ปี 2020 นี้คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีทองของ Tesla บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดัง หลังจากที่ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วมากกว่า 400% ในปีนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2020) ซึ่งหากมองย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 Elon Musk เจ้าของ Tesla
พึ่งจะประกาศว่ามีแนวคิดที่จะนำหุ้น Tesla ออกจากการจดทะเบียนซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ Tesla กลายเป็นบริษัท Private Company แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึง 2 ปีเท่านั้น ราคาหุ้นกลับพุ่งทะยานขึ้น ส่งผลให้ Tesla กลายเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก และไม่เพียงเท่านั้นเมื่อดูจากผลประกอบการของบริษัท Tesla ก็มีกำไรติดต่อกันมาแล้ว 5 ไตรมาส โดยในไตรมาส 3 ของปีนี้บริษัทมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 331 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากการที่บริษัทมีกำไรหลายไตรมาสติดต่อกัน ทำให้ Tesla เข้าเงื่อนไขเบื้องต้นที่ S&P 500 ระบุว่า บริษัทที่จะถูกนำเข้าคำนวณรวมในดัชนีต้องมีกำไร 4 ไตรมาสติดต่อกัน แต่ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา Tesla กลับถูกปฏิเสธจากคณะกรรมการคัดเลือกหุ้นของดัชนี S&P 500 เพราะปัจจัยที่คณะกรรมการนำมาพิจารณานั้นไม่เพียงเป็นแค่ปัจจัยทางด้านปริมาณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยทางด้านคุณภาพด้วย แต่ Tesla ก็ใช้เวลารอไม่นานมากนัก
เมื่อสุดท้ายแล้วในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ดัชนี S&P 500 ก็ประกาศว่า จะนำหุ้น Tesla เข้าคำนวณรวมในดัชนีในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ ซึ่ง Tesla จะถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดที่เป็นน้องใหม่ในดัชนี S&P 500 โดยก่อนหน้านี้บริษัทน้องใหม่ในดัชนีที่มีมูลค่ามากที่สุดที่ถูกนำเข้าคำนวณรวม คือ Berkshire Hathaway (189.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เมื่อปี 2010
และยิ่งไปกว่านั้นคือ หลังจากที่ Tesla ถูกนำเข้าคำนวณรวมในดัชนี S&P 500 หากอ้างอิงจากข้อมูล ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2020 Tesla จะเป็น 1 ใน 10 บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในดัชนีอีกด้วย โดยจะอยู่ที่อันดับ 9 เป็นรองอันดับ 8 Walmart และอันดับ 7 Visa เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
โดยนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า การนำเอาหุ้นที่มีมูลค่าสูงมากๆ อย่าง Tesla เข้าคำนวณรวมในดัชนี อาจจะส่งผลให้ดัชนี S&P 500 เคลื่อนไหวขึ้นลงตามบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่แทบทั้งหมด หลังจากก่อนหน้านี้ 5 บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Apple, Microsoft, Amazon, Alphabet และ Facebook คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 26% ของดัชนี โดยหากเทียบกับช่วงเวลาเมื่อ 3 ปีก่อนที่อัตราส่วนของ 5 บริษัทอันดับแรกคิดเป็นเพียง 14% ของดัชนีเท่านั้น นั่นหมายความว่า บริษัทเทคโนโลยีจะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในดัชนี S&P 500 ซึ่งหลังจาก Tesla เข้ามาร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เดิมในดัชนี คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความเคลื่อนไหวของดัชนี S&P 500 จะยิ่งผูกติดกับบริษัทเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยดัชนี S&P 500 ก็ได้ประกาศว่า กำลังมีแนวคิดที่อาจจะแบ่งอัตราส่วนหุ้น Tesla เข้าคำนวณรวมในดัชนีเพียงแค่ครึ่งเดียวในครั้งแรก เนื่องด้วยมูลค่าหุ้น Tesla ที่สูงมาก อาจทำให้บรรดา Passive Fund หรือกองทุนประเภทที่ Track ตามดัชนีต้องบังคับให้ขายหุ้นบริษัทอื่น เพื่อมี Room พอที่จะซื้อหุ้น Tesla
ซึ่งการที่จะมีกองทุนประเภท Passive Fund หรือกองทุนประเภทที่ Track ตามดัชนีเข้าลงทุนในหุ้น Tesla นี่เองเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาหุ้น Tesla ปรับพุ่งขึ้นแรง หลังจากข่าวการเข้าคำนวณรวมในดัชนี S&P 500 นอกจากนี้อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้น Tesla ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง คือ นโยบายสิ่งแวดล้อมของนาย Joe Biden ผู้ชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ชูนโยบายจัดการกับสภาวะโลกร้อน ด้วยการกลับเข้าร่วมข้อตกลง Paris Agreement ซึ่งเป็นข้อตกลงที่นานาชาติตกลงร่วมกันในการจำกัดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ที่นาย Donald Trump ได้ประกาศนำสหรัฐ ฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงไปเมื่อปี 2017 รวมถึงนโยบายของนาย Joe Biden ยังเตรียมที่จะใช้งบประมาณกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งหนึ่งในงบประมาณที่ตั้งไว้จะใช้สำหรับการสร้างที่ชาร์จพลังงานให้กับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่าข่าวเหล่านี้เป็นผลดีกับ Tesla โดยตรง
แต่ไม่ว่าอนาคตของ Tesla จะดูสดใสมากแค่ไหน ก็ยังคงมีนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งที่ตั้งคำถามกับหุ้นของ Tesla ว่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปมากกว่านี้ได้หรือไม่ เพราะหากดูที่ Valuation ของหุ้น Tesla จะพบว่า มีอัตราส่วน P/E สูงถึงกว่า 900 เท่า และทะลุ 1,000 เท่าในบางช่วงเวลาด้วยซ้ำไป โดยในอนาคตหุ้น Tesla จะยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อหรือไม่
เวลาคงจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่สำหรับที่ผ่านมา หากดูจากผลตอบแทนของกองทุนที่ถือหุ้น Tesla อยู่ในมือต่างก็มีผลตอบแทนที่เพิ่มสูงมากขึ้นเป็นที่น่าพอใจ และบางทีก็คงจะต้องย้อนกลับไปว่าการวิเคราะห์หุ้น Tesla โดยใช้หลักการวิเคราะห์แบบเดิมจะยังสามารถใช้ได้หรือไม่ เพราะ Tesla ไม่เพียงแต่เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังถือเป็นบริษัทผลิตแบตเตอรี่และเจ้าของเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับที่คาดว่ากำลังจะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในอนาคต ซึ่งหากนักลงทุนท่านใดเชื่อมั่นในหุ้น Tesla วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือลงทุนในกองทุนของ บลจ.ในประเทศไทยที่มีการลงทุนในหุ้น Tesla นั่นเอง
Source: Business Today
เพิ่มเติม
- Musk to Tesla employees: 'Our stock will immediately get crushed like a souffle under a sledgehammer!' if we don't control costs
----------------------------------------------------------------------------------
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you