เพราะเชื่อว่า ภาคเกษตรนี่หล่ะครับ จะเป็นภาคส่วนที่จะถูกปฏิรูป และเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แบบล้มล้างของเดิม (Disruption) ในอีกไม่นานต่อจากนี้ .. ดังนั้น ต่อไปนี้ ประเทศใดที่ครอบครองเทคโนโลยีเกษตร ก็จะเป็นผู้นำในการผลิตสินค้าเกษตร
และ อาหาร .. และจากการที่ อุตสาหกรรมอาหาร มีมูลค่าสูงกว่า อุตสาหกรรมพลังงานเสียอีก .. จึงเป็นที่จับตาของใครๆ ก็ตามที่มีวิสัยทัศน์
และจากปัญหาโลกร้อน ภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกษตรกรรมทำได้ยากขึ้น .. ใครที่มีเทคโนโลยีเกษตร หรือ ลงทุนทางด้านนี้ ย่อมมีโอกาสที่จะเป็นผู้นำ .. มาดู 6 เทรนด์ เทคโนโลยีเกษตร ที่ใครๆ ก็ต้องการจับจอง กันนะครับ
(1) เซนเซอร์ และ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง สำหรับไร่นา
เรื่องของไอโอที หรือ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง กำลังจะเข้ามาปฏิวัติโลก มูลค่าของมันมีมากถึง 14.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 450 ล้านล้านบาท .. โอ้ว แม่จ้าว มูลค่ามหาศาลจริงๆ เด้อ .. ซึ่งเกษตรกรรมก็จะได้อานิสงส์ไปด้วย โดยในไร่นาต่างๆ จะมีเซนเซอร์ที่คอยตรวจวัดสภาพแวดล้อมต่างๆ เก็บข้อมูลปัจจัยการเพาะปลูก ส่งขึ้นคลาวด์อินเทอร์เน็ต ช่วยทำให้เกษตรกรรู้ความเป็นไปในไร่นา รู้ว่าควรจะจัดการทรัพยากรต่างๆ อย่างไร จะรดน้ำมากน้อยแค่ไหน ควรจะใช้ปุ๋ยใช้ยาแค่ไหน
(2) เซนเซอร์ และ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง สำหรับจักรกลเกษตร
การติดตั้งเซนเซอร์เข้าไปในจักรกลเกษตรต่างๆ รถแทรกเตอร์ รถเก็บเกี่ยว เครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องตัดหญ้า เครื่องพ่นยา ก็จะทำให้เราสามารถบันทึกข้อมูลกิจกรรมต่างๆ ในไร่นาได้อย่างละเอียด ทำให้ทราบว่า รถแทรกเตอร์ไปทำงานอะไรที่ไหน เมื่อไหร่ บ่อยแค่ไหน ไปพ่นยา พ่นปุ๋ยที่ไหน เมื่อไหร่ ซึ่งก็จะทำให้ทราบว่า พื้นที่แต่ละส่วนย่อยมีลักษณะอย่างไร การติดตั้งเซนเซอร์ในรถพ่นยาปราบวัชพืช จะทำให้พ่นยาที่ตัวต้นวัชพืชได้อย่างแม่นยำ รถเก็บเกี่ยวที่มีเซนเซอร์จะทำให้ทราบว่า พื้นที่ตรงไหนมีผลผลิตมากน้อยแค่ไหน ทำให้ทราบการกระจายผลผลิตในพื้นที่ย่อยๆ ซึ่งจะนำมาสู่การปรับปรุงดิน เพื่อให้เพิ่มผลผลิตในรุ่นต่อไป
(3) โดรน และ เทคโนโลยีตรวจวัดพืช
โดรนสามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งพ่นปุ๋ย พ่นยา และทำแผนที่ผลผลิต ตรวจสอบสภาพและปัจจัยต่างๆ ในไร่นาได้อย่างรวดเร็ว และสามารถทำได้บ่อยๆ ปัจจุบันมีการใช้โดรนบินเพื่อตรวจสอบการเจริญเติบโตของทั้งพืชไร่ พืชสวน ตรวจโรคระบาดต่างๆ อย่างเป็นกิจวัตรไปแล้ว
(4) หุ่นยนต์เกษตร
หลายๆ ประเทศตอนนี้ มีการต้ังเป้าหมายสู่การเป็นประเทศแห่ง "เกษตรอัตโนมัติ" (Automated Agriculture) มีการใช้แรงงานมนุษย์ให้น้อยที่สุด ใช้จักรกล ระบบอัตโนมัติให้มากที่สุด เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ยุโรป ญี่ปุ่น
(5) เทคโนโลยีติดตามพืชผลจากฟาร์ม สู่ โต๊ะอาหาร
จะดีมากเลย ถ้าเราสามารถทราบว่า ตอนนี้มีใครปลูกทุเรียนอยู่กี่ต้น และทุเรียนกำลังจะออกขายกี่ลูก ซึ่งจะทำให้ผลผลิตที่ออกมาสามารถจัดการได้ ไม่ล้นตลาด สามารถกำหนดราคาได้ โดยเราสามารถติดตามได้ตั้งแต่ผลผลิตยังอยู่ในสวน ถุกเก็บเกี่ยว และ กำลังจะถูกขนส่งไปยังที่แห่งใด ไปออกขายที่ไหน มีการถูกซื้อไปหรือยัง .. สามารถตรวจสอบได้ตลอดห่วงโซ่มูลค่า รวมไปถึงมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ ให้มั่นใจได้ว่า ผลผลิตเหล่านั้น มีความความปลอดภัย สามารถบริโภคได้อย่างสบายใจ
(6) เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
ในยุคที่ข้อมูลมีขนาดมหึมา (Big Data) ทั้งข้อมูลสภาพแวดล้อมในฟาร์มของแต่ละฟาร์ม สภาพภูมิอากาศ ปัจจัยการเพาะปลูก สภาพผลผลิต ข้อมูลตลาด ความต้องการของผู้บริโภค ข้อมูลมากมายมหาศาลเหล่านั้นเกินกำลังที่มนุษย์จะวิเคราะห์ไหว เราเลยต้องพึ่งพาจักรกลในการเรียนรู้ และวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ปัญญาประดิษฐ์จะช่วยเราในการตัดสินใจ เมื่อไหร่จะเริ่มหว่านเมล็ดเพาะปลูก จะทำกิจกรรมอะไรเมื่อไหร่ ทำนายสภาพผลผลิต สภาพตลาดให้เรา
อัพเดตความก้าวหน้าทางด้านเกษตรได้ทุกวัน กับ เพจเกษตรอัจฉริยะ ...
https://www.facebook.com/smartfarmthailand/
บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman