บทความครั้งก่อนเขียนเกี่ยวกับ “บิทคอยน์” ที่เปรียบเสมือนพี่ใหญ่ในตลาดเหรียญคริปโต บทความนี้จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆกัน โดยคริปโตเคอเรนซี่อื่นๆทั้งหมด เรียกว่า “Altcoin”
ส่วนตัวแล้วจะดูส่วนแบ่งการตลาดของเหรียญต่างๆ และศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับจุดประสงค์ของเหรียญนั้น เพื่อที่จะดูโอกาสและทิศทางการพัฒนา
ทำไมตนเองถึงมองปริมาณการซื้อ-ขาย เป็นอันดับแรก?
หากเปรียบเทียบว่าเหรียญคริปโตต่างๆเป็นเงิน ที่ไว้ใช้-จ่าย เหมือนเงินจริงๆ สกุลเงินที่มีการใช้หลากหลายได้ทั่วโลก มักจะมีเสถียรภาพ และสภาพคล่องดีกว่า เปรียบเทียบง่ายๆ เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ กับเงินบาทของไทย ดอลลาร์สามารถนำไปแลกได้ทุกประเทศทั่วโลก และในบางประเทศก็สามารถใช้ดอลลาร์ได้เลย แต่เงินบาทไทยนั้นใช้ได้เพียงแค่ในประเทศไทย และหาแลกในประเทศอื่นๆยากกว่าดอลลาร์มาก จุดประสงค์หลักของคริปโตเคอเรนซี่ คือ มีสภาพคล่องสูงกว่าสกุลเงินที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ให้มีการแลกเปลี่ยน และโอนได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่เหรียญคริปโตไม่มีธนาคารกลางเป็นแบ็คอัพ ผู้ถือเหรียญคริปโตจึงต้องรับความเสี่ยงเองทั้งหมด ดังนั้นดิฉันจึงคิดว่าสกุลเงินดิจิตอลที่มีคนใช้มากกว่า จะเกิดการใช้-จ่าย และแลกเปลี่ยนได้มากกว่า อีกทั้งวอลูมที่มากก็อาจจะช่วยทำให้สบายใจได้ในระดับหนึ่งว่า เหรียญคริปโตนั้นสูญค่ายากกว่า
ปีค.ศ. 2017 เป็นปีที่ตลาดเหรียญคริปโตร้อนแรงที่สุด ตั้งแต่ค.ศ. 2009 หากดูสถิติข้อมูลการซื้อ-ขายเหรียญคริปโตของปีที่แล้ว บิทคอยน์ BTC ยังคงรั้งอันดับ 1 ครอบครองส่วนแบ่งในตลาดมากกว่า 30% ด้วยมูลค่าการตลาดถึง 2.16 แสนล้านดอลลาร์ อันดับที่ 2 ตามมาด้วย อีเธอเรียม ETH ที่มีการเติบโตถึง 8800% ในปี 2017 ด้วยมูลค่าตลาด 67,000 ล้านดอลลาร์ อันดับที่ 3 เป็นน้องใหม่มาแรง แทรงคริปโตเคอเรนซี่อื่นๆในช่วงปลายปี 2017 และมีบางวันที่มูลค่าการตลาดสูงกว่าอีเธอเรียม นั้นคือ ริพเพิล XRP โดยวันที่ 31 ธันวาคม 2560 มูลค่าการตลาดของริพเพิลมากถึง 81,000 ล้านดอลลาร์ อันดับที่ 4 บิทคอยน์ เครช BCH กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาบิทคอยน์แยกตัวออกมาทำอีกสกุลเงิน เปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม 2017 แต่สิ้นสุดปลายปี ก็มีมูลค่าตลาดกว่า 55,000 ล้านดอลลาร์ และอันดับที่ 5 ไลท์คอยน์ LTC คู่แข่งของบิทคอยน์ ออกมาเพื่อพิชิตบิทคอยน์ด้วยความเร็วมากกว่า 4 เท่า มีมูลค่าการตลาด 17,000 ล้านดอลลาร์ รองๆลงมาก็ได้แก่ Monero (XMR), Dash (DASH), ZCash (ZEC), IOTA (IOT), Neo (NEO) ฯลฯ
ในปีค.ศ. 2018 ก็มีหลายเหรียญคริปโตเกิดขึ้น และก็มีการเปลี่ยนแปลงส่วนแบ่งการตลาด มีหลายสกุลเงินดิจิตอลที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น แต่อันดับแรกยังคงเป็นของบิทคอยน์ ต่อด้วย อีเธอเรียม เช่นเดิม เหรียญคริปโตที่มาแรงในปีนี้ ได้แก่ EOS, Verge (XVG), Cardano (XDA), Tron (TRX) และในไทยก็คงเป็น JFin Coin มูลค่าการตลาดของเหรียญเหล่านี้น่าสนใจมาก โดยเหรียญเหล่านี้ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สร้างมูลค่าการตลาดเพิ่มขึ้นมาก เช่น Cardano (XDA) ออกมาตอนปลายปี 2017 แต่ปัจจุบันมีมูลค่าการตลาดเกือบ 7,000 ล้านดอลลาร์, EOS ออกมาเมื่อมกราคมที่ผ่านมา เพียงแค่ไม่ถึงเดือน มูลค่าการตลาดของเหรียญ อีโอเอส เคยพุ่งสูงสุดถึง 9,000 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบันมูลค่าการตลาดประมาณ 6-7 พันล้านดอลลาร์ เป็นต้น
ในปีค.ศ. 2017 จำนวนเหรียญคริปโตมีประมาณ 772 สกุล แต่เนื่องจากการเติบโตของตลาดคริปโตที่เพิ่มมูลค่าอย่างรวดเร็วจากเริ่มต้นปี 2017 ด้วยมูลค่าการตลาดเพียง 17,696 ล้านดอลลาร์ มูลค่าสูงสุดในปี 2017 เกือบ 6.3 แสนล้านดอลลาร์ เติบโตเกือบ 3500% จึงเป็นสาเหตุที่ปัจจุบันมีสกุลเงินดิจิตอลเกิดขึ้นมากมาย ช่วงเวลาที่บทความนี้เผยแพร่มีคริปโตเคอเรนซี่ทั้งหมด 1,731 สกุลเงิน และมูลค่าของตลาดคริปโตลดลงเหลือประมาณ 3.6 แสนล้านดอลลาร์ ดังนั้นดิฉันอยากแนะนำนักลงทุนให้ใช้ปริมาณการซื้อ-ขายในการพิจารณา เลือกซื้อเหรียญคริปโต สำหรับนักเก็งกำไรส่วนใหญ่มักจะเลือกเหรียญที่ยังมีราคาต่ำ แต่ควรระมัดระวังในการเลือกเหรียญคริปโตเหล่านั้น หากปริมาณการซื้อ-ขายไม่มาก อาจไม่ดึงดูดการลงทุนและมีโอกาสที่จะหมดมูลค่า บทความถัดไปจะอธิบายถึงอีกเหตุผลที่ตนเองใช้ประกอบในการเลือกเหรียญคริปโต
โดย นิรมล นิตย์นิธิพฤทธิ์ (นักวิเคราะห์การเงิน, Olymp Trade)
บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman