เศรษฐกิจชะลอ ดอกเบี้ยลง … ทำไมบาทถึงยังแข็ง

การแข็งค่าของเงินบาท ถือเป็นประเด็นที่มีการพูดถึงกันต่อเนื่องมาโดยตลอดในปีนี้ เพราะเงินบาทมีการแข็งค่ามากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ต้นปี ทั้งๆที่ในปีนี้เศรษฐกิจไทยมีการชะลอตัวลงอันเป็นผลมาจากสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกที่เติบโตช้าลง

ธนาคารแห่งประเทศไทยเองก็แสดงความกังวล ในประเด็นการแข็งค่าของค่าเงินบาทจนมีการออกมาตรการต่างๆ รวมถึงการประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย ที่หลายฝ่ายคาดหวังว่าจะมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่า

อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน สถานการณ์เงินบาทไทยก็ยังไม่ได้ดีขึ้นเท่าไรนัก เมื่อเทียบช่วงตอนต้นปี เงินบาทไทยต่อดอลลาร์สหรัฐมีการแข็งค่าขึ้นกว่า 6.75% มาอยู่ที่ระดับ 30.48 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลเมื่อวันที่ 23 กันยายน 62) และในช่วงอาทิตย์ก่อนหน้านั้นเคยแข็งค่าลงไปถึง 30.38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ที่ถือว่าเป็นระดับค่าเงินที่ต่ำสุดในรอบ 6 ปีเลยทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น เงินบาทไทยยังแข็งค่าขึ้นมากกว่าสกุลเงินอื่นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นประเทศในละแวกบ้านเราอย่างสิงคโปร์ หรือ ประเทศพัฒนาแล้วที่พื้นฐานทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งอย่างญี่ปุ่น ที่แม้ค่าเงินจะแข็งค่าขึ้นแต่ก็ยังแข็งไม่เท่าเงินบาท โดยเมื่อนำสกุลเงินบาทไทยมาเปรียบเทียบ เงินบาทไทยล้วนแล้วแต่แข็งค่าขึ้นกว่าสกุลเงินหลักอื่นๆในเอเชียและทั่วโลก

ข้อมูลนี้สอดคล้องกับดัชนีค่าเงินบาท NEER (Nominal Effective Exchange Rate) ที่ใช้เปรียบเทียบสกุลเงินบาทกับสกุลเงินประเทศอื่นๆที่เป็นคู่ค้ากับไทย โดย ดัชนีเงินบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีกว่า 6.8% แสดงให้เห็นว่าไทยเรามีค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นอย่างชัดเจน

ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ต้นปี 2562 เงินบาทไทยเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก จากข้อมูลสกุลเงิน 140 สกุลเงินทั่วโลก สกุลเงินบาทของไทยมีการแข็งค่ามากเป็นอันดับ 4 ของโลก และถือว่าแข็งค่ามากที่สุดในเอเชีย

วันนี้เราเลยอยากมาช่วยอธิบายว่าเราจะเข้าใจเงินบาทไทยให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง

บาทแข็งค่า = ใครๆก็ต้องการบาทไทย
ก่อนจะไปตามหาสาเหตุการแข็งค่าของเงินบาทไทย เราควรเข้าใจกันก่อนว่า “การแข็งค่าของเงินบาทไทย” แสดงถึงอะไรกันแน่ หากจะอธิบายให้ฟังอย่างคร่าวๆ การที่เงินบาทไทยแข็งค่า แสดงให้เห็นว่าเงินบาทไทยนั้นมีมูลค่าในตัวมันเองเพิ่มมากขึ้น เพราะเดิมอย่างเมื่อปลายปีที่แล้วที่อัตราค่าเงินอยู่ที่ประมาณ 32.4 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ หมายความว่า เราต้องใช้เงิน 32.4 บาท เพื่อแลก 1 ดอลล่าร์สหรัฐ แต่ตอนนี้เราใช้เงินแค่ 30.5 บาทเพื่อแลก 1 ดอลลาร์ หมายความว่าเงินบาทไทยมีมูลค่ามากขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

การที่มูลค่าเงินบาทเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวเนื่องกับหลักการทางเศรษฐศาสตร์ อย่างอุปทาน (Demand) และอุปสงค์ (Supply) กล่าวคือ ราคาสินค้าจะเพิ่มสูงขึ้น มาจากสองกรณี คือ เมื่อความต้องการซื้อสินค้านั้นเพิ่มขึ้น และ เมื่อความต้องการขายสินค้านั้นลดลง ในกรณีของเงินบาทก็เช่นกัน การที่ความต้องการถือหรือใช้เงินบาทมีเพิ่มมากขึ้น ย่อมจะส่งผลให้มูลค่าของเงินบาทเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น และส่งผลต่อเนื่องทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น

แล้วความต้องการเงินบาทที่เพิ่มขึ้นมาจากอะไร
เราสามารถรู้ความต้องการเงินบาทผ่านการศึกษาสิ่งที่เรียกว่า ดุลการชำระเงิน หรือ Balance of Payment ซึ่งเป็นบัญชีที่ระบุถึงปริมาณเงินตราต่างประเทศที่ไหลเข้าออกประเทศไทยผ่านทางช่องทางต่างๆ แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการเงินบาทมากน้อยเพียงใด ซึ่ง Balance of payment จะมี 2 องค์ประกอบหลักๆ คือ

1.ดุลบัญชีเดินสะพัด หรือ Current Account ซึ่งเป็นเงินสกุลต่างประเทศที่ไหลเข้ามาผ่านการค้าทั้งสินค้าและบริการ ประกอบด้วย ดุลการค้า (การส่งออกหักลบด้วยการนำเข้า) และดุลบริการ (รายได้จากต่างชาติเที่ยวไทยหักลบด้วยรายจ่ายที่คนไทยออกไปเที่ยวต่างประเทศ) รวมถึงรายได้จากบริษัทไทยไปลงทุนต่างประเทศลบด้วยรายได้ที่บริษัทต่างชาติในไทยส่งกลับประเทศตัวเอง
2.ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้าย หรือ Financial Account อันนี้จะเป็นเงินสกุลต่างประเทศที่ไหลเข้ามาผ่านบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนหักลบด้วยเงินลงทุนที่บริษัทไทยนำออกไปลงทุนต่างประเทศ ทั้งการลงทุนโดยตรง (Direct Investment) การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน (Portfolio Investment) และสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ อย่างสินเชื่อการค้าและเงินกู้ต่างๆ

ดุลการชำระเงินของแต่ละประเทศจะมีลักษณะ รายละเอียด และขนาดต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน เราจะเห็นความคล้ายคลึงกันทางรูปแบบเศรษฐกิจ ที่แต่ละประเทศต่างก็พึงพิงการส่งออกเป็นหลักมากกว่าการนำเข้า ส่งผลให้ดุลการค้าเป็นบวก ทั้งอินโดนีเซีย เวียดนาม และ สิงคโปร์

ในทางทฤษฎี ค่าเงินจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหากดุลการชำระเงินเป็นศูนย์ เพราะปริมาณเงินสกุลต่างประเทศที่ไหลเข้าสอดคล้องกับปริมาณเงินที่ไหลออกทำให้ความต้องการเงินบาทไม่เปลี่ยนแปลง แต่ถ้าหากดุลการชำระเงินเกินดุล (Surplus) หมายความว่ามีเงินสกุลต่างประเทศไหลเข้ามาในประเทศไทยมาก ทำให้มีความต้องการเงินบาทเพิ่มสูงมากขึ้น ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ดังนั้น การเกินดุลการชำระเงินจะแสดงทิศทางค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ในทางตรงกันข้าม ค่าเงินบาทจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง หากดุลบัญชีชำระเงินเริ่มขาดดุล

ประเทศที่มีการเกินดุลการชำระเงิน หรือ Balance of Payment ในระดับที่สูงกว่า มักจะมีการแข็งค่ามากกว่า (หรืออ่อนค่าน้อยกว่า) เมื่อเทียบกับประเทศที่เกินดุลน้อยกว่าหรือขาดดุล

แล้วพัฒนาการดุลการชำระเงินของไทยเป็นอย่างไร ?
หากเราลองมาศึกษาทิศทางความเป็นไปของดุลการชำระเงินของไทย เราพบว่าดุลการชำระเงินมีพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ในเชิงรายละเอียดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2014 มีการเกินดุลต่อเนื่องมาโดยตลอด ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการเกินดุลต่อเนื่อง คือภาคการท่องเที่ยวของไทยที่มีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้มีเงินต่างประเทศไหลเข้ามายังประเทศไทยมากขึ้น โดยมูลค่ารายรับจากการท่องเที่ยวไทยที่เคยอยู่ที่ไตรมาสละ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อช่วงปี 2012 ทะยานขึ้นมาสูงเป็นเท่าตัวมาอยู่ที่ระดับ 16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน ทำให้มูลค่าการส่งออกบริการเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน โดยมูลค่าการส่งออกบริการที่เคยขาดดุล 4 แสนล้านบาทในปี 2008 กลับมาเติบโตจนเกินดุล ในปี 2013 และเติบโตต่อเนื่องเรื่อยๆ จนในปี 2018 ประเทศไทยมีการส่งออกบริการสุทธิเกินดุลทั้งสิ้น 8 แสนล้านบาท ในปี 2019 เอง หากพิจารณาช่วงครึ่งปีแรกจะพบว่า มูลค่าการส่งออกบริการเกินดุลอยู่ที่ประมาณเกือบ 4 แสนล้านบาท

ในขณะที่บัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายของไทย แม้จะมีขนาดเล็กกว่าดุลบัญชีเดินสะพัด แต่ก็มีทิศทางตรงกันข้ามมาตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายของไทยติดลบต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2013 ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็เนื่องจากการลงทุนในต่างประเทศที่มากขึ้นของบริษัทไทย ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยมีการเกินดุลการชำระเงินสุทธิ โดยในปี 2018 ดุลการชำระเงินของไทยเกินดุล 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.3% ต่อ GDP

ทั้งนี้ เมื่อเราเปรียบเทียบการเคลื่อนไหวของเงินบาทไทยในระยะยาว เราจะเห็นได้ว่าเงินบาทไทยมีการเคลื่อนไหวสอดคล้องกับดุลการชำระเงิน นั่นคือ ในช่วงที่ประเทศไทยมีการเกินดุลเพิ่มมากขึ้นความต้องการเงินบาทจะเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าตามลำดับ ในขณะเดียวกัน หากประเทศไทยมีการขาดดุลบัญชีชำระเงิน ค่าเงินบาทก็จะมีแนวโน้มอ่อนค่าลงเช่นกัน

ดังนั้น ในเบื้องต้น เราจะเห็นกันได้ว่า ดุลบัญชีชำระเงินเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการทำความเข้าใจทิศทางค่าเงินบาท ซึ่งหากเราต้องการจะเข้าใจถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทให้ละเอียดขึ้นไปมากกว่านี้ เราก็ควรศึกษารายละเอียดองค์ประกอบภายในของทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม

ในตอนต่อไป เราจะมาดูกันว่า ในปีที่ผ่านมานี้ มีองค์ประกอบส่วนใดของดุลบัญชีเดินสะพัด หรือ ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ส่งผลก่อให้เกิดการแข็งค่าของค่าเงินบาทได้มากขนาดนี้

โดย กันตภณ อมรรัตน์ และ ดวงรัตน์ ประจักษ์ศิลป์ไทย
TMB Analytics

Source: ThaiPublica

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

XM

FCA, ASIC,IFSC,
CySec
1000 : 1 1 pips – Micro
1 pips – Standard

0 pips - Ultra low
$5 0.01 lots View Profile
Visit Website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"