ธนาคารโลกชี้คนชั้นกลางจนลง คาดเศรษฐกิจไทยฟื้นอีก 2 ปี

วันที่ 30 มิถุนายน 2563 ธนาคารโลกเปิดตัวรายงานตามติดเศรษฐกิจไทยฉบับใหม่ “ประเทศไทยในช่วงเวลาของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19” Thailand Economic Monitor June 2020: Thailand in the Time of COVID-19 โดยมีนางเบอร์กิท ฮานสล์

ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย, นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย และ ดร.จูดี้ หยาง นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลก ร่วมแถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์

ธนาคารโลกเผยผลกระทบที่สำคัญของโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจไทย ความเปราะบางของครัวเรือน และผู้ประกอบการ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากโควิด-19 โดยอาจหดตัวกว่า 5% ในปี 2563 และน่าจะใช้เวลามากกว่าสองปีกว่าที่จะกลับไปสู่ระดับผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ก่อนที่จะประสบปัญหาโควิด-19

รายงานตามติดเศรษฐกิจไทยของธนาคารโลกฉบับล่าสุดที่เผยแพร่ในวันนี้พบว่า การระบาดของโควิด-19 ฉุดเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในไตรมาสที่สองของปี 2563 โดยมีคนตกงานกระจายไปทั่ว และกระทบต่อครัวเรือนชนชั้นกลาง และครัวเรือนที่ยากจน

แม้ประเทศไทยจะประสบความสำเร็จในการชะลอการระบาดของโควิด-19 ภายในสามเดือนที่ผ่านมา แต่ผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจนั้นรุนแรง เพราะความเปิดกว้างทางการค้าของไทย และความเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ประมาณการว่าเศรษฐกิจไทยจะหดตัว 5% ในปี 2563 ซึ่งคาดว่าจะหดตัวมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เป็นผลมาจากการชะลอตัวอย่างรุนแรงของการส่งออก โดยเฉพาะรายรับจากการท่องเที่ยวและการค้าในตลาดโลกที่อ่อนแอลง รวมไปถึงการชะลอตัวลงของอุปสงค์ภายในประเทศซึ่งสะท้อนผลกระทบที่เกิดจากการจำกัดการเดินทางและคำสั่งปิดสถานประกอบการ อย่างไรก็ตาม การประมาณการนี้อาจจะมีการทบทวนอีกครั้งในอนาคต ซึ่งน่าจะมีแนวโน้มปรับลดลงกว่านี้อีก เนื่องจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากวงจรการแพร่ระบาดในประเทศต่างๆ ทั่วโลกและภายในประเทศ

รายงานระบุว่า อุปสงค์ในตลาดโลกที่อ่อนแอทำให้การค้าในตลาดโลกหดตัว กระทบห่วงโซ่มูลค่าเพิ่มในตลาดโลก เช่น รถยนต์ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่โดดเด่น และส่งผลต่อการส่งออก โดยคาดว่าการส่งออกน่าจะหดตัวลงประมาณ 6.3% ในปี 2563 ซึ่งเป็นการชะลอตัวลงรายไตรมาสที่แรงที่สุดในรอบ 5 ปี เนื่องจากความต้องการสินค้าไทยในต่างประเทศยังคงอ่อนแอ อันเป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ส่วนภาคการท่องเที่ยวซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการที่ประเทศเกือบจะห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 และท้ายที่สุด การจำกัดการเดินทางเพื่อควบคุมการระบาดของโรค แม้ว่าจะมีส่วนสำคัญช่วยทำให้เส้นกราฟของการติดเชื้อกลายเป็นเส้นแนวราบ แต่มาตรการดังกล่าวก็ส่งผลกดดันอย่างรุนแรงต่อการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะต่อธุรกิจค้าปลีก และบริการเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งกระทบไปถึงยอดขายสินค้าคงทนในไตรมาสที่ 1 ของปี 2563 ที่ปรับตัวลงอย่างรุนแรงกว่า 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะลดลง 3.2% เนื่องจากมาตรการห้ามการเดินทางและรายได้ที่ลดลงซึ่งจำกัดการใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยเฉพาะในไตรมาสที่สองของปี 2563

จากการที่ประเทศไทยเริ่มผ่อนปรนการห้ามเดินทาง จะทำให้การบริโภคภายในประเทศที่เดิมมีความเข้มแข็งอยู่แล้วและเป็นเครื่องจักรผลักดันเศรษฐกิจเริ่มจะฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่สองของปี 2563 และในปี 2564 แต่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะค่อยๆ ปรับตัวและยังมีความไม่แน่นอนอยู่ ทั้งนี้ โดยพื้นฐานแล้ว เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวที่ 4.1% ในปี 2564 และ 3.6% ในปี 2565 ซึ่งสะท้อนว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับก่อนการระบาดของโควิดภายในกลางปี 2565 แต่รูปแบบของการฟื้นตัวยังขึ้นอยู่ปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน เช่น การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอ การท่องเที่ยวที่เปราะบาง รวมไปถึงการค้าและห่วงโซ่อุปทานที่ยังคงอยู่ในภาวะชะงักงัน

โดยคาดว่าจะกลับไปสู่ระดับผลผลิตก่อนวิกฤติโควิดได้ภายในสองปี ความเข้มแข็งของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของมาตรการรับมือเพื่อช่วยเหลือครัวเรือนและผู้ประกอบการที่เปราะบาง ในขณะที่ยังไม่มีวัคซีนหรือวิธีการรักษาโควิด-19 เศรษฐกิจในภาพรวมยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงในด้านลบ

นางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า “พลังของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่กับนโยบายในการรับมือวิกฤติที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนครัวเรือนและผู้ประกอบการที่เปราะบางในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว ความท้าทายที่สำคัญ คือ ทำอย่างไรที่จะช่วยให้ผู้ที่ตกงานสามารถกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อีกครั้ง ทั้งนี้ น่าจะได้นำมาตรการที่เสริมความคล่องตัวของตลาดแรงงานมาพิจารณา เช่น การให้เงินอุดหนุนค่าจ้างที่มุ่งเป้าไปสู่บุคคลที่อยู่ในภาคการผลิตที่เปราะบางที่สุด และการฝึกปฏิบัติงานไปพร้อมกับการทำงานจริงเพื่อสนับสนุนให้เกิดการจ้างงานอีกครั้ง”

คาดคนตกงานกว่า 8.3 ล้านคน

มาตรการเพื่อรับมือโควิด-19 ของไทยมีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นคิดเป็นร้อยละ 12.9% ของ GDP โดยให้ความสำคัญกับการช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับครัวเรือนและผู้ประกอบการที่เปราะบาง ซึ่งเป็นมาตรการที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน ทั้งในเชิงของขนาด ความคุ้มครอง และความหลากหลายของเครื่องมือที่ใช้

รายงานประมาณการว่า กว่า 8.3 ล้านคน จะตกงาน หรือสูญเสียรายได้จากวิกฤติโควิด-19 ซึ่งจะทำให้งานมากมาย โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการมีความเสี่ยง

ดร.จูดี้ หยาง นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลก ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไทยดำเนินการเร็วในการใช้มาตรการบางด้าน แต่ยังมีบางกลุ่มที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเพราะแรงงานส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบกว่าครึ่งของแรงงานรวม โดยที่แรงงานนอกระบบภาคเกษตรสูง 92% และในภาคการค้าสูงเป็นอันดับสองรองลงไป 60% และแรงงานนอกระบบบในทุกภาคเศรษฐกิจได้รับค่าจ้างต่อเดือนต่ำกว่าแรงงานในระบบ

ครัวเรือนที่มีสมาชิกอย่างน้อย 1 คน เป็นแรงงานในภาคบริการและการผลิตซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด มีสัดส่วนราว 33.5% ของครัวเรือนทั้งหมด ครัวเรือนในภาคธุรกิจอื่นก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเช่นกัน ส่วนครัวเรือน 22.4% อยู่ในภาคเกษตร และ 13% เป็นครัวเรือนที่ไม่มีสมาชิกรายใดเป็นแรงงานเลย

คนชั้นกลางจนลง

หากไม่รวมภาคเกษตรไว้ในครัวเรือนที่มีสมาชิกครอบครัวทำงานในภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด พบว่าครัวเรือนที่เป็นชนชั้นกลางรายได้สูง (upper-middle)ที่ได้รับผลกระทบมีจำนวนมากขึ้น ประเมินว่าจะว่างงานเพิ่มขึ้น และรายได้จากการทำงานลดลง กลุ่มครัวเรือนที่ยากจนและครัวเรือนที่เป็นชนชั้นกลางเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ

รายงานพบว่าจำนวนผู้ที่ไม่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือผู้ที่มีรายได้ต่อวันต่ำกว่า 5.5 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ตามภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อ) จะสูงขึ้นกว่าหนึ่งเท่าตัว โดยเพิ่มขึ้นจาก 4.7 ล้านคนในไตรมาสแรก เป็น 9.7 ล้านคนในไตรมาสที่สองของปี 2563 สัดส่วนครัวเรือนชั้นกลางที่มีสมาชิกเป็นแรงงานในภาคธุรกิจบริการและการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากโควิดจะลดลงจาก 40% เป็น 24% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัดส่วนของคนที่ไม่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจในกลุ่มครัวเรือนชนชั้นกลางในภาคการผลิตและภาคบริการจะเพิ่มขึ้นกว่าสามเท่าตัว จาก 6% เป็น 20%

ทั้งนี้ครัวเรือนราว 13% ไม่มีรายได้จากการทำงาน และเลี้ยงชีพจากเงินโอน โดยเงินโอนคิดเป็น 61% ของรายได้ทางการเงินของครัวเรือนทั้งหมด

เพื่อปกป้องครัวเรือนที่เปราะบาง รายงานฉบับนี้เสนอว่า ควรขยายความคุ้มครองทางสังคมเพื่อให้มั่นใจว่ากลุ่มผู้สูงอายุและแรงงานข้ามชาติไม่ได้ถูกมองข้าม ทั้งนี้ รายงานยังได้เสนอแนะว่า ควรให้เงินอุดหนุนแก่กลุ่มที่เปราะบางต่อไป และถ้าเป็นไปได้ ควรพยายามเชื่อมโยงการให้เงินอุดหนุนไปกับการฝึกอบรม การให้คำแนะนำ และความสนับสนุนด้านอื่นๆ ที่จะช่วยสร้างโอกาสในการหารายได้ ในระยะปานกลาง ประเทศไทยควรพิจารณาโครงการที่จะให้ประโยชน์ครอบคลุมทั่วทุกด้านเพื่อรองรับการแพร่ระบาดของโรคและวิกฤติการณ์อื่นๆ ทั้งนี้ ควรเสริมด้วยการมุ่งเป้าโครงการไปที่กลุ่มคนยากจน

แนะช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง

แม้ว่าประเทศไทยจะประกาศใช้มาตรการที่ใหญ่มากเพื่อรับมือโควิด แต่ประเด็นท้าทาย คือ การเข้าถึงการลงทะเบียนของผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ และการสร้างระบบลงทะเบียนทางสังคมอย่างบูรณาการที่จะช่วยให้มีข้อมูลที่ทันสมัยและสามารถมุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนเปราะบางได้ และยังช่วยให้ผู้กำหนดนโยบายสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการออกแบบและปิดช่องโหว่ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ประเทศต่างๆ หลายประเทศทั่วโลกได้พึ่งพาข้อมูลทะเบียนทางสังคมแบบบูรณาการเพื่อออกแบบและกำหนดเป้าหมายของโครงการ โดยข้อมูลทางทะเบียนเหล่านี้ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่และรวดเร็วในการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ อันดับแรกของการพัฒนาระบบทะเบียนทางสังคมแบบบูรณาการนี้จะต้องมีความตกลงในหลักเกณฑ์วิธีการทำงานร่วมกันในการจัดการฐานข้อมูลของประเทศ นอกจากนี้ ประเด็นท้าทายอีกด้านคือการสนับสนุนผู้ที่ตกสำรวจในครัวเรือน โดยความคุ้มครองที่ให้กับครัวเรือนที่เปราะบางควรครอบคลุมทั่วถึง ไม่ละเลยกลุ่มคนที่เปราะบาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุและแรงงานข้ามชาติ

เพื่อก้าวไปข้างหน้า การช่วยเหลือผู้ประกอบการควรออกแบบเพื่อช่วยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากโควิด-19 ในขณะเดียวกัน ก็ยังควรสนับสนุนผู้ประกอบการที่เปราะบาง แม้ว่าเกือบทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้น แต่บางภาคการผลิต เช่น การท่องเที่ยว ซึ่งมีผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมาก มีการจ้างงานมหาศาล และนำรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศจำนวนมาก ยังคงอยู่ในภาวะที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด การให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเหล่านี้โดยเพิ่มการใช้งานผ่านระบบดิจิทัลจะมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งและความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจเหล่านี้ในช่วงวิกฤติ และช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงหลังวิกฤติโควิด ที่ความต้องการบริการที่ลดปริมาณการติดต่อสื่อสารระหว่างกันจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก นอกจากนั้น มาตรการที่จะช่วยเสริมสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจ เช่น การจดทะเบียนธุรกิจโดยผ่านระบบอัตโนมัติทั้งระบบจะช่วยสนับสนุนให้เกิดธุรกิจใหม่ๆโดยยังคงรักษามาตรฐานการเว้นระยะห่างทางสังคม ทั้งนี้ การช่วยเสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการที่เข้าถึงสินเชื่อได้ยาก โดยการตั้งเป้าไปที่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ และวิสาหกิจรายย่อยโดยดูที่ฐานะการออม และที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม อาจทำให้ผู้ประกอบการบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือได้

นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก กล่าวว่า “สำหรับผู้ประกอบการที่เปราะบาง ธรรมชาติของการสนับสนุนผู้ประกอบการเหล่านี้ควรจะต้องปรับเปลี่ยนจากการช่วยเหลือในภาวการณ์ฉุกเฉิน ไปสู่การเสริมสร้างผลิตภาพของผู้ประกอบการที่ยังประกอบกิจการอยู่ รวมถึงปรับทิศทางการสนับสนุนด้านการคลัง จากมาตรการฉุกเฉินไปสู่โครงการสร้างงานชั่วคราว โดยเพิ่มความสะดวกให้กับบริษัทที่จะเข้าร่วมในโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ หรือการรับทำงานสาธารณะ”

ในก้าวต่อไป ควรจะปรับเปลี่ยนการสนับสนุนผู้ประกอบการ โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมผู้ประกอบการ และการเพิ่มผลิตภาพการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เน้นส่งเสริมการลงทุนเพื่อการฝึกอบรมแรงงาน ฝึกอบรมการบริหารงาน และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการประกอบกิจการ

นายเกียรติพงศ์กล่าวว่า ขณะนี้เร็วเกินไปที่จะประเมินมาตรการเยียวยาของภาครัฐที่ออกมา ยังรอติดตามข้อมูล ซึ่งสำนักงานสถิติกำลังเก็บข้อมูล แต่มาตรการเยียวยาครัวเรือนและเอกชนของไทยถือว่ามีขนาดใหญเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน มาตรการช่วยเหลือภาคครัวเรือนมีบางจุดรายงานมีคำแนะนำให้ปรับ เพราะมีบางกลุ่มไม่ได้รับและตกหล่น เช่น ผู้สูงวัย ประชากรอายุน้อย แรงงานต่างด้าว คำแนะนำเชิงนโยบายคือ ควรเพิ่มฐานข้อมูลโครงการภาครัฐ เพื่อจะได้แก้ไขช่วยเหลือตรงจุด ทันการณ์

นายเกียรติพงศ์กล่าวถึงการใช้งบประมาณและนโยบายการคลังของไทยว่า ธนาคารโลกมองว่านโยบายการคลังมีพื้นที่สมควรที่จะรองรับการผลกระทบการระบาดของโควิด และสามารถขยายการใช้หากยังมีผลกระทบต่อไปในไตรมาสสอง เช่น การเยียวยา 5,000 บาทต่อเดือนยังสามารถขยายได้ ยังมีงบประมาณเหลือที่จะใช้ สำหรับการลงทุนในปีหน้า การลงทุนในโครงการพื้นฐานภาครัฐจะกระตุ้นให้มีการจ้างงาน การเชื่อมโยงในประเทศที่อาจจะไม่ได้รับผล และการใช้โอกาสจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ในระยะยาว นโยบายจะต้องให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความยืดหยุ่น เนื่องจากพื้นที่การคลังที่ลดลง ดังนั้น การฟื้นฟูกันชนทางการคลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์จากรายรับของรัฐ จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และสามารถลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะที่วางแผนไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ไทยสามารถได้ประโยชน์จากการถอดบทเรียนของมาตรการเพื่อรับมือโควิด-19 อย่างเร่งด่วน โดยการก้าวข้ามระบบคุ้มครองทางสังคมแบบดั้งเดิมที่ผูกพันอยู่กับการจ้างงานไปสู่ระบบความคุ้มครองที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่ากลุ่มคนที่เปราะบางที่สุดจะเข้าถึงสิทธิประโยชน์ขั้นต่ำ และสามารถคัดกรอง ชี้เป้ากลุ่มเปราะบางที่ควรได้รับการอุดหนุนจากภาครัฐ และให้ได้รับการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะใหม่เพื่อตอบรับกับความต้องของเศรษฐกิจฐานความรู้

“การใช้งบประมาณมีความท้าทาย 3 ข้อ คือ หนึ่ง อัตราการเบิกจ่าย ประสิทธิภาพในการบริหารของภาครัฐ สอง ความจำเป็นที่ไทย ต้องดูสถานการณ์คลังใหม่ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น สาม ขยายฐานภาษีให้ครอบคลุม เพื่อลดภาระหนี้สาธารณะ”

Source: ThaiPublica
คลิก

----------------------------------------
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

170225DGS 5208 FX Hanuman Media Buying Banners 843150 TH    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

121224 ebc forex logo 100x33EBC

FCA ,ASIC, CYAMAN 1000 : 1 1.1 pips - STD
0 pips - Pro
$50 0.01 lots View Profile
Visit Website
020125 eightcap 100x33eightcap  ASIC, FCA, SCB, CySec  500 : 1
1.0 Pips -STD
0.0 Pips - Raw
1.0 Pips - TradingView
$20   0.01 lots

View Profile

Visits website

 

180225 logo fpmarkets 100x33

Fpmarkets

ASIC, CySec  500 : 1

ECN 0.0 Pips
Standard 1.0 Pips

$100 0.01 lots

View Profile

Visits website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"