จีนขีดเส้นทางพัฒนาประเทศใหม่ ก้าวข้าม GDP มุ่งพัฒนาเทคโนโลยี แซงหน้าสหรัฐฯ

จีนเตรียมพิจารณาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ 5 ปีฉบับที่ 14 ที่สะท้อนวิสัยทัศน์ปี 2578 ในการประชุมใหญ่ครั้งที่ 5 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน(Communist Party of China :CPC) ชุดที่ 19 ที่เริ่มขึ้นในวันที่ 26-29 ตุลาคม 2563 ในกรุงปักกิ่ง

แผน 5 ปีฉบับที่ 14 จะกำหนดแนวทางการพัฒนาประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้าและสร้างผลที่กว้างไกลเกินกว่าปีสุดท้ายของแผน
จีนได้จัดทำแผนพัฒนา 5 ปีขึ้นทุกๆ 5 ปีนับตั้งแต่ปี 1953 เพื่อกำหนดเป้าหมายการเติบโตและกำหนดนโยบายการพัฒนา อันเป็นคุณลักษณะหลักของระบบการปกครองของจีน ที่ช่วยให้สามารถกำหนดยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมและก้าวหน้าต่อเนื่องมาเป็นระยะ เพราะไม่ว่าผู้กำหนดนโยบายจะมีความเห็นแตกต่างกัน ในประเด็นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่เฉพาะเจาะจง เมื่อแผน 5 ปีผ่านการตกลงแล้ว ก็จะดำเนินการตามนั้น ด้วยความซื่อสัตย์ ตามมาตรการที่ตรงเป้าหมายสำหรับการดำเนินการที่ระบุไว้ในแผนอย่างเข้มงวดและตามกลไกการกำกับดูแลที่กำหนดเพื่อให้แน่ใจว่าบรรลุผล
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในแผน 5 ปีฉบับที่ 13
ส่วนใหญ่กว่า 90% ของงานที่ระบุไว้ในแผน 5 ปีที่ผ่านมาทั้ง 3 แผนตั้งแต่ปี 2548 บรรลุเป้าหมาย ซึ่งสะท้อนว่า กระบวนการจัดทำแผนนั้นมีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพ แผนพัฒนาฯไม่เพียงคำนึงถึงภาพรวมที่แท้จริงและครบถ้วนของขั้นตอนการพัฒนาของประเทศในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังต้องมีความเข้าใจที่ชัดเจนว่าต้องทำอะไรและจะบรรลุผลได้อย่างไร อีกทั้งต้องให้น้ำหนักและคำนึงถึงประชาชนในทุกระดับ เพื่อให้ผลประโยชน์ของแต่ละกลุ่มมีความสมดุลด้วยความเด็ดขาดและการมองการณ์ไกล
แถลงการณ์ของที่ประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งมีประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน ซึ่งเป็นเลขาธิการทั่วไปของคณะกรรมการกลาง CPC และประธานคณะกรรมาธิการกลางกองทัพเป็นประธานในการประชุม ระบุว่า ในช่วงที่เผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบที่รุนแรงของการระบาดของไวรัสโควิด -19 จีนมีความก้าวหน้าอย่างมากในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งความเข้มแข็งของประเทศก็ได้รับการเสริมสร้างให้รอบด้าน ในช่วงแผน 5 ปี ฉบับที่ 13
รายงานที่นำส่งต่อการประชุมสมัยที่ 3 ของสภาประชาชนแห่งชาติชุดที่ 13 ระบุว่า เป้าหมายและภารกิจหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของปีประสบความสำเร็จ และมีความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายหลักที่ระบุไว้ในแผนพัฒนาฉบับที่ 13 (2016-2020) ตามความคาดหวัง
“ความสำเร็จทั้งหมดนี้เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างสังคมที่เจริญรุ่งเรืองในระดับปานกลางให้สำเร็จลุล่วงทุกประการ” รายงานระบุ
เป้าหมายและภารกิจของแผน 5 ปีฉบับที่ 14
ที่ประชุมคณะกรรมการกลาง CPC เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้พิจารณา รายงานผลการรับฟังความเห็นของสาธารณะต่อเกี่ยวกับการจัดทำแผน 5 ปีฉบับที่ 14 และเป้าหมายสำหรับปี 2578
จีนได้เรียกร้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกความคิดเห็นผ่านทางออนไลน์เกี่ยวกับการจัดทำแผน 5 ปีฉบับที่ 14 ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นประธานในการประชุมสัมมนาหลายงานเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะโดยตรงในด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำแผน 5 ปีฉบับที่ 14
“นี่คือแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนของประชาธิปไตยสังคมนิยมในประเทศ” รายงานระบุ
ในระหว่างการประชุม เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้มีการหยิบยกหลายประเด็นที่จะส่งเสริมการพัฒนาประเทศในช่วงแผน 5 ปีฉบับที่ 14 ทั้งการสนับสนุนความเป็นผู้นำโดยรวมของพรรค ให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก สร้างรูปแบบใหม่ของการพัฒนา และทำให้การปฏิรูปของจีนลึกมากข้นและเปิดกว้างมากกว่าเดิม
แผนพัฒนาฉบับที่ 14 จะเป็นช่วง 5 ปีแรกของการเดินทางครั้งใหม่ของจีนในการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่อย่างเต็มที่และก้าวไปสู่เป้าหมายของศตวรรษที่สอง ซึ่งต่อยอดจากความสำเร็จในการสร้างสังคมที่เจริญรุ่งเรืองในระดับปานกลางทุกด้านและการบรรลุเป้าหมายใน 100 ปีแรก
พรรคมิวนิสต์จีน ได้ตั้งเป้าหมายการสร้างสังคมที่เจริญรุ่งเรืองในระดับปานกลางในทุกด้านไว้ภายในสองศตวรรษหรือเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565 และสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ที่มั่งคั่ง เข้มแข็ง เป็นประชาธิปไตยมีความก้าวหน้าทางวัฒนธรรมและมีความสามัคคีภายในปี 2592
นอกจากนี้ได้มีการกล่าวถึง “วิสัยทัศน์ระยะยาว” 15 ปีพร้อมกับแผน 5 ปีฉบับที่ 14 ในปีนี้ โดยตั้งเป้าไว้ที่ปี 2578 เมื่อเป้าหมายการพัฒนาสังคมนิยมของประเทศให้ทันสมัยประสบความสำเร็จ
แผนพัฒนาที่ประชาชนมีส่วนร่วมออกความคิดเห็น
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประธานคณะกรรมาธิการการทหารกลางในปลายเดือนกันายนที่ผ่านมา ระหว่างการเป็นประธานในการประชุมซึ่งมีผู้แทนท้องถิ่นเข้าร่วมเพื่อขอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะสำหรับแผน 5 ปี ครั้งที่ 14 ในฉางชาเมืองหลวงของมณฑลหูหนาน กล่าวย้ำ ถึงความสำคัญในการผสมผสานความเห็นจากระดับบนและจากประชาชนทั่วไปไว้ในการจัดทำแผน 5 ปีครั้งที่ 14
“การตอบสนองความต้องการของผู้คนที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขคือภารกิจของเรา” ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าว
เป็นที่สังเกตว่าแผน 5 ปีครั้งที่ 14 นี้เกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างรอบด้านและมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับชีวิตของชาวจีน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง สนับสนุนให้ผู้คนจากทุกภาคส่วนของสังคมให้คำแนะนำความคิดเห็นแก่แผน 5 ปีครั้งที่ 14 สำหรับการพัฒนาใน 5 ปีข้างหน้า
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวว่าการจัดทำแผน 5 ปีครั้งที่ 14 ควรตอบสนองความต้องการของประชาชนและเข้าใจความคิดและความคาดหวังของผู้คนด้วย
ในระหว่างการประชุมผู้แทนระดับล่าง 10 คนได้เสนอข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการศึกษาในชนบท การบรรเทาความยากจนผ่านการสนับสนุนทางอุตสาหกรรม และการพัฒนาธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อมรวมถึงด้านอื่นๆ
ความคิดของผู้แทนกลุ่มนี้พวกเขาสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงของคนระดับรากหญ้า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาอย่างรอบคอบและรับฟังข้อเสนอแนะอย่างเต็มที่
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวว่า การพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย จึงเรียกร้องให้มีความพยายามมากขึ้นในการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ และเร่งพัฒนารูปแบบการพัฒนาใหม่ๆที่ “ยึดตลาดในประเทศเป็นแกนนำ ขณะที่ให้ตลาดภายในและภายนอกส่งเสริมซึ่งกันและกัน”
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวอีกว่า การจัดทำแผน 5 ปีครั้งที่ 14 ควรมีความพยายามมากขึ้นในการปรับปรุงจุดอ่อนในการเชื่อมโยงการดำรงชีวิตของผู้คนขณะที่มุ่งมั่นเพื่อการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง โดยขอให้มีมาตรการที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นเพื่อดำเนินการในด้านที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงการรวมระบบการกำกับดูแลในระดับประถมศึกษา การรวมกลุ่มและชี้นำประชาชนให้มีความกระตือรือร้น ริเริ่มและสร้างสรรค์ในการสร้างชีวิตที่ดีขึ้น
แผน 5 ปีสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 14 จะเริ่มใช้ในปี 2564 ในระหว่างการจัดทำแผนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐและประชาชนตลอดจนผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ
แผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 14 มีอะไรบ้าง
หวัง เตา หัวหน้าเศรษฐกรจาก ยูบีเอส อินเวสเม้นท์ แบงก์ วิเคราะห์ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนน่าจับตามองในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ปีฉบับที่ 14
แผน พัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ปีฉบับที่ 14 กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของการประชุมใหญ่ครั้งที่ 5 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ครั้งที่ 19 ซึ่งเริ่มขึ้นในวันนี้(26 ตุลาคม 2563) ไปจนถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2563 จะเป็นการทบทวนและอนุมัติร่างแผน 5 ปีฉบับที่ 14 (2564-2568) โดยแผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 14 ที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว จะนำเสนอต่อสภาประชาชนแห่งชาติในการประชุมเดือนมีนาคม 2564
แผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 13 วางรากฐานสำหรับการเริ่มต้นใหม่
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาและการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของจีนและทำให้การบรรลุเป้าหมายแผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 13 เป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ตามวัตถุประสงค์ส่วนใหญ่รวมถึงเป้าหมายด้านการขยายตัวของเมืองและสิ่งแวดล้อมน่าจะประสบความสำเร็จได้ในปลายปี 2563 ยกเว้นการเติบโตของ GDP และการเติบโตของรายได้ครัวเรือน
แม้จะมีการเติบโตน้อยลงในปีนี้เนื่องจากการระบาดของไวรัส -19 แต่ GDP ต่อหัวของจีนมีแนวโน้มสูงถึง 10,400 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 เทียบกับ 8,000 ดอลลาร์เมื่อ 5 ปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้นประชากรชนชั้นกลางของจีนมีจำนวนมากกว่า 400 ล้านคนแล้ว (ประชากรที่มีรายได้ครัวเรือนต่อปีระหว่าง 100,000-500,000 หยวนตามเกณฑ์ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ) และความยากจน (โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท) ลดลงอย่างมาก
แผน 5 ปีฉบับที่ 13 ยังได้มีการดำเนินการปฏิรูปด้านอุปทานซึ่งช่วยลดการใช้กำลังการผลิตที่มากเกินไปในภาคอุตสาหกรรม และลดการใช้มาตรการซึ่งนำไปสู่กฎระเบียบด้านสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น การจัดการกับสินเชื่อด้อยคุณภาพเร็วขึ้น และการรักษาเสถียรภาพของอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP แม้จะมีแนวโน้มที่จะถูกกดดันจากการระบาดของไวรัสโควิด -19 ปีนี้และการกระตุ้นสินเชื่อ
เมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว จีนกำลังเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น โดยเฉพาะจากภายนอก การระบาดใหญ่นำไปสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจทั่วโลก ส่งผลให้ขีดความสามารถของนโยบายมหภาคลดลงในเกือบทุกประเทศและแรงต้านโลกาภิวัตน์กระจายวงมากขึ้น
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ – จีนทวีความรุนแรงขึ้นในทุกด้าน หลังจากสงครามการค้าทวิภาคีที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2561 และการระบาดของไวรัสโควิด -19 ในปีนี้นำไปสู่การเพิ่มความเข้มงวดด้านเทคโนโลยีต่อจีนจากสหรัฐฯและเพิ่มแรงกดดันในการตัดความสัมพันธ์ระหว่างกัน
จากแรงกดดันทั้งสองด้านนี้ จึงมีแนวโน้มที่การปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานจะเร่งตัวขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่สถานการณ์ภายในประเทศของจีนเอง จำนวนประชากรสูงวัย ปัญหาคอขวดด้านเทคโนโลยีและประสิทธิภาพต่ำในบางพื้นที่ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเติบโตในระยะยาวของจีน
ยูบีเอส อินเวสเม้นท์ แบงก์ประเมินว่า ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีที่เข้มงวดขึ้นจากสหรัฐฯ จะมีผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจตามศักยภาพของจีนในอีก 10 ปีข้างหน้าราว 0.05 จุดต่อปี แม้จีนจะยังคงเป็นแรงหลักการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน
ประเด็นสำคัญของเศรษฐกิจในภาพรวม
การเติบโตของ GDP ที่ช้าลง เน้นการปรับสมดุลและคุณภาพของการเติบโตมากขึ้น
เมื่อเทียบกับเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่มากกว่า 6.5% ที่กำหนดไว้ในแผนฉบับที่ 13 คาดว่ารัฐบาลจะไม่กำหนดเป้าหมายการเติบโตที่ชัดเจน หรือกำหนดเป้าหมายการเติบโตที่ต่ำและยืดหยุ่นกว่า (เช่นประมาณ 5%)
แม้จะมีการฟื้นตัวมาที่ 7.6% ในปี 2564 แต่คาดว่าจีนจะเติบโตของเฉลี่ยเพียง 5% ในอีก 5 ปีข้างหน้า เพราะประชากรสูงอายุ อัตราการออมที่ลดลง การเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทาน และข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีที่เข้มงวดขึ้นจะส่งผลต่อศักยภาพการเติบโตของประเทศ
ยูบีเอส อินเวสเม้นท์ แบงก์คาดว่า แผนพัฒนาฉบับที่ 14 จะเน้นย้ำถึงการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในประเทศและปรับปรุงคุณภาพของการเติบโต ตามแนวคิดยุทธศาสตร์สองวงจร หรือวงจรคู่ ที่ประกาศเมื่อเร็วๆนี้
นั่นหมายความว่า แผนพัฒนาฉบับที่ 14 มีแนวโน้มที่จะตั้งเป้าหมายสำหรับการขยายตัวของเมืองไว้สูง (ทะเบียนบ้านน่าจะเพิ่มขึ้นอีก 5 จุด) การเติบโตของการจ้างงานในเมืองใหม่ (อาจเพิ่มขึ้นอีก 50 ล้านคนในปี 2564-2568) การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนภาคการบริโภคและบริการ การปรับปรุงระบบสวัสดิการสังคมและการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาและการวิจัยและพัฒนา
ยุทธศาสตร์วงจรคู่ เน้นไปที่การเพิ่มความต้องการภายในประเทศ
ในแง่ของความท้าทายจากสภาพแวดล้อมภายนอกและศักยภาพการเติบโตที่ลดลง แผน 5 ปีฉบับใหม่มีแนวโน้มที่จะเป็นไปตามยุทธศาสตร์ “วงจรคู่”(dual circulation) โดยเน้นที่ “การหมุนเวียนภายในประเทศ” เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาในอีก 5 ปีข้างหน้า
ยุทธศาสตร์วงจรคู่นี้ เพิ่มความเร่งด่วนให้กับนโยบายของรัฐบาลที่มีอยู่หลายข้อ ในการเพิ่มความต้องการภายในประเทศในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า รวมถึงการส่งเสริมความเป็นเมือง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง มาตรการเพื่อสนับสนุนการจ้างงาน SME และปรับปรุงระบบสวัสดิการสังคมและการบริโภค
นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างที่ลึกมากขึ้น หรือการปฏิรูปด้านอุปทาน เพื่อช่วยปรับรูปแบบการจัดหาสินค้าและบริการภายในประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศ รวมทั้งเพิ่มผลผลิตและความยั่งยืน แต่ไม่ได้หมายความว่าจีนจะปิดประตูใส่โลก เพราะมีแนวโน้มที่จะเปิดกว้างต่อไป แม้จะมีความท้าทายภายนอกเพิ่มขึ้นก็ตาม
การปฏิรูปในระบบทะเบียนบ้าน ที่ดิน พื้นที่รัฐวิสาหกิจ เพื่อปลดปล่อยศักยภาพในการเติบโต
หลังจากที่อัตราส่วนการขยายตัวของเมืองวัดจากทะเบียนบ้าน(hukou) เพิ่มขึ้น 5 จุด เป็น 45% ในปี 2020 ยูบีเอส อินเวสเม้นท์คาดว่ารัฐบาลจะตั้งเป้าหมายสูงขึ้นอีกเป็น 50% ภายในปี 2568 ซึ่งบ่งชี้ว่ามีผู้อยู่อาศัยในเมืองตามทะเบียนบ้าน เพิ่มขึ้นกว่า 80 ล้านคนในช่วงปี 2564-2568
ทั้งนี้ต้องมีการผ่อนคลายข้อจำกัดของระบบทะเบียนบ้านมากขึ้นในเมืองใหญ่ และการเข้าถึงบริการสาธารณะที่เท่าเทียมกันซึ่งจะช่วยเพิ่มการเคลื่อน ย้ายแรงงาน สนับสนุนการบริโภคในเมือง และผลิตภาพเพิ่มสูงขึ้น (จากภาคที่มีประสิทธิภาพต่ำไปถึงสูง)
ในขณะเดียวกันมีการปฏิรูปที่ดินอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ที่ดินในชนบทเข้าสู่ตลาดโดยตรงมากขึ้น และเร่งการพัฒนาตลาดแลกเปลี่ยนที่ดิน สามารถปล่อยปริมาณที่ดินได้มากขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลงและปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดสรรของตลาดที่ดิน ทั้งระบบทะเบียนบ้าน และการปฏิรูปที่ดินจะช่วยสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้บ้าง
นอกจากนี้จีนกำลังดำเนินแผนปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ระยะ 3 ปี (2563-2565) ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปการเป็นเจ้าของแบบผสมผสานมากขึ้น การถอน ทุนของรัฐออกจากภาคการแข่งขัน และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น การปฏิรูปเหล่านี้สามารถช่วยยกระดับการแข่งขันสำหรับองค์กรเอกชนและต่างชาติให้เท่าเทียมกัน ตลอดจนปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันของรัฐวิสาหกิจ
เปิดกว้างเพื่อรับมือกับความยากลำบาก
ยูบีเอส อินเวสเม้นท์แบงก์ เชื่อมั่นว่า ด้วยยุทธศาสตร์สองวงจร จีนจะผลักดันการเปิดกว้างขึ้นตามแผนพัฒนา 5 ปีต่อไปมากกว่าที่จะแสวงหาความโดดเดี่ยว
จีนได้เร่งการเปิดกว้างมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงการออกกฎหมายการลงทุนจากต่างประเทศฉบับใหม่เพื่อทำให้การแข่งขันนักลงทุนต่างชาติมีความเท่าเทียมกัน ด้วยโครงการ ” negative list ” การยกเลิกข้อจำกัดการถือครองหุ้นของต่างชาติในสถาบันการเงิน ยกเลิกโควต้าการลงทุนทั้ง QFII (Qualified Foreign Institutional Investor) และ RQFII (Renminbi Qualified Foreign Institutional Investor I) รวมทั้งได้เปิดใช้โครงการเชื่อมต่อหุ้นและพันธบัตร
มองไปข้างหน้าคาดว่า จีนจะเปิดตลาดในประเทศสำหรับนักลงทุนต่างชาติในเกือบทุกภาคธุรกิจ ลดรายชื่อใน negative list ลงอย่างมาก และลดภาษีนำเข้าและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีในอีก 5 ปีข้างหน้า มาตรการเหล่านี้พร้อมกับตลาดที่ใหญ่และเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม น่าจะช่วยดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และกระแสการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าหลังจากที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเร็ว ๆ นี้
การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนและกำลังซื้อผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
ในบริบทของ “วงจรในประเทศ” นักลงทุนอาจมีโอกาสในการผลักดัน ให้เกิดความเป็นเมืองใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพัฒนาพื้นที่มหานครและกลุ่มเมือง และการผ่อนคลายข้อจำกัดของระบบทะเบียนบ้านเพิ่มเติม
ในด้านการพัฒนาเมืองใหม่ จีนมีแนวโน้มที่จะลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง แม้ชะลอตัวลงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการคมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะในเมือง และการก่อสร้างในภูมิภาคที่ด้อยพัฒนา
ด้านทะเบียนบ้าน การปฏิรูประบบ hukou และการขยายตัวของเมืองที่มาจากคน บ่งชี้ถึงการลงทุนใหม่ในบริการสาธารณะและสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริโภคในเมืองมากขึ้น จีนมีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นผู้นำในการขยายตัวของการบริโภคทั่วโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยมีชนชั้นกลางที่กำลังขยายตัว เนื่องจากการบริโภครวมของจีนคาดว่าจะสูงถึง 12 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2568 ซึ่งมากกว่าปี 2563 เกือบ 4 ล้านล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกันการยกระดับการบริโภคของจีนมีแนวโน้มที่จะไปสู่การให้บริการมากขึ้น คุณภาพที่ดีขึ้น การใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมากขึ้น การสร้างเสริมประสบการณ์กับการพัฒนาตนเองมากขึ้น และการช็อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น
เทคโนโลยีและนวัตกรรมสำคัญอันดับต้นๆ
จีนมีแนวโน้มที่จะกำหนดเป้าหมายสัดส่วนการวิจัยและพัฒนาต่อ GDP จาก 2.5% ในปี 2563 (350-400 พันล้านดอลลาร์) เป็นประมาณ 3% ในปี 2568 (600-650 พันล้านดอลลาร์) และเพิ่มการใช้จ่ายด้านการศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพ เมื่อประเมินจากแรงกดดันที่อาจจะต้องตัดสัมพันธ์กับสหรัฐฯและข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีที่เข้มงวดจากสหรัฐฯ จีนอาจจัดสรรทรัพยากรเพิ่มเติมเพื่อการวิจัยพื้นฐาน การวิจัยขั้นแนวหน้าและพื้แก้ปัญหาคอขวดเทคโนโลยี (เช่น ชิปและเซมิคอนดักเตอร์ ซอฟต์แวร์ เครื่องจักรที่มีความแม่นยำ สารเคมีชั้นดี หุ่นยนต์ขั้นสูง วัสดุใหม่ การบินและอวกาศและเทคโนโลยีการบิน) ปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ได้ดียิ่งขึ้น และเสนอสิ่งจูงใจทางการตลาดให้กับนักวิจัยมากขึ้น
นอกจากนี้บุคคลากรที่มีความสามารถของจีน (ผู้สำเร็จการศึกษาระดับวิทยาลัยประมาณ 8 ล้านคนต่อปีซึ่งกว่า 4 ล้านคนมีการศึกษาสาขา STEM) ขนาดตลาดที่ใหญ่ และสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่ผ่อนคลายจะช่วยหนุนความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและเร่งการประยุกต์ใช้ผลการวิจัยและพัฒนา
ปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล
ยูบีเอส อินเวสเมนท์แบงก์ คาดว่า รัฐบาลจะสนับสนุนการปรับเปลี่ยนให้เป็นดิจิทัลและมีผลที่เกี่ยวข้องในแผนพัฒนาฉบับใหม่การระบาดของไวรัสโคสิด-19 ได้เร่งให้เป็นดิจิทัลเร็วขึ้น ทั้งนี้คาดว่ายอดขายออนไลน์ของจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 21% ในปี 2562 และ 25% จากต้นปีในปี 2563 ขณะที่การจัดหาบริการอื่น ๆ ทางออนไลน์รวมถึงการทำงานทางไกล การศึกษา การดูแลสุขภาพ และบริการทางการเงินจะเติบโตอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งยังคาดว่ารัฐบาลจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ บริษัทจีนในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจด้วยบริการดิจิทัลมากขึ้น เช่น การค้าปลีกอัจฉริยะ และการผลิตอัจฉริยะ โดยจัดให้มี “โครงสร้างพื้นฐานใหม่” รวมถึงศูนย์ข้อมูล, เครือข่าย 5G, ระบบ AI, อินเทอร์เน็ตออฟธิง (IoT) เป็นต้น แม้การลงทุนประจำปีของ “โครงสร้างพื้นฐานใหม่” ที่กำหนดไว้อย่างเป็นทางการจะยังคงมีน้อยในขณะนี้ (ประมาณ 1 ล้านล้านหยวนหรือคิดเป็น 5% ของ โครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด) และคาดว่าแผนฉบับที่ 14 จะเพิ่มการลงทุนที่เกี่ยวข้องเร็วกว่า “โครงสร้างพื้นฐานแบบเดิม” ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ปกป้องสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจสีเขียว
จีนน่าจะสามารถบรรลุข้อผูกพันส่วนใหญ่ในแผน 5 ปีฉบับที่ 13 ได้สำเร็จ ด้วยความทะเยอทะยานในระยะยาวในการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว จึงคาดว่าจีนจะกำหนดมาตรฐานการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการปล่อยมลพิษที่สูงขึ้นในแผนพัฒนาฉบับใหม่ ที่ครอบคลุมการใช้พลังงานที่ไม่ใช่ฟอสซิลในสัดส่วน 18% ต่อการใช้พลังงานทั้งหมด (เทียบกับ 15.3% ใน 2562 และเป้าหมาย 15% ตั้งไว้ในปี 2563) การลดการใช้พลังงานต่อหน่วยของ GDP และการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ตลอดจนกำหนดให้สัดส่วนของวันที่คุณภาพอากาศดีสูงขึ้นด้วย
ความต้องการอุปกรณ์บริการและการลงทุนที่เกี่ยวข้องมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราที่รวดเร็วขึ้น ในช่วงปี 2559-2562 การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีน (FAI) ของจีนในส่วนที่ปกป้องสิ่งแวดล้อมมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงกว่า 36% เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เราคาดว่า ขนาดการลงทุนของ FAI จะเพิ่มเป็นสองเท่าจากปี 2019 เป็นมากกว่า 1.5 ล้านล้านหยวนภายในปี 2568
ให้ความสำคัญกับการควบคุมความเสี่ยง
จีนอาจไม่ได้ร่างแผนอย่างชัดเจนในการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเงินไว้ในแผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 14 เช่นเดียวกับแผน 5 ปีฉบับก่อนหน้านี้ แต่ยูบีเอส อินเวสเม้นท์ แบงก์ประเมินว่ารัฐบาลได้พิจารณาแล้วในการจัดทำแผนว่ามีแนวโน้มที่จะควบคุมความเสี่ยงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดภาระหนี้ ควบคุมภาวะฟองสบู่ของอสังหาริมทรัพย์ และเสถียรภาพทางสังคม ที่น่าจะเป็นประเด็นสำคัญสำหรับการควบคุมความเสี่ยง
การลดภาระหนี้ คาดว่าหนี้ของภาคที่ไม่ใช่สถาบันการเงินต่อGDP ของจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ราว 25 จุด เป็นเกือบ 300% ของ GDP ในปี 2563 เนื่องจากการกระตุ้นสินเชื่อและการขยายตัวของ GDP ในปีนี้ก่อนที่จะมีเสถียรภาพในปี 2564
แม้จะประเมินว่าจีนจะไม่เผชิญกับความเสี่ยงด้านหนี้ทั้งระบบ เป็นผลจากปัจจัยพิเศษหลายข้อ แต่การใช้ประโยชน์จากหนี้ในระดับมหภาคของจีนนั้นสูงเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหนี้ในภาคธุรกิจ และคาดว่าจีนอาจเพิ่มความพยายามอีกครั้งหลังปี 2564 เพื่อชะลอการเพิ่มขึ้นของหนี้โดยรวมและผลักดันการลดหนี้ในบางภาค โดยธุรกิจที่มีหนี้สูงและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
การควบคุมภาวะฟองสบู่ กิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังการระบาดของโควิด-19 พร้อมกับราคาที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จีนได้เรียนรู้บทเรียนอันขมขื่นจากการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ก่อนหน้านี้และต้องปรับนโยบายด้านอสังหาริมทรัพย์ให้เข้มงวดขึ้นในเร็วๆนี้ สะท้อนว่า จีนไม่สามารถปล่อยให้อสังหาริมทรัพย์ตกต่ำลงได้ เนื่องจากมีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจ
ทั้งนี้คาดว่า นโยบายอสังหาริมทรัพย์จะคงแยกตามประเภทและระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเติบโตเกินไปหรือโอเวอร์ฮีท หรือตกต่ำรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่กิจกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์อาจค่อยๆลดลง เพราะปัจจัยพื้นฐานด้านอุปสงค์และอุปทานของอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เอื้ออำนวย
ความมั่นคงทางสังคม แนวโน้มประชาสูงวัยจะเร่งตัวขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยส่วนแบ่งของกลุ่มผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) เพิ่มขึ้นจาก 12% ในปี 2563 เป็น 14% ในปี 2568 และ 17% ในปี 2573 เมื่อเทียบกับเพียง 8-9 % ในช่วงปี 2553-2558 การใช้จ่ายของจีนในการดูแลผู้สูงอายุและภาระประกันสังคมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากซึ่งต้องมีการปฏิรูประบบบำนาญต่อไป รวมถึงการโอนหุ้นรัฐวิสาห กิจ ไปยังกองทุนประกันสังคมมากขึ้น
ความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ในภูมิภาคและในชนบท กับในเมืองได้เพิ่มแรงกดดันต่อเสถียรภาพทางสังคมและรัฐบาลอาจปรับปรุงระบบสวัสดิการสังคมต่อเนื่อง และเพิ่มการโอนงบประมาณเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีขั้นสูงรับมือสหรัฐฯ
จีนให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ระยะยาวกับสหรัฐฯ
ก่อนการประชุมครั้งสำคัญที่จะกำหนดเส้นทางการพัฒนาของจีนในอีก 5 ปีข้างหน้าจะสิ้นสุดลง นักเศรษฐศาสตร์ของจีนคาดการณ์ว่า ผู้กำหนดนโยบายของประเทศจะลดเป้าหมายการเติบโตของ GDP ของประเทศในแผนพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ โดยคงเป้าหมายไว้ที่ระดับที่ต่ำที่ประมาณ 5% หรืออาจจะยกเลิกการกำหนดเป้าหมายแบบเจาะจงไปเลย เนื่องจากประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกนี้พร้อมที่จะหันหลังให้กับการเติบโตที่เน้นปริมาณและมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพเชิงโครงสร้างและคุณภาพเพื่อเผชิญกับสิ่งที่อาจเป็น “ปีที่ยากที่สุด” รออยู่ข้างหน้า
เป้าหมายการเติบโตของ GDP เป็นจุดเด่นของแผนพัฒนามาตลอด
สำหรับแผน 5 ปีฉบับที่ 13 ซึ่งจะสิ้นสุดในปีนี้ จีนตั้งเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอย่างน้อย 6.5% ส่วนเป้าหมายแผน 5 ปีฉบับที่ 12 (2554-15) คือ 7%
“จีนจะลดเป้าหมายการเติบโตของ GDP ในครั้งนี้อย่างแน่นอน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของการพัฒนาของจีน และสภาพแวดล้อมภายนอกที่ซับซ้อน นอกจากนี้ยังมีเหตุผลที่จะตั้งเป้าหมายที่ต่ำลง เนื่องจากจีนได้เปลี่ยนไปสู่รูปแบบการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและการลงทุน” เหลียน ผิง หัวหน้าสถาบันวิจัยการลงทุนจื่อซิน( Zhixin) ให้ความเห็น
“เป้าหมายการเติบโต 4.5% มีความเป็นไปได้สูง” หู ฉีมู่ นักวิจัยอาวุโสของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจซิโนสตีล อิโคโนมิก (Sinosteel Economic Research Institute) คาดการณ์
“อีกทั้งมีแนวโน้มว่าจีนจะไม่ยึดเป้าหมายการเติบโตของ GDP เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในแนวคิดของผู้กำหนดนโยบาย ซึ่งการเติบโตอย่างรวด เร็วไม่ได้หมายถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนอีกต่อไป” หวัง อี้เว่ยศาสตราจารย์ของ สถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยเหรินหมินของจีน(School of International Relations of Renmin University of China )ให้ความเห็น
“จีนไม่ได้ตั้งเป้าหมาย GDP ในปีนี้ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปักกิ่งอาจละทิ้งสิ่งที่เรียกว่า ‘กำไรสูงสุด’ 6% สิ่งที่ปักกิ่งกำลังดำเนินการ คือ การเพิ่มขีดความสามารถหลักในการแข่งขัน และสร้างงานเพิ่มขึ้น ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่ยาวนาน”“หวัง อี้เว่ยอธิบาย
ในเดือนพฤษภาคมจีนยกเลิกเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นตัวเลขในปี 2020 เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษท่ามกลางวิกฤตการณ์โคโรนาไวรัส
จนถึงขณะนี้จีนได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถฝ่าฟันความยากลำบาก(headwinds )ได้ ในไตรมาสที่สองเศรษฐกิจของจีนขยายตัว 3.2% สวนทางกับการหดตัว 6.8% ในไตรมาสแรก นอกจากนี้ยังเป็นสัญญาณของความยืดหยุ่นที่ฝังรากลึกในเศรษฐกิจของจีนท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่หยุดนิ่ง จากการระบาดของโคโรนาไวรัสที่ทำให้เศรษฐกิจหลัก ๆ ส่วนใหญ่ชะงักงัน
ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าจีนจะเติบโตได้ถึง 2% ในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐ การส่งออกที่แข็งแกร่ง และจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ลดลงตั้งแต่เดือนมีนาคม ส่วนภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกคาดว่าจะหดตัว 3.5%
“หากสามารถสกัดการแพร่ระบาดทั่วโลกได้ในเร็วๆนี้ เรามีเหตุผลทุกประการที่จะเชื่อว่า GDP ของจีนสามารถเติบโตได้ประมาณ 8-10% ในปี 2564” เหลียน ผิงกล่าว
โตแซงหน้าสหรัฐฯใน 10-15 ปี
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์กล่าวว่า ในปีนี้ซึ่งมีความท้าทายเพิ่มมากขึ้นจากความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐฯและการระบาดของโควิด -19 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการทดสอบที่ยากลำบากสำหรับเศรษฐกิจของจีน
“จีนจะประสบกับความยากลำบากอย่างมากในอีก 10 -15 ปีข้างหน้า ความสัมพันธ์จีนกับสหรัฐฯที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น ความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดซ้ำอีกครั้ง และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก จะก่อให้เกิดความท้าทายต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนและทำให้แผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 14 สำคัญกว่าที่เคยมากขึ้น” เหลียน ผิงกล่าว
สหรัฐฯเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผล เช่น มาตรการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันที่รุนแรงกับสหรัฐฯมีแนวโน้มมากที่จะมีสัดส่วนถึง 30% ในแผน 5 ปีฉบับถัดไป หู ฉีมู่กล่าว โดยตั้งข้อสังเกตว่า จีนต้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ระยะยาวกับการสกัดของสหรัฐฯและความเสี่ยงที่จะมีการตัดความสัมพันธ์
เหลียน ผิง คาดการณ์ว่า ในแผน 5 ปี จีนจะเน้นยุทธศาสตร์วงจรคู่ มีนโยบายที่แข็งแกร่งสนับสนุนในภาคธุรกิจเทคโนโลยีขั้นสูง แม้ต้องแบกต้นทุนสูงมากในระยะสั้น และยังคงเปิดกว้างอย่างต่อเนื่อง
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ช่วงปี 2564-2568 จะเป็นช่วงสำคัญสำหรับจีนในฐานะประเทศกำลังพัฒนาที่จะเข้าใกล้การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือเข้าใกล้สหรัฐซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกมากขึ้น
เทียน หยุน รองผู้อำนวยการสมาคมการดำเนินการเศรษฐกิจปักกิ่ง(Beijing Economic Operation Association)กล่าวว่า ตราบใดที่จีนขยาย GDP ขึ้น 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีใน 15 ปีข้างหน้า วอชิงตันจะถูกบีบให้ยกเลิกคิดแผนการทำลายปักกิ่งโดยปริยาย
“หาก GDP เราเพิ่มไปที่ 30 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2578 เราจะเห็นตลาดในประเทศใหญ่กว่าสหรัฐฯถึง 2 เท่า ด้วยเศรษฐกิจที่ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยภายในเราจะสามารถขับไล่การรุกรานของสหรัฐฯได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ” เทียน หยุนให้ข้อสังเกต
หลิน อี้ฟู คณบดีกิตติมศักดิ์ของวิทยาลัยแห่งการพัฒนา(National School of Development) แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง คาดการณ์ว่า GDP ของจีนจะสูงกว่าสหรัฐฯภายในปี 2573 คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนและอาจเป็น 2 เท่าของสหรัฐฯภายในปี 2593
ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งของแผน 5 ปีข้างหน้า คือ การช่วยให้ประชาชน อีก 1,000 ล้านคนของจีนขยับขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นกลาง
ไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศและในประเทศจะเป็นอย่างไร จีนจะกลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูงโดยมี GDP เฉลี่ยต่อหัวเกินเกณฑ์ 12,700 ดอลลาร์ หากยังคงสามารถมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ของประเทศและเพิ่มศักยภาพในการเติบโตได้อย่างเต็มที่ รายงานสื่อท้องถิ่นอ้างคำพูดของ หลิน อี้ฟู
“หากจีนสามารถ ‘อยู่รอด’ ซึ่งหมายถึงการรักษาการเติบโต 4% ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า จีนก็สามารถรับมือกับความท้าทายภายนอกที่อาจเกิดขึ้นได้และยังเอาชนะกับดักรายได้ปานกลางได้สำเร็จ” เหลียน ผิงกล่าว
แผน 5 ปีที่ยาว 30 ปี
การประชุมใหญ่ครั้งที่ 5 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ชุดที่ 19 เพื่อพิจารณาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปีมีขึ้นในช่วงที่ทั่วโลกกำลังปั่นป่วนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯกับจีน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า จีนจะกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
แผนพัฒนา 5 ฉบับสมบูรณ์จะเปิดตัวในปีหน้า ในการประชุมสภาประชาชนซึ่งมักจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม
แดน หวัง หัวหน้านักเศรษฐกร จากหั่ง เส็ง ไชน่า มองว่า “ สิ่งหนึ่งที่คิดว่าจะโดดเด่น คือ ความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน”
“และยังมองว่าจะมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่เพราะแผน 5 ปีฉบับที่ 14 นี้เป็นแผนระยะยาว ไม่ใช่แผนฉุกเฉิน” แดน หวัง กล่าว “แผนจะผลักดันประเด็นระยะยาว ประกอบกับการแข่งขันกับฯบางด้าน จะมีแรงกดดันอย่างมากในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติและการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานของประชาชน”
ทางด้าน อวี่ ซู นักเศรษฐศาสตร์จาก Economist Intelligence Unit (EIU)คาดว่าแผน 5 ปีจะเน้นการสนับสนุนเทคโนโลยี เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และยังคาดว่า ในแผนจะมีประเด็นเกี่ยวกับการสร้างความยืดหยุ่นในด้านความมั่นคงด้านพลังงาน แทนที่จะพึ่งพาการนำเข้าปิโตร เลียมและสร้างความมั่นใจในความมั่นคงด้านอาหาร เมื่อเผชิญกับความตึงเครียดทางการค้ากับประเทศผู้ผลิตทางการเกษตร และการขาดแคลนเนื้อหมูซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในครัวเรือนจีน
ส่วนด้านสังคม คาดว่าจีนจะหาวิธีอื่น ๆ ในการกระตุ้นการบริโภครวมถึง การยกเลิกการจำกัดการมีบุตรต่อครอบครัว ซึ้งทั้งหมดนี้จะทำให้จีนเติบได้ในระยะปานกลางถึงระยะยาว
นอกจากนี้ยังมองกันว่าจีนหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสในประเทศ เพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับหนี้ที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายใต้แผน 5 ฉบับที่ 13 ซึ่งระบุสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญของตั้งแต่ปี 2559-2563 นั้น จีนค่อยๆพึ่งพาการบริโภคเพื่อการเติบโตมากกว่าการส่งออกทีละน้อย
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของรัฐได้พูดถึงวลีใหม่ที่คาดว่าจะเน้นย้ำแผนในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นแนวคิดยุทธศาสตร์ “สองวงจร” แบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างกว้าง ๆ ได้แก่ “การหมุนเวียนภายใน” ที่เน้นการเติบโตของตลาดในประเทศจีนและ “การหมุนเวียนภายนอก” หรือการค้ากับประเทศอื่น
“แผน 5 ปีฉบับที่ 14 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ 5 ปีข้างหน้า แต่ในอีก 30 ปีข้างหน้า” ฉิน กัง ผู้ก่อตั้ง YaSong (Ode & Song) City Strategy และที่ปรึกษาโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการให้ความเห็น ซีเอ็นบีซีรายงานจากคำพูดของ ฉิน กัง ที่แปลมาจากภาษาจีนกลาง
จากความสำเร็จทางเศรษฐกิจเมื่อเร็ว ๆ นี้ “จีนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในสิ่งที่คิดว่าสำคัญ” ฉิน กังกล่าวและว่า จีนยังต้องใช้เวลานานในการปล่อยให้กลไกตลาดมีบทบาทมากขึ้นในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ “แผน 5 ปีฉบับที่ 14 โดยรวมเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศของจีนเป็นหลัก”
ด้วยการให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศจีนมากขึ้น นักวิเคราะห์โดยทั่วไปคาดว่า แผนพัฒนาฉบับใหม่นี้จะสนับสนุนด้านสาธารณสุข การศึกษากีฬาและวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวมากขึ้น
“ในอีกห้าปีข้างหน้าจีนจะเน้นการเติบโตที่มีคุณภาพสูงอย่างแท้จริง ดังนั้นความเร็วจึงอาจไม่มากเหมือนเมื่อก่อน” ซ่ง เหลียง หัวหน้านักวิจัยของธนาคารแห่งประเทศจีนกล่าวในการสัมภาษณ์เป็นภาษาจีนกลาง
นอกจากนี้ ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นช่วงสำคัญอย่างยิ่งสำหรับจีนในการกระตุ้นเศรษฐกิจไปสู่ระดับใหม่ และหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง
Source: Thaipublica

คลิก

------------------------------------------------------------------
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

170225DGS 5208 FX Hanuman Media Buying Banners 843150 TH    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

121224 ebc forex logo 100x33EBC

FCA ,ASIC, CYAMAN 1000 : 1 1.1 pips - STD
0 pips - Pro
$50 0.01 lots View Profile
Visit Website
020125 eightcap 100x33eightcap  ASIC, FCA, SCB, CySec  500 : 1
1.0 Pips -STD
0.0 Pips - Raw
1.0 Pips - TradingView
$20   0.01 lots

View Profile

Visits website

 

180225 logo fpmarkets 100x33

Fpmarkets

ASIC, CySec  500 : 1

ECN 0.0 Pips
Standard 1.0 Pips

$100 0.01 lots

View Profile

Visits website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"