สังคมไทย (กำลัง) ไร้เงินสด?

les"e-Payments ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินสดของประชาชน อย่างไรก็ดี เราอาจสรุปได้แค่เพียงว่า สังคมไทยยังไม่ใช่ cashless แต่เป็น less cash หากจะก้าวสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มตัว

อาจต้องมีนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของผู้ให้บริการ ตลอดจนประชาชนอยากใช้และมั่นใจในความปลอดภัย"

"สังคมไร้เงินสด (cashless society)” ได้รับ การกล่าวถึงอย่างแพร่หลายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญมาจากระบบการชำระเงินที่พัฒนาขึ้นช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้จ่าย และลดต้นทุนการทำธุรกรรมทางการเงิน ทำให้ผู้คนเริ่มพกเงินสดกันน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลก

สำหรับประเทศไทย ข้อมูลชี้ว่าแม้คนไทยจะนิยมใช้ e-Payments ในการชำระเงินมากขึ้นแต่การใช้เงินสดก็ยังถือเป็นสื่อกลางหลักของการชำระเงิน สะท้อนจากสัดส่วน เงินสดที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ (currency in circulation: CIC) ต่อ GDP ที่ไม่ได้ปรับลดลง แต่ทรงตัวที่ประมาณร้อยละ 9.0 ขณะที่สัดส่วนมูลค่าการใช้ e-Payments ต่อ GDP กลับเพิ่มขึ้นในระยะหลัง (ภาพที่ 1)

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในแง่ของการเพิ่มขึ้นหรือการเร่งตัวระหว่างการใช้เงินสดและ e-Payments อาจกล่าวได้ว่าไทยกำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมไร้เงินสด” อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น สะท้อนจากอัตราการขยายตัวของปริมาณเงินสดหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจที่เติบโตชะลอลงกว่าครึ่งเทียบกับช่วงปี 2004-2013 ในทางกลับกันปริมาณการใช้ e-Payments ของคนไทยกลับเร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด ในลักษณะ exponential growth ซึ่งเห็นได้ชัดจาก ความนิยมในการใช้ e-Payments ผ่าน internet-mobile banking (ภาพที่ 2 และ 3)

"สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (cashless society) หรือไม่" จำเป็นต้องเข้าใจบางประเด็นอย่างถ่องแท้ ได้แก่ (1) ประเภทและลักษณะสำคัญของ e-Payments (2) นิยามของปริมาณเงินในความหมายต่าง ๆ ที่ใช้เป็นเครื่องชี้สะท้อนประเภทการใช้จ่ายและระดับของการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด รวมทั้ง (3) ความสัมพันธ์ของ e-Payments และปริมาณเงิน

1.e-Payments และปริมาณเงินหมายถึงอะไร และมีความสัมพันธ์กันอย่างไร

1.1 e-Payments คืออะไร มีกี่ประเภท

การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payments) เป็นช่องทางการชำระเงินที่ประมวลผลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ให้บริการทั้งที่เป็นสถาบันการเงินและไม่ใช่สถาบันการเงิน โดยงานศึกษานี้ขอมุ่งประเด็นไปที่การชำระเงินรายย่อย (retail e-Payments) ซึ่งธุรกรรมส่วนใหญ่ประมวลผลผ่านบัญชีเงินฝากอิเล็กทรอนิกส์ โดย e-Payments ในงานศึกษานี้แบ่งได้ 3 กลุ่มหลักตามประเภทของสื่อการชำระเงิน (instruments) ได้แก่ บัตรเครดิตและบัตรเดบิต (card payment) การโอนและชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์เคลื่อนที่ (internet - mobile banking) และเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) [1]

[1] หมายถึงเงินสดที่อยู่ในรูปของสื่อการชำระเงินในรูปแบบต่าง ๆ เช่น multi-purpose stored value card e-Purse e-Wallet และ smart card

1.2 ปริมาณเงินหมายถึงอะไร มีนิยามใดบ้าง

ธปท. พยายามวัดปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจทั้งที่เป็นเงินในกระเป๋าสตางค์ประชาชน เงินที่ฝากไว้กับธนาคาร หรือเงินที่เก็บไว้ในรูปแบบอื่น ๆ จึงได้นิยามปริมาณเงินตามมาตรฐาน MFSM2000 [2] ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ปริมาณเงินตามความหมายแคบ (narrow money) และปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (broad money) โดยปริมาณเงินตามความหมายแคบจะรวมสิ่งที่มีคุณสมบัติใกล้เงินที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินสดที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ (currency in ci rculation: CIC) กว่าร้อยละ 90 ส่วนปริมาณเงินตามความหมายกว้าง จะนับรวมปริมาณเงินตามความหมายแคบรวมเงินฝากหรือตราสารหนี้อื่น ๆ ที่มีสภาพคล่องกึ่งเงินสด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินรับฝาก (ภาพที่ 2)

[2] อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Monetary and Financial Statistics Manual 2000 โดย IMF

1.3 e-Payments และปริมาณเงินสัมพันธ์กันอย่างไร

ธุรกรรมส่วนใหญ่ที่ชำระเงินผ่านระบบ e-Payments ประมวลผลผ่านบัญชีเงินฝากอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องถอนเงินสดออกมาชำระค่าสินค้าและบริการ จึงพอสรุปได้ว่าการใช้ e-Payments ส่วนใหญ่เป็นช่องทางที่อำนวยความสะดวกในการชำระเงินและเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชน จากที่เคยใช้เหรียญกษาปณ์และธนบัตรเป็นการชำระเงินผ่านการหักธุรกรรมผ่านบัญชีเงินฝากอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น หากจะเชื่อมโยง e-Payments กับปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ จะพบว่า e-Payments ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปแบบการชำระเงินจากการใช้เหรียญกษาปณ์และธนบัตรเป็นการใช้เงินในบัญชีเงินฝาก ซึ่งจะทำให้ปริมาณเงินในความหมายแคบลดลงเพราะมีสัดส่วนเงินสดมากถึงร้อยละ 90

2. การชำระเงินผ่าน e-Payments มีส่วนทำให้การใช้เงินสดลดลงมากน้อยเพียงใด

งานศึกษานี้สนใจว่าการชำระเงินผ่าน e-Payments เป็นปัจจัยหนึ่งที่กระทบพฤติกรรมการใช้เงินสดของคนไทยหรือไม่ โดยจะพิจารณาตัวแปรอื่นเพิ่มเติมตามทฤษฎีความต้องการถือเงินของนักเศรษฐศาสตร์สำนัก Keynesian อาทิ (1) ตัวแปรที่สะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ ที่สะท้อนจากดัชนีพ้องทางเศรษฐกิจ (coincident economic indicator: CEI) อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (headline inflation) (2) ตัวแปรสะท้อนต้นทุนค่าเสียโอกาสของการถือเงินสด (opportunity cost) เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์อื่น

ทั้งนี้ เพื่อตอบคำถามว่าการชำระเงินผ่าน e-Payments มีส่วนทำให้การใช้เงินสดลดลงมากน้อยเพียงใด ผู้เขียนจึงนำแบบจำลองทางเศรษฐมิติและแนวคิดความต้องการถือเงินดังกล่าวมาใช้ในการวิเคราะห์ในบริบทของไทย และเลือกใช้ CIC เป็นตัวแปรตามเนื่องจากต้องการวิเคราะห์ผลกระทบต่อการใช้เงินสด โดยเพิ่มตัวแปรที่สะท้อนการใช้ e-Payments เป็นตัวแปรอิสระ อาทิ มูลค่าการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payments) ในภาพรวมและแยกย่อยผลิตภัณฑ์ ได้แก่ การชำระเงินด้วยบัตร (card payment) การโอนและการชำระเงินผ่าน internet - mobile banking ตลอดจนการใช้ e-Money

การศึกษาใช้วิธี error correction model (ECM) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยที่กำหนดพฤติกรรมการใช้เงินสดทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยได้ผลการศึกษาแสดงในตารางที่ 1

แบบจำลอง full-sample estimation (ม.ค. 2010 ถึง พ.ย. 2019) ในสมการความสัมพันธ์ระยะสั้น (Short-run equation) ชี้ว่าความต้องการถือเงินสดขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ทั้งอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ขณะที่ตัวแปรต้นทุนค่าเสียโอกาสของการถือเงินสดมีส่วนอธิบายเพียงเล็กน้อย สำหรับตัวแปร e-Payments โดยรวมมีความสัมพันธ์เชิงลบกับความต้องการถือเงินสดอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนว่าการใช้ e-Payments มีส่วนทำให้คนลดการใช้เงินสดลง แต่ยังมีบทบาทน้อยกว่าตัวแปรทางเศรษฐกิจ ซึ่งผลดังกล่าวสอดคล้องกับหลายงานศึกษาในไทย อาทิ ประภัสสรและบัณฑิต (2006) และ Hataiseree and Bancheun (2010)

3.ความนิยมของการใช้ e-Payments ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด (exponential growth) มีอิทธิพลต่อการใช้เงินสดของคนไทยมากขึ้นหรือไม่

อัตราการขยายตัวของปริมาณการใช้ e-Payments เพิ่มขึ้นมากจากอดีต โดยในเดือนพฤศจิกายน 2019 เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 จากระยะเดียวกันปีก่อน สูงขึ้นหลายเท่าเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโต ณ สิ้นปี 2014 ที่ร้อยละ 17 และมีลักษณะ exponential growth ในช่วงหลัง จึงตั้งข้อสังเกตสำหรับการประมาณผลจากแบบจำลองว่า full-sample estimation อาจไม่สามารถวัดผลกระทบของการใช้ e-Payments ต่อการใช้เงินสดได้ดีนักสำหรับช่วงที่เริ่มมีการใช้ e-Payments แบบ exponential ผู้เขียนจึงทดสอบสมมติฐานดังกล่าวโดยใช้วิธีทางเศรษฐมิติซึ่งใช้ตัวแปรดังตารางที่ 1 เช่นเดิม แต่ปรับช่วงเวลาที่ใช้ในการประมาณค่า จากวิธี full-sample estimation เป็น rolling-window estimation ครั้งละ 3 ปีเพื่อทดสอบว่าผลของการใช้ e-Payments ต่อพฤติกรรมการใช้เงินสดเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลาหรือไม่

จากการประมาณผลแบบ rolling-window ได้ข้อสรุปว่า ตัวแปร e-Payments มีผลทดแทนการใช้เงินสดมากขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีต สะท้อนจากค่าความยืดหยุ่นของมูลค่าการใช้ e-Payments ต่อการใช้เงินสดของไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2016 (ตารางที่ 2) สอดคล้องกับช่วงเวลาที่การเติบโตของการใช้ e-Payments เริ่มมีลักษณะ exponential growth โดยพบว่าค่าความยืดหยุ่นติดลบมากขึ้นอยู่ที่ -0.03 ในปี 2019 จาก -0.01 ในปี 2016 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่า อย่างไรก็ดี บทบาทของ e-Payments ยังน้อยกว่าตัวแปรกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สะท้อนจากค่าความยืดหยุ่นที่น้อยกว่า

ทั้งนี้ เมื่อประมาณค่าด้วยวิธีดังกล่าวแต่จำแนกรายประเภทของสื่อการชำระเงินของ e-Payments ได้ข้อสรุปเพิ่มเติมว่า การใช้ internet-mobile banking มีความสำคัญมากขึ้นทำให้คนใช้เงินสดลดลงในระยะหลัง ขณะที่การชำระเงินผ่าน e-Payments ช่องทางอื่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้เงินสดของคนไทยมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ มีข้อสันนิษฐานหลายประการที่อธิบายสาเหตุที่ผลของ internet-mobile banking มีมากขึ้น (ค่าความยืดหยุ่นเป็นลบมากขึ้น) ได้แก่

(1) นโยบายลดค่าธรรมเนียมของบริการการโอนและชำระค่าสินค้าและบริการ ในเดือนมีนาคม 2018 ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งประกาศไม่คิดค่าธรรมเนียมการโอนเงินและชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ โดยช่องทางที่นิยมใช้กันคือ internet-mobile banking ทำให้จำนวนธุรกรรมการโอนเงินรายย่อยข้ามธนาคารผ่านช่องทางดังกล่าวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากจาก 56 ล้านรายการในเดือนมีนาคม 2018 เป็น 167 ล้านรายการในเดือนมีนาคม 2019 (เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว)

(2) นโยบายภาครัฐที่สนับสนุนให้ประชาชนลงทะเบียนพร้อมเพย์และรับเงินโอนจากภาครัฐผ่านบัญชีธนาคารโดยตรง กรมสรรพากรให้ประชาชนรับคืนภาษีผ่านระบบพร้อมเพย์ โดยในปี 2017 มีผู้ขอคืนภาษีผ่านบริการพร้อมเพย์กว่าร้อยละ 62 ของผู้รับคืนเงินภาษีทั้งหมดและเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 100 ในปี 2019 [3] นอกจากนี้ ภาครัฐยังให้ประชาชนรับสวัสดิการต่าง ๆ ผ่านช่องทางนี้

[3] อณิยา ฉิมน้อย และอรรถเวช อาภาศรีกุล (2561), เข้าใจ“พร้อมเพย์”บริการโอนเงินและชำระเงินทางเลือกใหม่

(3) ความนิยมในการใช้ quick response code (QR code) เพิ่มขึ้น ซึ่งการโอนและชำระสินค้าและบริการผ่านช่องทางนี้จัดอยู่ในรูปแบบ internet-mobile banking โดย QR code เริ่มเป็นที่นิยมใช้ในปลายปี 2017 และความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งจากการเพิ่มจุดติดตั้ง Thai QR code ที่ในปัจจุบันมีมากถึง 5 ล้านจุด

(4) ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความสะดวกรวดเร็วในการใช้งานเมื่อเทียบกับช่องทางอื่น ๆ สถาบันการเงินออกผลิตภัณฑ์ที่ทำธุรกรรมผ่านช่องทางนี้มากขึ้น

ในขณะเดียวกันความสำคัญของการชำระเงินผ่านบัตรพลาสติกต่อการใช้เงินสดทยอยลดลง สะท้อนจากค่าความยืดหยุ่นที่เป็นลบน้อยลง โดยคาดว่ามาจากหลายสาเหตุ ได้แก่

(1) พฤติกรรมของผู้ประกอบธุรกิจที่เปลี่ยนไป โดยหันมารับชำระเงินด้วย QR code แทนบัตรเดบิต/บัตรเครดิต เนื่องจากไม่มีค่าติดตั้ง merchant discount rate (MDR) ตามที่ ธปท. มีนโยบายส่งเสริมการรับชำระเงินด้วย QR code โดยผู้ประกอบธุรกิจสามารถรับเงินได้จากทุกธนาคารและเงินเข้าบัญชีร้านค้าทันที

(2) ผู้ใช้บริการลดการถือบัตรพลาสติกและเปลี่ยนมาใช้ฟังก์ชันบน mobile banking มากขึ้น เช่น การลงทะเบียนบัตรเครดิตบนมือถือแล้วสแกนเพื่อชำระเงิน และกดเงินสดผ่านแอปพลิเคชั่นโดยไม่ต้องใช้บัตรเดบิต

(3) โครงการภาครัฐที่ส่งเสริมการใช้บัตรเดบิตหมดลง โดยในระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2017 ถึง 31 พฤษภาคม 2018 ภาครัฐดำเนินโครงการแจกโชคลุ้นล้านผ่านบัตรเดบิต เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านช่องทางนี้

สำหรับ e-Money ไม่ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้เงินสดของคนไทยอย่างมีนัยสำคัญ (ค่าความยืดหยุ่นไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ) ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมูลค่าการชำระเงินผ่านช่องทางนี้ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับช่องทางอื่น ๆ โดย ณ เดือน พฤศจิกายน 2019 อยู่ที่ประมาณ 23,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 0.07 ของ e-Payments โดยรวม

จากผลการศึกษาเบื้องต้น นำมาสู่คำถามสำคัญว่า สังคมไทยในปัจจุบันเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (cashless society) แล้วหรือไม่ จากงานศึกษาของ Thomas (2013) แบ่งการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดเป็น 4 ระยะ ได้แก่ 1. inception 2. tipping point 3. transition และ 4. advanced โดยใช้เกณฑ์การวัดที่หลากหลาย อาทิ สัดส่วนการใช้เงินสดในการทำธุรกรรมเทียบกับธุรกรรมที่ไม่ใช่เงินสด และการเติบโตของ cashless payments โดยระยะที่ 4 (advanced) เป็นระยะที่ถือว่าเป็นสังคมไร้เงินสดเต็มตัว ซึ่งประชากรในประเทศเหล่านี้มีบัตรเดบิตแทบทุกคน รวมทั้งร้านค้าเกือบทุกร้านรับชำระค่าสินค้าด้วยบัตร อาทิ สวีเดน และแคนาดา ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีสัดส่วนเงินสดต่อ GDP ต่ำมากอยู่ที่ราวร้อยละ 1 เท่านั้น

สำหรับกรณีของไทยยังอยู่ในระยะที่ 1 (inception) เช่นเดียวกับหลายประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ เช่น อินเดีย ไต้หวัน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งประเทศกลุ่มนี้ประชาชนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 ยังทำธุรกรรมด้วยเงินสด สอดคล้องกับสัดส่วนเงินสดที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจต่อ GDP ที่ค่อนข้างสูง ส่วนหนึ่งมาจากความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยีการใช้จ่ายไร้เงินสดที่ยังไม่มาก อย่างไรก็ดี สัดส่วนเงินสดต่อ GDP ของไทยล่าสุดในปี 2019 อยู่ที่ร้อยละ 9.1 ซึ่งคอนข้างต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศในกลุ่ม inception และค่อนข้างใกล้เคียงกับจีนซึ่งอยู่ในระยะถัดไป (ภาพที่ 4)

จึงเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่าไทยมีการพัฒนาทางด้านการชำระเงินและประชาชนเปิดรับ cashless payments อย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะเข้าสู่สังคมไร้เงินสดได้ในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้น การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 มีส่วนทำให้การใช้เงินสดลดลงได้เช่นกันเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อ ทั้งนี้ ยังต้องติดตามต่อไปว่าปัจจัยนี้จะเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนชั่วคราวหรือถาวร ขณะเดียวกันหน่วยงานด้านสาธารณสุขหลายแห่ง อาทิ องค์กรอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) แนะนำให้ประชาชนเปลี่ยนไปใช้ cashless payments และใช้เงินสดเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการเท่าที่จำเป็นเพื่อลดการแพร่ระบาด

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของ COVID-19 มีส่วนสำคัญที่เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของประชาชน โดยทำให้ประชาชนหันมาซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์และชำระเงินผ่านระบบ e-Payments มากขึ้น จึงเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนหนึ่งที่ทำให้การใช้เงินสดลดลงได้เช่นกัน

บทสรุป

หลายปีที่ผ่านมา e-Payments ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้จ่าย และลดต้นทุนการทำธุรกรรมการโอนเงินของคนไทย โดยมีส่วนช่วยให้การใช้เงินสด (เหรียญ/ธนบัตร) ลดลง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่การใช้ e-Payments เติบโตในอัตราที่ก้าวกระโดด ยิ่งทำให้ประชาชนใช้เงินสดลดลงมากขึ้น อย่างไรก็ดี เราอาจจะสรุปได้เพียงว่า "ในปัจจุบันสังคมไทยอาจไม่ใช่ cashless แต่เป็น less cash" ในระยะข้างหน้า ไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ก้าวสู่สังคมไร้เงินสดได้โดยเฉพาะหากมีนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ e-Payments ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ของผู้ให้บริการซึ่งตอบโจทย์ความต้องการทำให้ประชาชนอยากใช้และมั่นใจในความปลอดภัย

โดย ธนพล กองพาลี

Source: สำนักข่าวอิศรา

 

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

170225DGS 5208 FX Hanuman Media Buying Banners 843150 TH    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

121224 ebc forex logo 100x33EBC

FCA ,ASIC, CYAMAN 1000 : 1 1.1 pips - STD
0 pips - Pro
$50 0.01 lots View Profile
Visit Website
020125 eightcap 100x33eightcap  ASIC, FCA, SCB, CySec  500 : 1
1.0 Pips -STD
0.0 Pips - Raw
1.0 Pips - TradingView
$20   0.01 lots

View Profile

Visits website

 

180225 logo fpmarkets 100x33

Fpmarkets

ASIC, CySec  500 : 1

ECN 0.0 Pips
Standard 1.0 Pips

$100 0.01 lots

View Profile

Visits website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"