9 แนวทาง 'ซ่อม' บาท อย่างเป็นรูปธรรม

ส่อง 9 แนวทางซ่อมค่าเงินบาท หากทำได้จะสามารถแก้ปัญหาค่าเงินบาทได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน มาดูกันว่าตรงไหนคือจุดอ่อน ตรงไหนต้องกำจัดปรับแก้ให้ดีขึ้น เดิมที ผู้เขียนตั้งใจว่าจะเขียนภาคจบของ 10 คำทำนายในอีก 10 ปีข้างหน้า

แต่ด้วยประเด็นค่าเงินบาทร้อนแรง และส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเสนอของผู้เขียนโดยตรง จึงขออนุญาตนำเสนอ 9 แนวทางที่จะแก้ปัญหาค่าเงินบาท และโครงสร้างเศรษฐกิจไทยระยะยาวได้ ดังนี้

1.ภาครัฐต้องเปลี่ยน Mindset เพราะปัญหาค่าเงินบาทแข็ง เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกิดจากความผิดพลาดของนโยบายการเงิน การคลัง และนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจไทยเป็นหลัก อาการบาทแข็ง เงินเฟ้อต่ำ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง การลงทุนต่ำ ความสามารถในการแข็งขันลดลง เป็นกลุ่มปัญหาที่เกิดจากรากเหง้าเดียวกันทั้งสิ้น คือ แนวนโยบายที่อนุรักษ์นิยมและคำนึงถึงเสถียรภาพจนเกินไป รวมถึงไม่มีการพิจารณาปัญหาเป็นองค์รวม จึงต้องมีการแก้ปัญหาแบบบูรณาการ ถ้าเพียงคิดแต่ว่าปัญหาค่าเงินบาทเป็นปัญหาของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพียงองค์กรเดียว ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้

2.ธปท.ควรศึกษาความสัมพันธ์ของเงินเฟ้อในไทย ว่าเกิดจาก Demand pull หรือจากเศรษฐกิจที่ร้อนแรงขึ้นทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมี ดังเห็นได้จากความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันกับเงินเฟ้อไทย ที่อยู่ในระดับสูงถึง 60-70% บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อไทยส่วนใหญ่เป็น Cost push ทั้งสิ้น ซึ่งนั่นแปลว่า การใช้ดอกเบี้ยนโยบายมาคุมเงินเฟ้อที่เป็นผลจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นความคิดที่ผิด ต้องคุมที่อัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมันที่เป็นปัจจัยการผลิตและการขนส่งที่สำคัญ เมื่อใดที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น บาทก็จะต้องแข็งเพื่อ Offset และทำให้เงินเฟ้อไม่ขึ้นมาก แต่เมื่อใดที่ราคาน้ำมันถูก บาทก็สามารถอ่อนได้

3.สภาพัฒน์หรือ สศช. ควรศึกษาความสัมพันธ์ของภาคส่วนเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าและบริการทั้งหมด (โดยเฉพาะการท่องเที่ยว) ในเชิงจุลภาคเนื่องจากประเทศไทยเป็น Small-open economy การส่งออกทั้งสินค้าและบริการเป็นแหล่งรายได้หลักของไทย (กว่า 70% ของ GDP) หากรายได้จากการส่งออกและท่องเที่ยวรูปเงินบาทดีขึ้น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องก็จะดีขึ้น ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่า รายได้ของภาคเศรษฐกิจไทยเกี่ยวข้องกับการส่งออกและการท่องเที่ยวโดยรวมไม่น้อยกว่า 85% (ส่งออกสินค้า 70% ของเศรษฐกิจไทย ส่งออกบริการที่รวมการท่องเที่ยว 15%)

4.กระทรวงการคลัง ควรเสนอกฎหมายยกเลิกการยึดเป้าหมายเงินเฟ้อในการทำนโยบายการเงิน และหันไปใช้เป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนแทนโดยหากอัตราแลกเปลี่ยนมีความสำคัญทั้งด้านเสถียรภาพราคา (คุมเงินเฟ้อได้) และการเติบโตเศรษฐกิจ (เพราะเศรษฐกิจส่วนใหญ่เกี่ยวข้องโดยตรงหรือโดยอ้อมกับรายได้การส่งออกสินค้าและบริการในรูปเงินบาท) อัตราแลกเปลี่ยนก็ควรเป็นเป้าหมายหลักในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนโยบายการเงิน แทนที่จะไปยึดเป้าหมายเงินเฟ้อโดยใช้ดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือ เนื่องจากในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา การใช้ดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือในการทำนโยบายการเงินนั้นไม่สามารถทำให้เงินเฟ้ออยู่ในเป้าหมายได้ แต่ส่งผลลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

5.ธปท. ควรปรับเปลี่ยนเป้าหมายนโยบายการเงินจากการผลักดันให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 1-3% เพียงเป้าหมายเดียว (แต่ไม่สามารถบรรลุได้ เนื่องจากมีเป้าหมายอื่น ๆ ทับซ้อนและไม่ประกาศเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น เป้าหมายการคุมหนี้ครัวเรือน เป้าหมายการดำรงเงินกองทุนของสถาบันการเงินต่อสินทรัพย์เสี่ยง เป็นต้น)เป็น 3 เป้าหมายชัดเจน คือ (1) ดัชนีค่าเงินบาท (NEER หรือค่าเงินบาทไทยเทียบกับสกุลคู่ค้าคู่แข่ง) จะต้องอ่อนค่าลง 20% ใน 3 ปี (เพื่อให้กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับค่าเงินภูมิภาค) (2) ค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อใน 3 ปีข้างหน้าจะต้องอยู่ที่ 3% และ (3) หนี้ครัวเรือนกลับไปอยู่ที่ระดับ 70% ของ GDP ใน 3 ปี

6.ธปท. ควรปรับเปลี่ยนโครงสร้างคณะกรรมการนโยบายการเงินโดยเพิ่มจำนวนคณะกรรมการจาก 7 เป็น 10 ท่าน โดยในอีก 3 ท่านคือ (1) ผู้ทรงคุณวุฒิในตลาดการเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (2) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ และ (3) นักวิชาการอิสระ โดยหน้าที่หลักของคณะกรรมการนโยบายการเงินคือ ผลักดันเป้าหมายนโยบายการเงินใหม่ให้ได้ตามเป้า

7.กระทรวงการคลังควร ปรับ พรบ. วินัยการเงินการคลังโดยตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนดังนี้ (1) งบลงทุนจะต้องมีสัดส่วนเกิน 25% ของงบประมาณรัฐ ตามกรอบความยั่งยืนการคลัง (2) อัตราการเบิกจ่ายงบลงทุน จะต้องได้ 90% ของงบประมาณ ณ สิ้นปีงบประมาณ (3) มีการตั้งคณะกรรมการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนในกรอบของคณะรัฐมนตรี และให้สศช. นำเสนอวิธีการที่เป็นรูปธรรมในการผลักดันสัดส่วนการลงทุนภาครัฐต่อ GDP จาก 6% เป็น 10% ใน 3 ปีข้างหน้า

8.สศช.ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ควรนำเสนอแผนยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านการขนส่งทั้งแผนระยะยาว 3 ปี และแผนปฏิบัติการระยะเร่งด่วน 1 ปี โดยเน้นโครงการที่มีแผนงานไว้อยู่แล้ว เช่น รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ สถานีขนส่งสินค้า Motorway และท่าเรือ และให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และสำนักงบประมาณ นำเสนอแผนการในการระดมทุน โดยให้อยู่ในแนวคิดที่ว่าภาครัฐจะระดมทุนและดำเนินโครงการที่กระทรวงคมนาคมเสนอเองทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องดำเนินการผ่านการร่วมทุนภาครัฐและเอกชน (PPP) เพื่อความรวดเร็ว ไม่ล่าช้า แต่ยังจะอยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลัง (โดยหนี้สาธารณะไม่เกิน 60% ของ GDP)

9.สศช. กระทรวงการคลัง ธปท. และสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ ควรนำเสนอแผนที่เป็นรูปธรรมในการเปิดเสรีการค้า บริการ การเงินและเงินทุน และการเคลื่อนย้ายแรงงานตามกรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยเพิ่มสัดส่วนการเปิดเสรีในธุรกิจบริการ การเงิน และแรงงานมีฝีมือให้เป็นไปตามกรอบ ASEAN Framework Agreement on Services (AFAS), Financial Sub-sectors Liberalization และ MRA on Architectural and Engineering services ที่ปัจจุบันล่าช้าเกินกว่ากรอบแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

ผู้เขียนเชื่อว่า การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน การผลักดันการลงทุนภาครัฐ และการเปิดเสรีต่าง ๆ จะเป็นส่วนเหนี่ยวนำให้การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น ทำให้การลงทุนรวมของไทยเพิ่มขึ้น บัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลง รวมถึงทำให้ภาคการผลิตไทยเกิดการแข่งขัน สามารถสร้างสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูง ผู้ผลิตสามารถมีกำลังต่อรองด้านราคาได้มากขึ้น ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและเงินบาทอ่อนลงได้

หากทางการไทยสามารถดำเนินตามแนวทางที่เสนอแนะแล้วนั้น จะสามารถแก้ปัญหาค่าเงินบาทอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนได้

[บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัดอยู่]

โดย ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ | คอลัมน์ GLOBAL VISION

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ส่อง 9 แนวทางซ่อมค่าเงินบาท หากทำได้จะสามารถแก้ปัญหาค่าเงินบาทได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน มาดูกันว่าตรงไหนคือจุดอ่อน ตรงไหนต้องกำจัดปรับแก้ให้ดีขึ้น

เดิมที ผู้เขียนตั้งใจว่าจะเขียนภาคจบของ 10 คำทำนายในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่ด้วยประเด็นค่าเงินบาทร้อนแรง และส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเสนอของผู้เขียนโดยตรง จึงขออนุญาตนำเสนอ 9 แนวทางที่จะแก้ปัญหาค่าเงินบาท และโครงสร้างเศรษฐกิจไทยระยะยาวได้ ดังนี้

1.ภาครัฐต้องเปลี่ยน Mindset เพราะปัญหาค่าเงินบาทแข็ง เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกิดจากความผิดพลาดของนโยบายการเงิน การคลัง และนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจไทยเป็นหลัก อาการบาทแข็ง เงินเฟ้อต่ำ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง การลงทุนต่ำ ความสามารถในการแข็งขันลดลง เป็นกลุ่มปัญหาที่เกิดจากรากเหง้าเดียวกันทั้งสิ้น คือ แนวนโยบายที่อนุรักษ์นิยมและคำนึงถึงเสถียรภาพจนเกินไป รวมถึงไม่มีการพิจารณาปัญหาเป็นองค์รวม จึงต้องมีการแก้ปัญหาแบบบูรณาการ ถ้าเพียงคิดแต่ว่าปัญหาค่าเงินบาทเป็นปัญหาของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพียงองค์กรเดียว ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้

2.ธปท.ควรศึกษาความสัมพันธ์ของเงินเฟ้อในไทย ว่าเกิดจาก Demand pull หรือจากเศรษฐกิจที่ร้อนแรงขึ้นทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมี ดังเห็นได้จากความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันกับเงินเฟ้อไทย ที่อยู่ในระดับสูงถึง 60-70% บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อไทยส่วนใหญ่เป็น Cost push ทั้งสิ้น ซึ่งนั่นแปลว่า การใช้ดอกเบี้ยนโยบายมาคุมเงินเฟ้อที่เป็นผลจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นความคิดที่ผิด ต้องคุมที่อัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมันที่เป็นปัจจัยการผลิตและการขนส่งที่สำคัญ เมื่อใดที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น บาทก็จะต้องแข็งเพื่อ Offset และทำให้เงินเฟ้อไม่ขึ้นมาก แต่เมื่อใดที่ราคาน้ำมันถูก บาทก็สามารถอ่อนได้

3.สภาพัฒน์หรือ สศช. ควรศึกษาความสัมพันธ์ของภาคส่วนเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าและบริการทั้งหมด (โดยเฉพาะการท่องเที่ยว) ในเชิงจุลภาคเนื่องจากประเทศไทยเป็น Small-open economy การส่งออกทั้งสินค้าและบริการเป็นแหล่งรายได้หลักของไทย (กว่า 70% ของ GDP) หากรายได้จากการส่งออกและท่องเที่ยวรูปเงินบาทดีขึ้น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องก็จะดีขึ้น ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่า รายได้ของภาคเศรษฐกิจไทยเกี่ยวข้องกับการส่งออกและการท่องเที่ยวโดยรวมไม่น้อยกว่า 85% (ส่งออกสินค้า 70% ของเศรษฐกิจไทย ส่งออกบริการที่รวมการท่องเที่ยว 15%)

4.กระทรวงการคลัง ควรเสนอกฎหมายยกเลิกการยึดเป้าหมายเงินเฟ้อในการทำนโยบายการเงิน และหันไปใช้เป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนแทนโดยหากอัตราแลกเปลี่ยนมีความสำคัญทั้งด้านเสถียรภาพราคา (คุมเงินเฟ้อได้) และการเติบโตเศรษฐกิจ (เพราะเศรษฐกิจส่วนใหญ่เกี่ยวข้องโดยตรงหรือโดยอ้อมกับรายได้การส่งออกสินค้าและบริการในรูปเงินบาท) อัตราแลกเปลี่ยนก็ควรเป็นเป้าหมายหลักในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนโยบายการเงิน แทนที่จะไปยึดเป้าหมายเงินเฟ้อโดยใช้ดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือ เนื่องจากในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา การใช้ดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือในการทำนโยบายการเงินนั้นไม่สามารถทำให้เงินเฟ้ออยู่ในเป้าหมายได้ แต่ส่งผลลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

5.ธปท. ควรปรับเปลี่ยนเป้าหมายนโยบายการเงินจากการผลักดันให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 1-3% เพียงเป้าหมายเดียว (แต่ไม่สามารถบรรลุได้ เนื่องจากมีเป้าหมายอื่น ๆ ทับซ้อนและไม่ประกาศเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น เป้าหมายการคุมหนี้ครัวเรือน เป้าหมายการดำรงเงินกองทุนของสถาบันการเงินต่อสินทรัพย์เสี่ยง เป็นต้น)เป็น 3 เป้าหมายชัดเจน คือ (1) ดัชนีค่าเงินบาท (NEER หรือค่าเงินบาทไทยเทียบกับสกุลคู่ค้าคู่แข่ง) จะต้องอ่อนค่าลง 20% ใน 3 ปี (เพื่อให้กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับค่าเงินภูมิภาค) (2) ค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อใน 3 ปีข้างหน้าจะต้องอยู่ที่ 3% และ (3) หนี้ครัวเรือนกลับไปอยู่ที่ระดับ 70% ของ GDP ใน 3 ปี

6.ธปท. ควรปรับเปลี่ยนโครงสร้างคณะกรรมการนโยบายการเงินโดยเพิ่มจำนวนคณะกรรมการจาก 7 เป็น 10 ท่าน โดยในอีก 3 ท่านคือ (1) ผู้ทรงคุณวุฒิในตลาดการเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (2) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ และ (3) นักวิชาการอิสระ โดยหน้าที่หลักของคณะกรรมการนโยบายการเงินคือ ผลักดันเป้าหมายนโยบายการเงินใหม่ให้ได้ตามเป้า

7.กระทรวงการคลังควร ปรับ พรบ. วินัยการเงินการคลังโดยตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนดังนี้ (1) งบลงทุนจะต้องมีสัดส่วนเกิน 25% ของงบประมาณรัฐ ตามกรอบความยั่งยืนการคลัง (2) อัตราการเบิกจ่ายงบลงทุน จะต้องได้ 90% ของงบประมาณ ณ สิ้นปีงบประมาณ (3) มีการตั้งคณะกรรมการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนในกรอบของคณะรัฐมนตรี และให้สศช. นำเสนอวิธีการที่เป็นรูปธรรมในการผลักดันสัดส่วนการลงทุนภาครัฐต่อ GDP จาก 6% เป็น 10% ใน 3 ปีข้างหน้า

8.สศช.ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ควรนำเสนอแผนยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านการขนส่งทั้งแผนระยะยาว 3 ปี และแผนปฏิบัติการระยะเร่งด่วน 1 ปี โดยเน้นโครงการที่มีแผนงานไว้อยู่แล้ว เช่น รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ สถานีขนส่งสินค้า Motorway และท่าเรือ และให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และสำนักงบประมาณ นำเสนอแผนการในการระดมทุน โดยให้อยู่ในแนวคิดที่ว่าภาครัฐจะระดมทุนและดำเนินโครงการที่กระทรวงคมนาคมเสนอเองทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องดำเนินการผ่านการร่วมทุนภาครัฐและเอกชน (PPP) เพื่อความรวดเร็ว ไม่ล่าช้า แต่ยังจะอยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลัง (โดยหนี้สาธารณะไม่เกิน 60% ของ GDP)

9.สศช. กระทรวงการคลัง ธปท. และสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ ควรนำเสนอแผนที่เป็นรูปธรรมในการเปิดเสรีการค้า บริการ การเงินและเงินทุน และการเคลื่อนย้ายแรงงานตามกรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยเพิ่มสัดส่วนการเปิดเสรีในธุรกิจบริการ การเงิน และแรงงานมีฝีมือให้เป็นไปตามกรอบ ASEAN Framework Agreement on Services (AFAS), Financial Sub-sectors Liberalization และ MRA on Architectural and Engineering services ที่ปัจจุบันล่าช้าเกินกว่ากรอบแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

ผู้เขียนเชื่อว่า การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน การผลักดันการลงทุนภาครัฐ และการเปิดเสรีต่าง ๆ จะเป็นส่วนเหนี่ยวนำให้การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น ทำให้การลงทุนรวมของไทยเพิ่มขึ้น บัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลง รวมถึงทำให้ภาคการผลิตไทยเกิดการแข่งขัน สามารถสร้างสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูง ผู้ผลิตสามารถมีกำลังต่อรองด้านราคาได้มากขึ้น ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและเงินบาทอ่อนลงได้

หากทางการไทยสามารถดำเนินตามแนวทางที่เสนอแนะแล้วนั้น จะสามารถแก้ปัญหาค่าเงินบาทอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนได้

[บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัดอยู่]

โดย ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ | คอลัมน์ GLOBAL VISION

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact

230424 icm 100x33

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

XM

FCA, ASIC,IFSC,
CySec
1000 : 1 1 pips – Micro
1 pips – Standard

0 pips - Ultra low
$5 0.01 lots View Profile
Visit Website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"