คาดการณ์เศรษฐกิจเมียนมาปี 64 หดตัว ส่งผลให้การค้าชายแดนไทย-เมียนมาหดตัวอีกเป็นปีที่ 5

จากเหตุการณ์กองทัพเข้ายึดอำนาจรัฐบาล อองซาน ซูจี เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเมียนมาและมหาอำนาจชาติตะวันตกกลับเข้าสู่สภาวะชะชักงัน และอาจนำไปสู่การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับประเทศเมียนมาอีกครั้ง เป็นที่ทราบกันดีว่า

ความสัมพันธ์ระหว่างเมียนมากับมหาอำนาจชาติตะวันตกมีพลวัตรในทางที่ดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สืบเนื่องมาจากการปฏิรูปการเมืองเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 2554 และประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อนางอองซาน ซูจี ชนะการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในช่วงปลายปี 2558 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง สหภาพยุโรปประกาศให้สิทธิพิเศษทางการค้า Everything But Arms (EBA) แก่เมียนมาในปี 2556 พร้อมทั้งสหรัฐ ฯ ก็ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับเมียนมาในปี 2559

ความสัมพันธ์ระหว่างเมียนมากับประเทศกับมหาอำนาจชาติตะวันตกที่มีพลวัตรที่ดีขึ้นเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจเมียนมาให้เติบโตได้ในระดับสูงตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยการลงทุนจากต่างประเทศเป็นปัจจัยผลักดันให้เกิดการส่งออก และเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจเมียนมาจากสังคมเกษตร เข้าสู่สังคมอุตสาหกรรม พร้อมทั้งก่อให้เกิดการจ้างงานและยกระดับกำลังซื้อของภาคประชาชนอย่างมหาศาล ดังนั้น การเข้ายึดอำนาจรัฐบาลของกองทัพเมียนมาในครั้งนี้ ย่อมก่อให้เกิดความชะงักงันในความสัมพันธ์กับมหาอำนาจชาติตะวันตก และอาจนำไปสู่การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ เช่น การเพิกถอนสิทธิพิเศษทางการค้าของสหภาพยุโรป และสหรัฐฯ ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อสภาวะการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจโดยรวมของเมียนมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในด้านการค้า นับตั้งแต่เมียนมาได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าจากสหภาพยุโรป การส่งออกของเมียนมาไปสหภาพยุโรปก็เติบโตมากกว่า 10 เท่าในช่วงเวลาเพียง 6 ปี โดยมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก 208 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2556 มาเป็น 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ในปี 2562 ส่วนการส่งออกของเมียนมาไปสหรัฐ ฯ ก็เติบโตขึ้น 5 เท่าภายใน 3 ปี โดยมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ในปี 2559 มาเป็น 829 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ในปี 2562
จากรูปที่ 1 จะเห็นได้ว่าสิทธิพิเศษทางการค้าทำให้สัดส่วนการส่งออกของเมียนมาไปยังสหภาพยุโรป (EU) และสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่ผ่านมา ปัจจุบัน มูลค่าการส่งออกในตลาด EU และสหรัฐ ฯ คิดเป็นสัดส่วน 23% ของมูลค่าการส่งออกรวมของเมียนมา ดังนั้น หาก EU และสหรัฐ ฯ พิจารณาเพิกถอนสิทธิพิเศษทางการค้า ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงกับการส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าสิ่งทอ และเครื่องแต่งกาย ที่จะถูก EU เรียกเก็บภาษีประมาณ 12% รวมทั้งผลิตภัณฑ์การเดินทางที่จะถูกสหรัฐ ฯ เรียกเก็บภาษีประมาณ 20% ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีสัดส่วนการส่งออกสูงถึง 1 ใน 3 ของมูลค่าการส่งออกโดยรวมของเมียนมา และที่สำคัญเมียนมาเพิ่งพาการส่งออกไปยังตลาด EU และสหรัฐ ฯ สูงถึง 60% ในสินค้ากลุ่มนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า หากสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้าจากสหภาพยุโรป และสหรัฐ ฯ มูลค่าการส่งออกของเมียนมาจะหดตัวลงประมาณ 10% ในปี 2564
ในด้านการลงทุน การเข้ายึดอำนาจของกองทัพเมียนมาไม่ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อการส่งออกเพียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศอีกด้วย
ในช่วงก่อนจะมีการปฏิรูปการเมืองในปี 2554 เมียนมาไม่สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้มากนัก มีเพียงนักลงทุนจากจีน และไทย ซึ่งเป็นนักลงทุนหลักที่มุ่งหวังทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของเมียนมา เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ แร่ทองแดง แร่เหล็ก และแร่รัตนชาติ นับตั้งแต่มีการปฏิรูปการเมือง ซึ่งทำให้ประเทศมหาอำนาจชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ประเทศต่าง ๆ หลายประเทศก็เข้ามาลงทุนในเมียนมามากขึ้น โดยนักลงทุนหน้าใหม่หลักๆ ที่เข้ามาลงทุนในเมียมา ได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์
ในขณะเดียวกัน การลงทุนจากจีนและไทยก็ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน สิ่งเหล่านี้ ล้วนชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของเมียนมาในการเปลี่ยนโครงสร้างการลงทุนให้มีผู้ลงทุนหลากหลายประเทศมากขึ้น พร้อมทั้งเปลี่ยนโครงสร้างการลงทุนจากที่เคยพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ มาเป็นการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมสิ่งทอ และเครื่องแต่งกาย เนื่องจากเมียนมามีข้อได้เปรียบจากค่าจ้างแรงงานที่ถูกที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเมื่อรวมกับสิทธิพิเศษทางการค้าแล้ว ย่อมสร้างความได้เปรียบให้กับนักธุรกิจในอุตสาหกรรมสิ่งทอที่เลือกมาลงทุนในเมียนมาอย่างชัดเจน นอกจากนี้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน นิคมอุตสาหกรรม และโรงงานไฟฟ้า เพื่องรองรับการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมก็เฟื่องฟูขึ้น ซึ่งการลงทุนเหล่านี้จะสามารถต่อยอดเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของเมียนมาได้ในระยะยาว
หลังจากกองทัพของเมียนมาเข้ายึดอำนาจรัฐบาล เหตุการณ์นี้ได้ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง และความเสี่ยงที่จะถูกถอดถอนสิทธิประโยชน์ทางการค้าจากทั้งสหภาพยุโรป และสหรัฐฯ ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเลือกที่จะชะลอหรือยุติการลงทุนในเมียนมา และทำให้เม็ดเงินลงทุนในภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มหดตัวลงในระยะยาว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมคิดเป็นสัดส่วน 22% จากการลงทุนของต่างชาติทั้งหมด ซึ่งการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ และตัดเย็บเสื้อผ้า
หากการส่งออสินค้ากลุ่มนี้ต้องถูกเรียกภาษีนำเข้าจาก EU อีกประมาณ 12% ความได้เปรียบด้านค่าจ้างแรงงานที่ถูกที่สุดในอาเซียน อาจไม่เพียงพอกับต้นทุนภาษีที่เพิ่มสูงขึ้น และทำให้ความสามารถในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมสิ่งทอ และตัดเย็บเสื้อผ้าได้รับผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลายลง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การเข้ายึดอำนาจของกองทัพเมียนมาจะส่งผลให้การลงทุนจากต่างประเทศในเมียนมาลดลง 30%-40% ในปี 2564
สำหรับในระยะยาว หากมีการเพิกถอนสิทธิพิเศษทางการค้าจากทั้ง EU และสหรัฐฯ แนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนจากประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมของเมียนมาเพื่อส่งออกไปยังสองตลาดนี้จะลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การลงทุนของจีนในเมียนมาจะมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงมณฑลยูนนานกับมหาสมุทรอินเดียที่ชายทะเลทางตะวันตกของเมียนมา แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้เป็นการลงทุนที่ไม่เน้นภาคอุตสาหกรรม จึงอาจไม่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมของเมียนมาได้มากนัก
ในด้านภาพรวมทางเศรษฐกิจเมียนมา การเข้ายึดอำนาจของกองทัพเมียนมาจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง และเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ตลอดจน ฐานะทางการเงินของภาครัฐ รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อการควบคุมการระบาดของโควิด เช่น ทำให้เกิดความล่าช้าในการแจกจ่ายวัคซีน ประกอบกับความเสี่ยงในการสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้าระหว่างเมียนมา กับ EU และสหรัฐ ฯ ที่อาจจะเกิดขึ้นและส่งผลเป็นวงกว้าง ครอบคลุมถึงการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม ที่มีการจ้างงานกว่า 1 ล้านตำแหน่งในอุตสาหกรรมสิ่งทอ และตัดเย็บเสื้อผ้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเมียนมาจะอยู่ในกรอบ (-)0.5% ถึง (-)2.5% ในปี 2564
สำหรับผลกระทบต่อประเทศไทย จะเกิดขึ้นผ่านทาง 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ การค้าชายแดน และ การเคลื่อนย้ายแรงงานเมียนมาเข้ามาในประเทศไทย
ในประเด็นการค้าชายแดนและผลกระทบต่อไทยคงต้องพิจารณาจากสถานการณ์เศรษฐกิจ การค้า การลงทุนที่จะมีผลต่อการซื้อสินค้าของไทยผ่านพรมแดนไทยกับเมียนมาที่เป็นช่องทางหลักในการส่งออกสินค้าไทยถึงถึงร้อยละ 75 ของการส่งออกทั้งหมดของไทยไปเมียนมา โดยภาพรวมการส่งออกชายแดนไทยไปเมียนมาในปี 2563 ที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อและการคุมเข้มการเข้าออกทั้งคนและสินค้าจากปัญหาโควิด-19 จึงฉุดให้การส่งออกทรุดตัวถึงร้อยละ (-)12.4 มีมูลค่าส่งออกต่ำกว่าแสนล้านบาทต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยมีมูลค่า 87,090 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี คงต้องเฝ้าติดตามการเปิด-ปิดด่านค้าขายแดน ดังเช่นการปิดด่านอย่างกระทันหันบริเวณพรมแดนด่านแม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันจันทร์ที่ 1 ก.พ. 64 แม้ว่าในขณะนี้จะเปิดให้บริการตามปกติแล้ว แต่ก็เป็นสัญญาณถึงความไม่แน่นอนที่อาจจะมีมาตรการในการตรวจคนและสินค้าข้ามแดนเพิ่มเติมจากมาตรการคุมเข้มเดิมที่ใช้รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน อันจะทำให้การส่งออกทางชายแดนในทุกช่องทางระหว่างไทยกับเมียนมาไม่ราบรื่น ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจของเมียนมาที่เปราะบางอยู่แล้วจากปัญหาโควิด-19 อีกทั้งยังต้องรับมือกับปมการการเมืองในประเทศ ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในด้านการค้าการลงทุนกับนานาชาติ ซึ่งในประเด็นนี้เอง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การส่งออกชายแดนไทยในปี 2564 แม้ในภาพรวมจะได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นช่วยพยุงการค้าไว้ได้ระดับหนึ่ง แต่ความเปราะบางทางเศรษฐกิจของเมียนมาจะยิ่งส่งผลอย่างมากทำให้การผลิตและการบริโภคในภาพรวมทรุดตัวลงกดดันให้สินค้าไทยที่ส่งผ่านชายแดนไปเมียนมาในปี 2564 จะยังหดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 (-) 0.5% มีมูลค่าการค้าลดลงเหลือราว 86,600 ล้านบาท โดยเมียนมายังต้องพึ่งพาไทยทางการเมียนมาจึงไม่น่าจะเพิ่มมาตรการคุมเข้มทางพรมแดนมากกว่าที่เป็นอยู่
ดังนั้นสินค้าไทยที่น่าจะยังทำตลาดได้ โดยเฉพาะกลุ่มของใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ เครื่องดื่มประเภทต่างๆ เครื่องสำอาง ขนมขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รวมถึงน้ำมันสำเร็จรูปน้ำมันสำเร็จรูป กระนั้นก็ดี ถ้าหากเศรษฐกิจและภาคการส่งออกของเมียนมายังประคองตัวเติบโตได้ในปีนี้ ก็น่าจะช่วยผลักดันให้การส่งออกชายแดนไทยไปเมียนมาในภาพรวมและในกลุ่มสินค้าขั้นกลางเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนการส่งออกให้เร่งตัวขึ้นมาเป็นบวกได้ที่ 1.0% มีมูลค่าการค้า 87,900 ล้านบาท แต่ถ้าหากเศรษฐกิจของเมียนมาไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้โดยเร็ว และมีการเพิ่มใช้มาตรการเข้มงวดบริเวณพรมแดนอย่างต่อเนื่องการส่งออกชายแดนไทยอาจหดตัวลึกลงไปอีกที่ราว (-)1.6% มีมูลค่าการค้า 85,700 ล้านบาท
ส่วนประเด็นการเคลื่อนย้ายแรงงานเมียนมาเข้ามาในประเทศไทย ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยที่เข้ามาอย่างถูกกฎหมายประมาณ 2.8 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานเมียนมา และในช่วงปีที่ผ่านมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ทำให้แรงงานเมียนมาเดินทางกลับประเทศไปไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน ซึ่งปัจจุบันเนื่องจากยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19อยู่ แรงงานเหล่านี้จึงยังไม่สามารถกลับมาทำงานที่ไทยได้ ประกอบกับ การเข้ายึดอำนาจของกองทัพเมียนมาทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางนโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายการเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างประเทศ เช่น ความเสี่ยงในการปิดด่าน หรือการใช้มาตรการตรวจเข้มพลเมืองที่เดินทางเข้าออกประเทศ ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะเป็นอุปสรรคต่อทั้งการรับแรงงานใหม่ และการรับแรงงานเมียนมาเดิมให้กลับเข้ามาทำงานที่ไทยอีกครั้งอย่างถูกกฎหมาย ความไม่แน่นอนเชิงนโยบายเหล่านี้จะส่งผลให้ประเทศไทยขาดแคลนแรงงานที่ถูกกฎหมายในภาคธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบัน ภาคธุรกิจที่แรงงานเมียนมาทำงานอยู่ส่วนใหญ่ ได้แก่ ธุรกิจเกษตรและปศุสัตว์ (25%) ธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหาร (17%) ธุรกิจก่อสร้าง (15%) ธุรกิจประมงและสินค้าประมงแปรรูป (10%)
Source: การเงินธนาคารออนไลน์

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
-----------------------------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman

Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

170225DGS 5208 FX Hanuman Media Buying Banners 843150 TH    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

121224 ebc forex logo 100x33EBC

FCA ,ASIC, CYAMAN 1000 : 1 1.1 pips - STD
0 pips - Pro
$50 0.01 lots View Profile
Visit Website
020125 eightcap 100x33eightcap  ASIC, FCA, SCB, CySec  500 : 1
1.0 Pips -STD
0.0 Pips - Raw
1.0 Pips - TradingView
$20   0.01 lots

View Profile

Visits website

 

180225 logo fpmarkets 100x33

Fpmarkets

ASIC, CySec  500 : 1

ECN 0.0 Pips
Standard 1.0 Pips

$100 0.01 lots

View Profile

Visits website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"