ค่าเงินบาทวันนี้ (27 ส.ค. 2567) เปิดตลาดที่ระดับ 33.99 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งถือว่าอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ 33.98 บาทต่อดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐ และการเคลื่อนไหวของโฟลว์ธุรกรรมน้ำมันดิบ รวมถึงแรงขายสินทรัพย์ไทย
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนจาก Krungthai GLOBAL MARKETS คาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ว่าจะอยู่ระหว่าง 33.90-34.15 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนจาก Krungthai GLOBAL MARKETS ได้กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หรือ sideways ใกล้ระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทแกว่งตัวอยู่ในช่วง 33.96-34.05 บาทต่อดอลลาร์ คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทวันนี้ (27 ส.ค. 2567) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.90-34.15 บาทต่อดอลลาร์
การอ่อนค่าของเงินบาทเกิดขึ้นตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ (XAUUSD) ซึ่งส่งผลให้บางส่วนในตลาดเริ่มทยอยเข้าซื้อทองคำเพิ่มเติม ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่กลับมารุนแรงอีกครั้ง
นายพูนยังคงมีมุมมองว่า ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะผันผวนและอ่อนค่าลงได้อีกเล็กน้อยในช่วงปลายเดือน เนื่องจากแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ของผู้นำเข้า และบรรยากาศในตลาดการเงินที่เริ่มกลับมาสู่ภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ซึ่งอาจส่งผลให้มีแรงขายหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม แม้บรรยากาศในตลาดการเงินจะถูกกดดันจากความกังวลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลาง แต่การปรับขึ้นของราคาทองคำอาจช่วยลดแรงกดดันต่อเงินบาทไม่ให้อ่อนค่าลงมากนัก โดยคาดว่าค่าเงินบาทอาจมีโซนแนวต้านแรกที่ 34.05-34.10 บาทต่อดอลลาร์ และโซนแนวต้านถัดไปที่ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนแนวรับของเงินบาทอยู่ในช่วง 33.75-33.80 บาทต่อดอลลาร์
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับค่าเงินบาทและตลาดหุ้น:
-
ค่าเงินบาท: ยังมีแนวโน้มที่จะผันผวนตามปัจจัยที่ส่งผลกระทบ เช่น แนวโน้มดอกเบี้ยของเฟดและการปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลาย เช่น การใช้เครื่องมือ Options หรือการถือครองสกุลเงินท้องถิ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
-
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: นักลงทุนเริ่มทยอยขายทำกำไรจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นธีม AI และ Semiconductor ก่อนที่รายงานผลประกอบการของ Nvidia จะออกมา ซึ่งทำให้หุ้น Nvidia ลดลง -2.3% ดัชนีหุ้นเทคโนโลยี Nasdaq ปรับตัวลง -0.85% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดลดลง -0.32% โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานอย่าง Exxon Mobil ซึ่งปรับตัวขึ้น +2.1% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
-
ตลาดหุ้นยุโรป: ดัชนี STOXX 600 ย่อตัวลงเล็กน้อย -0.02% ตลาดหุ้นยุโรปเผชิญแรงกดดันจากการขายทำกำไรในหุ้นธีม AI/Semiconductor เช่น ASML ที่ลดลง -2.7% อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น Total Energies ที่ปรับตัวขึ้น +1.1% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ยังคงสูงขึ้น
โดยรวมแล้ว การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากการขายทำกำไรในกลุ่มเทคโนโลยี แต่ยังคงได้รับแรงหนุนจากกลุ่มพลังงานที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันดิบ
ตลาดบอนด์:
- บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 3.81% โดยผู้เล่นในตลาดรอจับตาปัจจัยใหม่ๆ เช่น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ในระยะสั้น บอนด์ยีลด์ระยะยาวอาจเผชิญแรงกดดันหากราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ผู้เล่นในตลาดอาจรอจังหวะให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นก่อนที่จะทยอยเข้าซื้อ (Buy on Dip) และการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์อาจชัดเจนมากขึ้นหลังจากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันที่ 6 กันยายน ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด
ตลาดค่าเงิน:
-
เงินดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 100.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 100.7-100.9 จุด) ได้แรงหนุนจากภาวะปิดรับความเสี่ยงในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และความต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง การเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์อาจยังไม่ชัดเจนจนกว่าจะมีข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า
-
ราคาทองคำ: แม้ว่าจะได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง แต่ราคาทองคำยังเผชิญแรงขายทำกำไรใกล้โซนแนวต้าน และแรงกดดันจากการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี ทำให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.) ย่อตัวลงและแกว่งตัวแถว 2,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ:
-
วันนี้จะมีการติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ข้อมูลตลาดบ้าน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย Conference Board
-
สำหรับไทย จะรอรายงานยอดการส่งออกและนำเข้าสำหรับเดือนกรกฎาคม ซึ่งคาดว่ายอดการส่งออกของไทยอาจโตได้ราว +5% y/y ขณะที่ยอดการนำเข้าจะขยายตัวราว +1.5% y/y
-
การติดตามพัฒนาการของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังคงสำคัญ โดยเฉพาะความเสี่ยงที่อาจลุกลามและบานปลายเป็นสงครามในภูมิภาค ต้องจับตาท่าทีของทางการอิหร่านและพันธมิตร Axis of Resistance
Cr.กรุงเทพธุรกิจ
----------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo