ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปรับตัวลดลงในวันจันทร์ หลังนักลงทุนบางส่วนเทขายทองคำซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อล็อกกำไรจากราคาที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ก่อน โดยได้รับแรงกดดันจากการที่สหรัฐฯ ประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าบางรายการจากจีน

อาทิ สมาร์ตโฟนและคอมพิวเตอร์

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิถุนายน ปรับตัวลง 18.3 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 3,226.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาทะยานขึ้นทะลุระดับ 3,200 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก

นักวิเคราะห์มองว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าบางประเภทจากจีน เป็นปัจจัยหนุนให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมผ่อนคลายลง และกระตุ้นให้นักลงทุนโยกย้ายเงินทุนจากทองคำไปสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เช่น หุ้น

ทั้งนี้ ทองคำยังคงได้รับแรงสนับสนุนในระยะกลางถึงยาวจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลก โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังไม่คลี่คลาย แม้ล่าสุดสหรัฐฯ จะมีท่าทีผ่อนปรนบ้างในบางรายการสินค้า แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ยังยืนยันว่าเตรียมจะประกาศมาตรการภาษีนำเข้าชิปเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มเติมในสัปดาห์นี้

นักวิเคราะห์ระบุว่า การปรับฐานราคาทองคำในระยะสั้นถือเป็นโอกาสสำหรับการเข้าซื้อเพิ่มเติม โดยเฉพาะในภาวะที่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มสะสมทองคำอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันกองทุน ETF ทองคำก็ยังมีเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ล่าสุด โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำปลายปีนี้ขึ้นเป็น 3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยชี้ว่าแรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก และกระแสเงินไหลเข้า ETF ทองคำที่สูงกว่าคาด จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของราคาทองคำในระยะถัดไป