ในสัปดาห์นี้มีเรื่องราวที่น่าตื่นตระหนก แต่คนส่วนใหญ่กลับมองข้ามไป เพราะมัวไปวุ่นวายอยู่กับการต่อว่าด่าทอที่ไร้สาระในสารพัดเรื่อง ซึ่งกำลังกลายเป็นกระแสความชั่วร้ายทีครอบงำสังคมไทยอยู่ในทุกวันนี้
แต่หามีใครออกหน้ารับผิดชอบแก้ไขแต่ประการใด ก็เป็นธรรมดาของยุคตาอยู่ครองเมืองที่อยู่ไปวัน ๆ เพื่อเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และผลประโยชน์ของครอบครัวตนเท่านั้น สังคมและประเทศชาติจะฉิบหายอย่างไรก็ไม่ใช่ธุระที่จะยุ่งเกี่ยวให้เสี่ยงกับความรับผิดชอบตามลีลาเอาตัวรอดของตาอยู่
นั่นคือเรื่องที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่า ในปี 2560 ธนาคารแห่งประเทศไทยมีผลขาดทุน รวม 900,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวในยุคสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งมีการดำเนินคดีจนมีคนติดคุกติดตะรางไปหลายรายแล้ว
หลังจากข่าวคราวปรากฏออกไปก็ไม่มีใครมีความคิดเห็นว่าอย่างไร ไม่มีใครรู้สึกทุกข์ร้อนว่าอย่างไร ไม่มีใครสนใจไต่ถามหาสาเหตุว่าขาดทุนจริงหรือไม่อย่างไร และขาดทุนมาจากเรื่องอะไร ตลอดจนทำไมจึงต้องขาดทุนมหาศาลอย่างนี้
เพราะไม่ว่าองค์กรไหน ๆ ก็ตาม ถ้าหากผลประกอบการขาดทุนแล้ว ก็ต้องถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องแก้ไขอย่างรวดเร็ว ซึ่งการแก้ไขนั้นก็ต้องศึกษาหาสาเหตุและผู้รับผิดชอบที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดการขาดทุน
ก็ต้องบอกให้รู้ความรู้สึกของประชาชนคนหนึ่งว่า การขาดทุนถึง 900,000 ล้านบาทนั้น เป็นการขาดทุนจำนวนมหาศาลที่สุดในการดำเนินงานปกติของทุกองค์กรบนโลกนี้ เป็นเรื่องที่จะปล่อยให้ผ่านเลยตามเลยไปไม่ได้เด็ดขาด
ในอดีตประเทศชาติฉิบหายล่มจมมาครั้งหนึ่งแล้ว นั่นคือมีผู้บริหารในธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังทำการเก็งกำไรค่าเงินบาท ทำความผิดในการปกป้องค่าเงินบาทอย่างร้ายแรง นำเงินทั้งหมดของประเทศชาติไปใช้ในการปกป้องค่าเงินบาท ซึ่งเนื้อหาที่แท้จริงก็คือเอาไปใช้ในการต่อสู้ในเรื่องค่าเงินด้วยความผิดพลาดและโง่เขลา ถึงขนาดที่ใครทักท้วงก็ไม่ฟัง
และรัฐบาลในสมัยนั้นก็หลงผิดคิดว่าคนจบการศึกษาต่างประเทศ แต่งชุดหรูหรา พูดจาภาษาฝรั่ง แล้วจะคิดถูกทำถูกเสมอไป จึงทำความผิดพลาดไม่ฟังคำทีมงานที่ร่วมคิดร่วมสู้กันมา ไปหลงใหลได้ปลื้มกับพวกแต่งตัวหรูหรา ในที่สุดก็ขาดทุนจนหมดตัว และต้องเอาประเทศไปจำนำกับ IMF มิหนำซ้ำยังเอาภาคธุรกิจทั่วประเทศฉิบหายวายวอดตามไปด้วย
ผลขาดทุนในครั้งนั้นมีจำนวนสูงสุดถึง 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งถึงวันนี้ก็ยังชำระหนี้ไม่หมด ทั้งที่ได้จ่ายค่าดอกเบี้ยไปแล้วหลายแสนล้านบาท
ดังนั้น เมื่อมีข่าวการขาดทุนครั้งใหม่อีก 900,000 แสนล้านบาท จึงเป็นเรื่องที่น่าตระหนกตกใจ เพราะถ้าเรื่องนี้เป็นความจริงแล้ว บรรดาคำพูดทั้งหลายที่ว่าเศรษฐกิจดีกำลังเติบโต ก็จะกลายเป็นการหลอกลวงคนไทยที่อำมหิต เพราะความจริงนั้นกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะฉิบหายวายวอดครั้งใหม่
ถึงวันนี้ยังไม่มีคำชี้แจงใด ๆ ของบรรดาผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องเลย ว่าผลขาดทุนดังกล่าวเกิดจากอะไร ทำไมจู่ ๆ ถึงมียอดขาดทุนถึง 900,000 ล้านบาท และผลขาดทุนขณะนี้จะแก้ไขกันอย่างไร
ก็ต้องบอกให้รู้กันทั่วไปว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงมาก และเป็นเรื่องอันตรายร้ายแรงที่สุดของคนไทยและประเทศไทย
ในเบื้องต้นนี้ก็ต้องตั้งข้อสงสัยว่า ผลขาดทุนจำนวนมหาศาลระดับนี้ไม่ใช่ผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติอย่างแน่นอน เพราะถึงจะบริหารแบบย่ำแย่สักแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำให้ขาดทุนขนาดนี้ได้เลย
ผลขาดทุนขนาด 900,000 ล้านบาทนั้น น่าจะมีต้นเหตุมาจากเรื่องเดียวเท่านั้นคือผลขาดทุนจากการเก็งกำไรค่าเงินบาท จากการปกป้องค่าเงินบาท อันเป็นผลมาจากการไม่ลอยตัวค่าเงินบาทตามที่ประกาศไว้ เมื่อ 2 กรกฎาคม 2540
ถ้าข้อสงสัยนี้ถูกต้อง และไม่ป้องกันแก้ไขให้ทันท่วงที เหตุการณ์ยิ่งกว่าปี 2540 ก็คงหลีกเลี่ยงไม่พ้น!
โดย สิริอัญญา
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2561
Cr.ทวีสุข ธรรมศักดิ์
บทความสนับสนุนโดย FXPro
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman