"ฮิตเล่อร์" ผู้นำของพรรคนาซีเยอรมันนั้นเป็นผู้ร้ายและนักวางแผนชั้นเลิศ ก่อนการบุกเพื่อนบ้าน "ออสเตรีย" ที่เป็นบ้านเกิดของเขาเองที่มีคนเชื้อสายเยอรมันมากมาย ในปี 1938 นั้น, เขาได้มีการวางแผนไว้เป็นอย่างดีและรอบคอบ
โดยจุดประสงค์ นอกจากจะ "ปล้นทอง" จากทุกประเทศที่เข้าไปโจมตีเพื่อเอาเป็นทรัพย์สินในการซื้อจ่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ยามสงครามแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่ฮิตเล่อร์เตรียมการไว้
... โดยผู้นำนาซีบอกว่าในยามสงครามที่กำลังจะก่อเกิดนั้นเยอรมันต้องพึ่งตัวเองได้ครบกระบวนการทั้งวัสดุ เช่น ถ่านหิน น้ำมัน เหล็ก ทองแดง ดีบุก หรือแม้แต่ภาคอาหารการกินทางการเกษตร ที่หลายส่วนต้องโจมตียึดจากประเทศยุโรปอื่นๆมา
... โดยสองประเทศแรกที่เขาตั้งใจจะยึดก็คือ ออสเตรีย และเชคโกสโลวาเกีย ( ชื่อเดิมในตอนนั้น ) ที่มีคนพูดและเชื้อสายเยอรมันอยู่มากมายโดยอ้างการสร้างชาติยิ่งใหญ่ร่วมกัน แต่ปัญหาเกิดเพราะผู้นำออสเตรียไม่ต้องการรวมจึงต้องมีการใช้กำลังในท้ายที่สุด
... ก่อนการใช้กำลังนั้น หลายปีก่อนหน้า ฮิตเล่อร์ได้ไข่พรรคนาซีในออสเตรียไว้แล้วทั้งส่งหน่วยราชการลับไปที่นั่นและสนับสนุนนักการเมืองพรรคนาซีที่เยอรมันหนุนหลังในออสเตรีย และพยายามดันให้มีอำนาจในนั้น, จนแม้กระทั่งส่งรายชื่อนักการเมืองของนาซีออสเตรีย ให้ผู้ปกครองออสเตรียแต่งตั้งตามที่ตนต้องการ ที่ถือว่าเป็นการหยามเกียรติมาก ผู้นำออสเตรียจึงพยายามโยนเผือกไปให้ประชาชนในรูปการออกเสียงลงประชามติ ว่าจะรวมกับเยอรมันหรือไม่ ?
... ฮิตเล่อร์ไม่พอใจการลงประชามติมาก จึงขู่โดยการส่งกองทหารนาซีประชิดพรมแดนและปิดทางรถไฟระหว่างสองประเทศ และยื่นคำขาดให้ทางการออสเตรียยกเลิกการประชามติด่วน ไม่งั้นเอากองทหารบุกแน่
... เนื่องจากผู้นำออสเตรียดีมาก แต่ไม่อยากเสียเลือดเนื้อจึงทำตามทุกอย่าง ยอมยกเลิกการลงประชามติให้ทัพเยอรมันเข้าครองประเทศแต่โดยดี
... แต่ก่อนบุกออสเตรียนั้น ฮิตเล่อร์ได้ส่งคนไปแจ้งและเจรจากับมุสโสลินีผู้นำอิตาลีก่อน เพราะเขาเกรงใจผู้นำอิตาลีมาก จนขนาดที่อิตาลียินยอมให้นาซียึดออสเตรียแล้ว ฮิตเล่อร์ถึงกับส่งจดหมายไปอีกรอบแสดงความขอบคุณและจะไม่ลืมบุญคุณในการยินยอมครั้งนี้ , เพราะในสายตาของอิตาลี ออสเตรีย เป็นเหมือนเมืองบริวาร อาณานิคมของตน
... ไม่เฉพาะในยุโรป ที่ในอาฟริกาก็เช่นกัน เยอรมันนาซีก็กลับมารื้อฟื้นยึดคืนอาณานิคมเดิมของตนอีกครั้งโดยเฉพาะในทางตะวันตกเฉียงใต้ ก็เพื่อทรัพยากรยามสงครามที่กำลังจะสร้าง
... เมื่อได้ ออสเตรีย เป็นเมืองขึ้นสิ่งที่สำคัญนอกจาก "ปล้นทองคำ" ก็คือการบังคับลดค่าเงินของ "ออสเตรีย"
... จากเดิมก่อนการยึด อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 มาร์ค เยอรมัน ต่อ 1.1 ชิลลิ่ง ออสเตรีย แต่พอเยอรมันเข้ามาก็บังคับให้เปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนใหม่เป็น 1 มาร์ค ต่อ 2 ชิลลิ่ง
... ที่มีผลทำให้เงินมาร์คเยอรมัน มีค่ามากขึ้นเกือบสองเท่าในทันที ทหารเยอรมันนาซีจึงอยู่แบบราชา ยิ่งกว่านั้นยังเอาเงินไปซื้อสินค้าออสเตรียส่งกลับบ้านให้ได้อิ่มท้องตามไปด้วย , และเมื่อทหารที่ออสเตรียอิ่ม ครอบครัวที่บ้านเยอรมันก็อิ่ม คนก็ยิ่งนิยมพรรคนาซีและสนับสนุนพวกเขามากขึ้น จนไม่สนใจความเจ็บปวดของเพื่อนบ้านที่ถูกยึด ครอบครองแต่ถูกเอาเปรียบ
... และที่สำคัญเยอรมันนาซี มีนโยบายจะลดค่าเงินในทุกๆประเทศที่พวกเขาเข้ายึดครองได้ เพื่อจะได้ซื้อสินค้ากลับประเทศในราคาถูกลง โดยใช้กองทหารไปบีบนำร่อง
... มากไปกว่านั้น เยอรมันนาซียังได้ส่งคนของตัวเองจากเยอรมัน เข้ามาเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางของออสเตรียเพื่อควบคุมนโยบายการเงินต่างๆให้สอดคล้องกับประเทศแม่ที่เยอรมัน
... ที่น่าสังเกตและชัดเจนนั่นคือ ผู้ว่าการธนาคารกลางเยอรมันหรือนาย Hjalmar Schacht ที่มีความสนิทสนมอย่างมาก "อเมริกา" เขามาเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินที่ดี ช่วยนาซีด้วย ที่ปัจจุบันพวกเขาก็พยายามทำอยู่ และสอดคล้องกับเรื่องจริงที่ Antoni C Shutton ได้เปิดเผยหลักฐานในภายหลังว่าวอลล์สตรีทนั้นช่วยเหลือทางการเงินกับนาซีมาโดยตลอด ( เพื่อจะหลอกใช้นาซีให้มีความทะเยอทะยานสร้างสงครามทำลายยุโรปจากภายใน เพื่อจะจัดระเบียบอำนาจโลกใหม่หรือ New World Order และขึ้นเป็นมหาอำนาจใหม่แทนทั้งสอง )
... และก่อนหน้านั้น "ทองคำ" ส่วนหนึ่งของออสเตรีย ส่วนหนึ่งได้ถูกเก็บรวบรวมเพื่อจะหนีการยึดปล้นของนาซี โดยมีการส่งไปเก็บไว้ที่ธนาคารกลางอังกฤษ หรือ Bank of England โดยส่งผ่านประเทศเชคโกสโลวาเกียอีกที
... โดยก่อนหน้าการเดินพาเหรดเข้าออสเตรียไม่กี่วัน เยอรมันนาซีก็ได้ส่งคนไปที่ธนาคารชาติของออสเตรียไว้แล้วเพราะรู้ว่าออสเตรียจะต้องเตรียมส่งทองคำหนีออกนอกประเทศ และสุดท้ายนาซีก็ดักยึดได้ทองคำส่วนหนึ่งที่แพ็คหีบห่อพร้อมส่งหนี ที่ในตอนนั้นออสเตรียมีทองคำมากเป็นมูลค่าที่ 100 ล้านดอลล่าร์ ในเวลานั้นคือปี 1938
... สิ่งแรกๆหลังจากการเข้ายึดออสเตรีย นอกจากจะยึดทองคำ , เอาคนไปนั่งเป็นผู้ว่าการธนาคารกลาง และลดค่าเงินชิลลิ่งของออสเตรีย และร่างกฏหมายให้ออสเตรียเป็นจังหวัดหนึ่งของเยอรมันแล้ว เยอรมันยังได้โอนโยกย้ายทรัพย์สินทั้งหมดของธนาคารกลางของออสเตรียมาเป็นของเยอรมันให้หมดโดยเร็ว ในวันที่ 17 มีนาคม 1938
... หลังจากที่ฮิตเล่อร์ทำกับออสเตรีย หลายประเทศก็เริ่มร้อนตัว ก็มีการประชุมระหว่างผู้ว่าการธนาคารชาติของทั่วโลก ที่ก็มีประชุมกันประจำอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เน้นไปที่ "ทองคำ" โดยบอกว่าหลังจากนี้ไป โลกจะเข้าสู่สงครามให้ธนาคารกลางทั่วโลก เร่งสะสมทองคำไว้ให้มากที่สุด และจากนั้นวันเดียวราคาทองคำในตลาดลอนดอนก็พุ่งทะลุฟ้าทันที
... และหลังจากนั้นสงครามโลกครั้งที่สองก็ลุกลามต่อไป พร้อมการสะสมทองคำ และการโยกย้ายทองคำหนีนาซีไปเก็บไว้ที่อังกฤษและอเมริกา จนถึงปัจจุบัน ที่แค่บางประเทศทวงคืนสำเร็จ แต่ส่วนใหญ่ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ยังไม่คืนทองคำกลับคืนประเทศเหล่านั้นแต่อย่างใด
หนังสือ Chasing Gold, The incredible story of how the Nazis stolen Europe's bullion โดย George M. Taber
Cr.Jeerachart Jongsomchai
บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman