เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ทางการสหรัฐอเมริกาประกาศปรับสถานะของจีนจากสถานะของประเทศคู่ค้าของสหรัฐอเมริกาที่ต้องจับตามองว่าบิดเบือนค่าเงินให้เป็นประเทศคู่ค้าที่บิดเบือนค่าเงินของตนเองในตลาดเพื่อผลประโยชน์ของตนเองอย่างไม่เป็นธรรม
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นมา ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทางการจีนปล่อยให้ค่าเงินหยวน หรือเหรินเหมินปี้ ของตนลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าทศวรรษต่ำกว่าแนวต้านเชิงจิตวิทยาของตลาดเงินซึ่งอยู่ที่ 7.0 หยวนต่อดอลลาร์เป็นครั้งแรกเพียงวันเดียวเท่านั้น และเป็นความเคลื่อนไหวที่นักลงทุนทั่วไปถือว่าเป็นสัญญาณแสดงการลุกลามขยายตัวของสงครามการค้าที่ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว
การกำหนดให้จีนเป็นประเทศที่บิดเบือนค่าเงินครั้งนี้เริ่มต้นด้วยการทวีตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาจีนอย่างรุนแรงว่าเจตนาปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงเพื่อ "ปล้นธุรกิจและโรงงานของเรา" ไม่นานต่อมากระทรวงการคลังออกแถลงการณ์ระบุว่า นายสตีฟ มนูชิน ในฐานะรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี ได้ชี้ขาดในวันนี้ว่า จีน คือประเทศที่ใช้มาตรการบิดเบือนค่าเงิน ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐสามารถส่งเรื่องร้องเรียนต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ ในเวลาเดียวกันก็สามารถใช้เป็นเหตุผลให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐนำเอามาตรการขึ้นภาษีหรืออื่นๆ มาใช้เพื่อตอบโต้และลงโทษได้
สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าจากจีนมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มเติมจากที่เคยปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ ทำให้ปริมาณสินค้าเข้าจากจีนตกอยู่ในข่ายถูกขึ้นภาษีแล้วเกือบหมดทั้ง 600,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกที่วิตกมากขึ้นตามลำดับว่า สถานการณ์กำลังลามออกไปนอกเหนือการควบคุมมากขึ้นทุกที ซึ่งจะส่งผลทางลบต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศรวมไปถึงเศรษฐกิจของโลก ทั้งยังเกรงกันว่าความขัดแย้งนี้จะส่งผลให้เกิดสงครามค่าเงินที่ทุกประเทศหาทางลดค่าเงินตัวเองเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันขึ้นตามมา
การขึ้นภาษีครั้งหลังสุดของสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ค่าเงินหยวนในตลาดต่างประเทศลดลง 2.3 เปอร์เซ็นต์ ในเวลาเพียง 3 วัน ซึ่งหากดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและค่าหยวนลดลงอีกเพียงไม่ถึง 8 เปอร์เซ็นต์ ก็จะส่งผลให้มาตรการขึ้นภาษี 10 เปอร์เซ็นต์ ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อสินค้าจีนที่ได้ส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยนมาชดเชยทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่ถึง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟเพิ่งเผยแพร่รายงานระบุว่า ค่าเงินหยวนของจีนสอดคล้องกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศในเวลานี้ ในขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าเกินจริงอยู่ระหว่าง 6 เปอร์เซ็นต์ ถึง 12 เปอร์เซ็นต์
ธนาคารประชาชนจีน (พีบีโอซี) หรือธนาคารกลางของจีนตอบโต้ข้อกล่าวหาของสหรัฐอเมริการะบุว่า ค่าเงินหยวนได้รับผลกระทบจากมาตรการทางภาษีฝ่ายเดียวและเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา และยืนยันว่า เงินหยวนยังคงมีเสถียรภาพพร้อมประกาศปราบปรามการเก็งกำไรและรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวนตามความคาดหวังของตลาดต่อไป
ในขณะที่พีเพิลส์ เดลี สื่อทางการจีนออกมา กล่าวหาสหรัฐอเมริกาว่าพยายามทำลายระเบียบการระหว่างประเทศ จับพลเรือนของตัวเองเป็นตัวประกัน ขาดความรับผิดชอบในฐานะประเทศยักษ์ใหญ่ที่ต้องรักษาเสถียรภาพและความแน่นอนของสถานการณ์ให้เอื้อต่อการพัฒนาของทุกๆ ประเทศ แต่กลับดำเนินการในทางตรงกันข้ามทั้งหมด นอกจากนั้นสื่อของทางการจีนจำนวนหนึ่งยังระบุด้วยว่า จีนได้สั่งระงับการสั่งซื้อสินค้าเกษตรทั้งหมดจากสหรัฐอเมริกาแล้วเพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีใหม่ครั้งนี้
Source: ข่าวหุ้น
เพิ่มเติม
- China's Yuan Fix Is Unmissable These Days for Currency Traders
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you