการเงิน และปัจจัยกลุ่มที่ 3 คือการแข่งขันระหว่างสถาบันการเงินด้วย
ผลการศึกษาพบว่าสถาบันการเงินให้สินเชื่อโดยคำนึงถึงปัจจัยกลุ่มที่ 1 คือปัจจัยด้านความเสี่ยงเป็นอย่างมาก โดยความเข้มงวดในการให้สินเชื่อมาจากความกังวลต่อความเสี่ยงระดับอุตสาหกรรมมีความสำคัญถึง 36.2% ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจมีความสำคัญถึง 8.5% ในขณะที่สภาพคล่องและการแข่งขันระหว่างสถาบันการเงินต่างมีความสำคัญรองลงมา ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งคือปัจจัยที่ผมสามารถอธิบายพฤติกรรมความเข้มงวดในการให้สินเชื่อได้เพียง 56.7% ขณะที่ 43.3% สามารถอธิบายได้โดยปัจจัยอื่นที่ยังไม่ได้ใส่เข้ามาในแบบจำลอง ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เราไม่มีข้อมูลคือความเสี่ยงระดับบุคคล
ผลการศึกษาบ่งบอกว่าสถาบันการเงินให้สินเชื่อโดยคำนึงถึงปัจจัยรอบด้าน แต่ให้ความสำคัญกับการระมัดระวังความเสี่ยงเป็นพิเศษ กล่าวคือวิธีการประเมินสินเชื่อของสถาบันการเงินไทยมีความเสี่ยงเป็นศูนย์กลาง (Risk-based) หากพิจารณาถึงความอ่อนแอและเปราะบางของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา จึงอธิบายได้ว่าทำไมสถาบันการเงินไทยจึงระมัดระวังในการให้สินเชื่ออย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
คำถามที่ 3 การให้สินเชื่อต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงเสมอไปหรือไม่
การพิจารณาความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อเป็นสิ่งที่สำคัญและเข้าใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราพิจารณาถึงบริบทของสถาบันการเงินไทยที่ต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจการเงินในปี 1997 (วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง) ซึ่งเกิดจากความเสี่ยงภายในระบบสถาบันการเงินเอง ดังนั้นจึงอธิบายได้ว่าทำไมการกำกับดูแลและสถาบันการเงินจึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยง หรือ ‘การรักษาเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน’ มากเป็นพิเศษ
เมื่อให้ความสำคัญกับความเสี่ยง สถาบันการเงินจึงระมัดระวังเป็นพิเศษที่จะให้สินเชื่อกับธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงหรือประเมินความเสี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่และมีประวัติทางการเงินสั้น ดังนั้นเราจึงได้เห็นการกำกับดูแลและสถาบันการเงินแลกการให้สินเชื่อ (ซึ่งช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ) ไปกับการลดความเสี่ยงที่มีต่อสถาบันการเงิน
แต่การกำกับดูแลและสถาบันการเงินจำเป็นต้องแลก (Trade-off) การให้สินเชื่อกับเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินเสมอไปหรือไม่
รูปที่ 5 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างการเข้าถึงสินเชื่อ (การให้สินเชื่อ) และการระวังความเสี่ยงระหว่างประเทศในช่วงปี 2010-2017 โดยการให้สินเชื่อวัดจากสัดส่วนของธุรกิจที่มีหรือเคยมีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงิน (แกนนอน) ขณะที่การระวังความเสี่ยงวัดจากค่าลบของสัดส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของสถาบันการเงิน (-NPL Ratio, แกนตั้ง) ประเทศที่มีการให้สินเชื่อในระดับต่ำแต่มีความเสี่ยงต่ำจะอยู่บริเวณมุมซ้ายบนของรูป ขณะที่ประเทศที่มีการให้สินเชื่อในระดับสูงแต่มีความเสี่ยงสูงจะอยู่บริเวณมุมขวาล่าง หากมีการ Trade-off เกิดขึ้นจริง ตัวแปรทั้งสองควรมีความสัมพันธ์เป็นลบ และข้อมูลควรเรียงตัวจากมุมซ้ายบนลงมายังมุมขวาล่าง
จากรูปจะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ชัดเจน แต่หากแบ่งข้อมูลตามกลุ่มรายได้[4] ดังรูปที่ 6 จะพบว่ามีลักษณะ Trade-off เกิดขึ้นเฉพาะในกลุ่มประเทศรายได้สูง โดยค่าสัมประสิทธิ์แสดงความสัมพันธ์ (Correlation) ระหว่างการให้สินเชื่อและการระวังความเสี่ยงมีความสัมพันธ์เป็นลบ (รูปที่ 6) ในทางตรงกันข้าม สำหรับประเทศรายได้ปานกลางและรายได้น้อย การให้สินเชื่อและการระวังความเสี่ยงกลับมีความสัมพันธ์เป็นบวกและมี Correlation เป็นบวกมากขึ้นเมื่อมีรายได้น้อยลง ซึ่งแปลว่าประเทศรายได้ปานกลางและรายได้น้อยยังไม่ต้องเผชิญกับ Trade-off เหมือนกับประเทศพัฒนาแล้ว
จะสังเกตได้ว่าการ Trade-off ระหว่างการให้สินเชื่อและการระวังความเสี่ยงเกิดขึ้นเฉพาะในประเทศรายได้สูงที่มีระบบการเงินที่มีคุณภาพอยู่แล้ว โจทย์ของการกำกับดูแลระบบสถาบันการเงินในประเทศรายได้สูงจึงเป็นการชั่งน้ำหนักระหว่างการให้สินเชื่อกับการระวังความเสี่ยง และเนื่องจากประเทศรายได้สูงมีระบบการเงินที่ลึกและหลากหลายพอที่จะสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว ผู้กำกับดูแลจึงหันมาให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงได้มาก
แต่สำหรับประเทศรายได้ปานกลางและรายได้น้อยที่ระบบการเงินยังพัฒนาไม่เต็มที่ โจทย์ของระบบสถาบันการเงินยังไม่ใช่การเลือกระหว่างการให้สินเชื่อกับการระวังความเสี่ยงเหมือนประเทศรายได้สูง แต่โจทย์ที่สำคัญกว่าคือการสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจก่อน ข้อมูลข้างต้นสนับสนุนว่าการเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำและสามารถทำได้ เพราะสถาบันการเงินยังสามารถให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องแลกกับความเสี่ยงเสมอไป
แนวคิดที่ว่าการกำกับดูแลและสถาบันการเงินสามารถสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อไปพร้อมกับการบริหารความเสี่ยงของสถาบันการเงินเป็นแนวคิดที่ได้รับการสนับสนุนมากขึ้นจากนักเศรษฐศาสตร์และผู้ดำเนินนโยบาย งานของ Jansen (2010) อธิบายว่าแม้การให้สินเชื่อกับธุรกิจขนาดเล็กอาจเสี่ยง แต่ก็เสี่ยงแค่ในช่วงแรก เพราะหากธุรกิจที่ดีได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างเพียงพอจนตั้งตัวได้ ความเสี่ยงในระยะแรกจะได้รับการชดเชยจากการที่ธุรกิจมีผลการดำเนินงานที่ดีและฐานะการเงินที่มั่นคงในระยะยาว นอกจากนี้ผลประโยชน์ในระยะยาวจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น (Non-linear) เพราะหากทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงสินเชื่ออย่างทั่วถึงจะทำให้ระบบการเงินมีความลึกขึ้นและหลากหลายขึ้นในระยะยาว ซึ่งเป็นผลดีต่อภูมิทัศน์ของธุรกิจ และส่งให้ระบบสถาบันการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวมมีเสถียรภาพและมีภูมิคุ้มกันตามไปด้วย[5]
ขณะเดียวกัน ฌอง-คล็อด ทริเชต์ ผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็เคยกล่าวไว้ในสุนทรพจน์ปี 2003[6] ว่าการรักษาเสถียรภาพทางการเงินไม่ได้มีแค่มิติของการลดความเสี่ยงของสถาบันการเงินเท่านั้น แต่ยังมีมติของการเข้าถึงบริการทางการเงินด้วย ดังนั้นการรักษาเสถียรภาพทางการเงินยังต้องช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงบริการทางการเงินซึ่งเกิดจากความไม่สมบูรณ์ของตลาดการเงิน (Market Imperfection) เช่น ปัญหาความไม่สมบูรณ์ของข้อมูลข่าวสารด้วยเช่นกัน
เศรษฐกิจไทย ‘มีรายได้น้อย แต่รสนิยมสูง’
เมื่อมองย้อนกลับมาที่เศรษฐกิจไทย รูปที่ 5 และ 6 ชี้ว่าสถาบันการเงินและการกำกับดูแลของไทยให้ความสำคัญกับการระมัดระวังความเสี่ยงอย่างมาก แต่ให้สินเชื่อน้อยเมื่อเทียบกับประเทศรายได้สูงหรือแม้กระทั่งประเทศรายได้ปานกลางค่อนไปทางสูงที่มีระดับการพัฒนาใกล้เคียงกัน ข้อมูลสะท้อนว่าระบบสถาบันการเงินไทยยังสามารถเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อได้อีกมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่ระมัดระวังความเสี่ยงเหมือนกัน
คำถาม-คำตอบทั้ง 3 ข้อชวนให้เราทบทวนว่าสถาบันการเงินและการกำกับดูแลของไทยควร ‘กลัว’ ความเสี่ยงมากแค่ไหนจึงจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยมากที่สุด ข้อเท็จจริงบ่งชี้ว่าระบบสถาบันการเงินไทยซึ่งเป็นประเทศรายได้ปานกลางมีบรรทัดฐานในการดำเนินงานไม่แตกต่างจากประเทศรายได้สูงทั้งในแง่ของเป้าหมายและบริบทของระบบเศรษฐกิจการเงิน หากเปรียบบรรทัดฐานเป็น ‘รสนิยม’ จะเปรียบได้ว่า ‘รสนิยม’ จะต้องเหมาะสมกับ ‘รายได้’ หากไทยมีรายได้น้อย แต่กลับมีรสนิยมสูง ระบบสถาบันการเงินไทยอาจจะ ‘กลัว’ ความเสี่ยงมากเกินไปจนไม่กล้าให้สินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเพียงพอ ดังนั้น ‘การมีรายได้น้อย แต่มีรสนิยมสูง’ อาจกลายเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างสถาบันที่จำกัดการพัฒนาทางเศรษฐกิจของไทยในระยะยาว
ดังนั้นเราจึงไม่ควรถามว่าระบบสถาบันการเงินไทยจะระวังหรือหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอย่างไร แต่ควรถามว่าระบบสถาบันการเงินไทยจะ ‘เสี่ยงอย่างไร’ ให้ภาคเศรษฐกิจจริงเข้าถึงทรัพยากรทางการเงินมากขึ้น และสนับสนุนให้ภาคเศรษฐกิจจริงใช้ทรัพยากรทางการเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเชื่อมโยงกับ ‘กรอบ’ หรือ ‘กฎ’ ที่กำหนดรูปแบบในการดำเนินกิจการของสถาบันทางการเงินและความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันการเงินกับภาคเศรษฐกิจจริง โดยการตอบคำถามดังกล่าวจำเป็นต้องตอบจากมุมมองของเศรษฐศาสตร์เชิงสถาบันว่า ‘เงื่อนไขเชิงสถาบันแบบใด’ ที่เอื้อให้สถาบันการเงินสามารถสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อไปพร้อมกับการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
เราจะมาหาคำตอบร่วมกันในบทความต่อไปครับ
โดย สมประวิณ มันประเสริฐ
Source: The Standard Wealth

คลิก


Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
-----------------------------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman

Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

170225DGS 5208 FX Hanuman Media Buying Banners 843150 TH    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

121224 ebc forex logo 100x33EBC

FCA ,ASIC, CYAMAN 1000 : 1 1.1 pips - STD
0 pips - Pro
$50 0.01 lots View Profile
Visit Website
020125 eightcap 100x33eightcap  ASIC, FCA, SCB, CySec  500 : 1
1.0 Pips -STD
0.0 Pips - Raw
1.0 Pips - TradingView
$20   0.01 lots

View Profile

Visits website

 

180225 logo fpmarkets 100x33

Fpmarkets

ASIC, CySec  500 : 1

ECN 0.0 Pips
Standard 1.0 Pips

$100 0.01 lots

View Profile

Visits website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"