จับตาทิศทางเศรษฐกิจและการค้าทั่วโลก เมื่อผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่คือ “ โจ ไบเดน”

ค่อนข้างเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า โจ ไบเดน คว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐฯ คนที่ 46 และครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่กลับไม่สามารถครองเสียงข้างมากได้ในวุฒิสภา โดยจากข้อมูลล่าสุดในวันที่ 10 พ.ย. 2020 นายโจ ไบเดน

 

ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตมีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้ง ปธน. ในครั้งนี้ หลังเอาชนะได้ในรัฐสำคัญที่มีคะแนนไม่ทิ้งห่างกันมากนัก (Swing States) อย่างมิชิแกน วิสคอนซิน และเพนซิลวาเนีย ที่มีจำนวนที่นั่งจากคณะผู้แทนเลือกตั้ง (Electoral College) รวมถึง 46 ที่นั่ง จนทำให้คะแนนทิ้งห่างทรัมป์มากขึ้น และคาดว่าพรรคเดโมแครตจะสามารถกุมเสียงข้างมากไว้ได้ในการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) แต่เสียงจากวุฒิสภา (Senate) คาดว่ากลับเป็นฝ่ายพรรครีพับลิกันที่มีโอกาสครองเสียงข้างมาก ทั้งนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับเชิงบวก หลังไบเดนพลิกกลับมาเอาชนะได้ในรัฐชี้ชะตาสำคัญ เนื่องจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ไบเดนจะชนะการเลือกตั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับเชิงบวก ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดมีโอกาสเปิดรับความเสี่ยง (Risk-on) และเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
นัยต่อเศรษฐกิจและการค้าโลกจะเป็นอย่างไร?
- แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวได้ไม่เท่ากับกรณี Blue Wave Victory แต่คาดว่าจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จากผลการศึกษาของ Moody’s Analytics พบว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวได้มากที่สุดในกรณีที่พรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งทุกสนามหรือที่เรียกว่า Blue Wave Victory โดยเศรษฐกิจจะขยายตัวได้น้อยลง หากพรรคเดโมแครตชนะในการเลือกตั้ง ปธน. และครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่ไม่สามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา (รูปที่ 1) อย่างไรก็ดี การผลักดันนโยบายที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด นโยบายหลักของ (ว่าที่) ปธน. ไบเดน อาจถูกสกัดจากฝั่งวุฒิสภาที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมากอยู่ โดยมองว่า นโยบายหลักที่ต้องตราเป็นกฎหมาย เช่น นโยบายภาษีและการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานอาจถูกต่อรองจากวุฒิสภา ซึ่งจะทำให้นโยบายของไบเดนไม่สามารถดำเนินได้ทันทีตามที่ได้หาเสียงไว้ อย่างไรก็ตาม คาดว่า ว่าที่ ปธน. ไบเดน อาจใช้คำสั่ง ปธน.สหรัฐฯ หรือ Executive Order ในบางนโยบายที่จำเป็นเร่งด่วน
- บรรยากาศการค้าของสหรัฐฯ กับคู่ค้ามีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น ที่ผ่านมา การมุ่งเดินหน้าทำสงครามการค้ากับจีนของสหรัฐฯ มักเป็นไปเพื่อการตอบโต้ท่าทีของจีนโดยตรง ซึ่งมักไม่ได้ผ่านการเห็นชอบหรือการอนุมัติจากสภา แต่ยุทธศาสตร์ของไบเดนจะเป็นการทำสงครามทางอ้อมหรือเป็นการ “โอบล้อม” จีนผ่านความร่วมมือทางการค้ากับประเทศอื่นๆ เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองของสหรัฐฯ ในเวทีโลก ทำให้ในระยะข้างหน้า มองว่า ไบเดนซึ่งมีแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมจะนำสหรัฐฯ กลับเข้าแข่งขันทางการค้ากับชาติอื่นๆ ให้เป็นไปอย่างเท่าเทียม (Level-playing field) และอยู่ภายใต้กฎกติกา (Rule-based) มากขึ้นกว่าสมัยที่ทรัมป์เป็น ปธน. เช่น การกลับเข้าร่วมกับองค์การการค้าโลก (WTO) (หลังจากที่ทรัมป์ขู่จะถอนตัวจากสนธิสัญญา GPA ภายใต้การกำกับของ WTO หลังจากที่ WTO ตัดสินให้สหรัฐฯ มีความผิดฐานเก็บภาษีนำเข้าจากจีนและละเมิดกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศหลายข้อ รวมถึงช่องโหว่ทางกฎหมายที่ทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบทางการค้า)
นัยต่อการค้าของไทยนับจากนี้จะเป็นอย่างไร?
Benefits
- เราน่าจะเห็นยุทธศาสตร์การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าแบบพหุภาคี (Multilateral) รวมถึงให้ความสำคัญกับอาเซียนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน รวมไปถึงโอกาสที่สหรัฐฯ จะกลับมาทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ของไทยก็มีเพิ่มมากขึ้น ภายหลังจากที่ถูกตัดสิทธิไปถึงสองครั้งในสมัยของทรัมป์ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสสูงที่สหรัฐฯ จะกลับมาสานต่อความตกลง CPTPP อีกครั้ง (หรือ ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือเดิมคือข้อตกลง TPP) ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงการส่งออกสินค้าไปยังตลาดใหม่ที่ไทยยังไม่ได้มีข้อตกลงทางการค้าด้วย เช่น เม็กซิโกและแคนาดา เพราะเป็นแนวคิดหลักตั้งแต่สมัยที่โอบามาเป็น ปธน. และไบเดนเป็นรอง ปธน. ในการสร้างจุดยุทธศาสตร์การค้าในฝั่งเอเชียและเพิ่มแรงกดดันทางการค้ากับจีน โดยเฉพาะข้อตกลง RCEP (ความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่าง ASEAN 10 ประเทศกับคู่ภาคี) ที่มีจีนเป็นหัวหอกหลัก
- ความต้องการสินค้ากลุ่ม Commodity ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เช่น เหล็ก อลูมิเนียม คอนกรีต มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายไปกับการลงทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามที่ไบเดนได้หาเสียงไว้ เช่น ระบบขนส่งสาธารณะ รถไฟความเร็วสูง ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ฯลฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมก่อสร้างและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของไทย
- การสนับสนุนพลังงานสะอาด (Green Energy) ช่วยให้อุตสาหกรรมการผลิตพลังงานทางเลือกของไทยได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย โอกาสที่นักลงทุนทั่วโลกจะโฟกัสการลงทุนในกลุ่มของพลังงานทางเลือกมีมากขึ้น รวมถึงตัวเลือกในตลาดหุ้นไทยก็มีความน่าสนใจ สะท้อนจากหุ้นใน SET Index ของไทยที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงไฟฟ้า พลังงานสะอาด และธุรกิจที่สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนที่ปรับตัวพุ่งสูงขึ้นทันทีที่คะแนนของไบเดนพลิกกลับมาเอาชนะได้ในรัฐสำคัญ (เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2020)
Challenges
- การส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยอาจได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการส่งเสริมพลังงานสะอาด ทำให้มูลค่าตลาดรถยนต์ EV ทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะลดบทบาทตลาดรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน และแน่นอนว่าจะกระทบผู้ประกอบการไทยที่เป็น Supply Chain ที่สำคัญของโลกในการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์สันดาปภายใน นอกจากนี้ การห้ามการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในดินแดนของรัฐ และเป้าหมายในการลดการใช้พลังงานจากฟอสซิล เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ (Net zero emission) ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 จะยิ่งเป็นแรงกดดันให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตของไทย แม้ว่าจะช่วยให้มูลค่าการส่งออกเพิ่มสูงขึ้นในระยะสั้นก็ตาม
- ความตกลง CPTPP อาจเพิ่มอุปสรรคต่ออุตสาหกรรมเกษตรของไทย หากไทยมีความจำเป็นต้องเข้าร่วม CPTPP เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง “เวียดนาม” ก็จะเป็นการเปิดช่องให้ไทยต้องนำเข้าสินค้าจากประเทศสมาชิกมากขึ้น เช่น กากถั่วเหลือง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมไปถึงปุ๋ย สารเคมี และยาฆ่าแมลงที่หลายประเทศส่งออกเป็นสินค้าเกษตรหลัก นอกจากนี้ ยังมีข้อบัญญัติที่สมาชิกจำเป็นต้องเข้าร่วมในอนุสัญญาการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV 1991) ที่จะทำให้เกษตรกรไทยไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์พืชไว้ปลูกต่อได้ แต่กลับเปิดโอกาสให้ประเทศสมาชิกสามารถนำพันธุ์พืชไทยไปวิจัยและพัฒนา และสามารถจดสิทธิบัตรได้ (แม้ประเทศสมาชิกอย่างนิวซีแลนด์จะขอยืดเวลาการบังคับใช้เกณฑ์นี้ออกไป)
- การส่งออกสินค้าที่พึ่งพาแรงงานเข้มข้น (Labor-intensive) อาจเป็นที่จับตามากขึ้น เช่น อาหารทะเล โดยสหรัฐฯ พุ่งเป้าไปที่ประเด็นด้านสิทธิแรงงานในภาคประมงที่ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ซึ่งอาจเปิดทางไปสู่การใช้มาตรการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ แม้ไทยมีความพยายามแก้ไขเรื่องการค้ามนุษย์มาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถขยับจากกลุ่ม Tier 3 ปี 2014 หรือกลุ่มที่ไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำ มาเป็นกลุ่ม Tier 2 Watch list (กลุ่มที่ไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำ แต่กำลังใช้ความพยายามอย่างยิ่ง) แต่ถือว่ายังไม่มีความคืบหน้าให้เห็นชัดเจนนัก
- ความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกถูกลดทอนลงจากเงินบาทเทียบดอลลาร์ฯ ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หากไบเดนชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ อาจสร้างแรงกดดันต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากสหรัฐฯ กดดันค่าเงินดอลลาร์ฯ ให้มีแนวโน้มอ่อนค่า กระทบค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์ฯ ให้แข็งค่าขึ้นได้ เนื่องจาก 1) ตลาดคลายความกังวลจากความไม่แน่นอน สะท้อนจากตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับเชิงบวกภายหลังจากไบเดนพลิกกลับมาเอาชนะได้จนมีคะแนนทิ้งห่างทรัมป์ ซึ่งจะส่งผลให้ในระยะต่อไปตลาดมีโอกาสเปิดรับความเสี่ยง (Risk-on) และเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ นอกจากนี้ ยังทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มคงท่าทีการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน และลดโอกาสที่จะใช้นโยบายควบคุมอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ (Yield Curve Control) เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมในระยะยาว 2) แรงกดดันต่อผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น ผ่านการปรับเพิ่มอัตราภาษี เช่น การปรับขึ้นภาษีรายได้บุคคลธรรมดาที่มีรายได้สูงจาก 37% เป็น 39.6% และภาษีนิติบุคคลจาก 21% เป็น 28% รวมถึงกำหนด Minimum federal tax กับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีอย่างชัดเจน ทำให้บริษัทจดทะเบียนมีต้นทุนด้านภาษีเพิ่มสูงขึ้นและกระทบต่อผลกำไร ซึ่งอาจทำให้เม็ดเงินลงทุนไหลออกจากตลาดสหรัฐฯ เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่า
ตลาดการเงินมีโอกาสผันผวนสูงในระยะ 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ที่ผ่านมา คะแนนจาก Electoral Vote ระหว่างทั้งสองฝ่ายมักไม่ทิ้งห่างกันมากนัก (Vote Margin) โดยเฉพาะรัฐสำคัญที่มีคะแนนสูสี (Swing States) ประกอบกับสัดส่วนคนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า (Absentee Ballot) ในครั้งนี้ที่สูงเป็นประวัติการณ์ จึงเป็นการเปิดช่องว่างให้ผู้สมัครที่กำลังตกอยู่ที่นั่งลำบากเรียกร้องให้นับคะแนนเสียงอีกครั้งเป็นรายรัฐ (State-level) ซึ่งอาจกลายเป็นสิ่งที่ชี้ชะตาให้ผลการเลือกตั้งมีโอกาสพลิกโผก็เป็นได้ ดังเช่นที่เกิดในสมัยของฮิลลารีที่มีคะแนนมากกว่าเพียง 4% แต่กลับพ่ายแพ้ทรัมป์ไปในที่สุดในการเลือกตั้ง ปธน. สมัยนั้น ซึ่งอาจพลิกโผผลการเลือกตั้ง ปธน. ในครั้งนี้ก็เป็นได้
การส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ จะขยายตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับกรณีที่ทรัมป์เป็น ปธน. อีกสมัย 1.2% ในปี 2021 หากผลการเลือกตั้งเป็นไปตามคาด กล่าวคือ ไบเดนชนะการเลือกตั้ง ปธน. และพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่ครองเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มต่ำกว่าในกรณีที่พรรคเดโมแครตชนะเลือกตั้งทุกสนาม เนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจที่พรรคเดโมแครตวางไว้อาจไม่สามารถทำได้ตามแผนงานทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญและเร่งด่วนคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ผ่านคำสั่ง ปธน.สหรัฐฯ (Executive Order) และทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีกว่าในกรณีที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในสมัยที่ 2 หนุนการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ ให้ขยายตัวดีขึ้นตามไปด้วย โดยสินค้าที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดี ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภคที่จะมีแนวโน้มดีขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ สินค้าจำพวกเหล็ก อลูมิเนียม คอนกรีต มีแนวโน้มเร่งขึ้นตามการลงทุนขนาดใหญ่ นอกจากนั้น ท่าทีของไบเดนที่มีแนวโน้มผ่อนคลายกว่า และมีโอกาสที่สหรัฐฯ จะเข้าร่วมความร่วมมือทางการค้าในเวทีต่างๆ มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อมุมมองการค้าโลกและการส่งออกของไทยในภาพรวม
Krungthai COMPASS ปรับประมาณการส่งออกของไทยปี 2020 ว่าจะหดตัว 7.4% ก่อนจะพลิกกลับมาขยายตัว 4.0% ในปี 2021 แม้นโยบายเบื้องต้นของไบเดนจะมีส่วนหนุนเศรษฐกิจและภาพรวมการค้าโลก แต่อาจส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกสำคัญของไทยได้ในระยะข้างหน้า เนื่องจากสหรัฐฯ มีความพยายามที่จะดึง Supply Chain สำคัญของโลกออกจากจีน รวมถึงนโยบายที่มุ่งเน้น Green Economy อย่างการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยที่ส่วนใหญ่ยังเป็นการผลิตสำหรับรถยนต์สันดาปภายใน นอกจากนั้น การให้ความสำคัญกับสิทธิแรงงานที่อาจส่งผลต่อการส่งออกสินค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้น และการปรับเปลี่ยนการผลิตสอดคล้องกับแนวทางที่กำหนด อาจส่งผลให้ต้นทุนในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นได้
จับตายุทธศาสตร์การค้าของจีนภายใต้ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ โดยคาดว่ายุทธศาสตร์การค้าของจีนจะมีความผ่อนคลายมากขึ้นเช่นกัน สะท้อนจากรายงานข้อเสนอแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีฉบับที่ 14 เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2020 ที่ผ่านมา เพื่อบรรลุเป้าหมายในอีก 15 ปีข้างหน้าหรือปี 2035 โดยเฉพาะการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศที่เปิดกว้างมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านภาพรวมเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าเพิ่มรายได้ต่อหัวของประชากรทั้งในเขตเมืองและชนบทผ่านกลไกของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีในพื้นที่หลักๆ จนกลายเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของโลก และผลักดันให้จีนกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งอาจทำให้เราเห็นภาพของการดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศกลับเข้าจีนมากขึ้น เน้นให้ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน (Mutual Benefits) รวมไปถึงการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาสหรัฐฯ มากเกินไป
โดย มานะ นิมิตรวานิช และ พิมฉัตร เอกฉันท์ Krungthai COMPASS
Source: การเงินธนาคารออนไลน์

คลิก

--------------------------------------------------------------------
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

170225DGS 5208 FX Hanuman Media Buying Banners 843150 TH    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

121224 ebc forex logo 100x33EBC

FCA ,ASIC, CYAMAN 1000 : 1 1.1 pips - STD
0 pips - Pro
$50 0.01 lots View Profile
Visit Website
020125 eightcap 100x33eightcap  ASIC, FCA, SCB, CySec  500 : 1
1.0 Pips -STD
0.0 Pips - Raw
1.0 Pips - TradingView
$20   0.01 lots

View Profile

Visits website

 

180225 logo fpmarkets 100x33

Fpmarkets

ASIC, CySec  500 : 1

ECN 0.0 Pips
Standard 1.0 Pips

$100 0.01 lots

View Profile

Visits website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"