วันนี้ 2 สิงหาคม 2567 ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 35.61 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งทรงตัวเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ โดยทางธนาคารกรุงไทยระบุว่า ข้อมูลการว่างงานและการผลิตของสหรัฐในเดือนกรกฎาคมยังคงแย่ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความผันผวนในตลาด อย่างไรก็ตาม คาดว่าค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.45-35.75 บาทต่อดอลลาร์ในวันนี้
เนื่องจากตลาดจะทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่จะออกมา
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนจาก Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับค่าเงินบาทในวันนี้ โดยค่าเงินบาทเปิดเช้าที่ระดับ 35.61 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดในวันก่อนหน้า และคาดว่าค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.45-35.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยระวังความผันผวนในช่วงที่ตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ
ตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทมีการเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways ใกล้โซนแนวรับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยเคลื่อนไหวในช่วง 35.50-35.63 บาทต่อดอลลาร์ แม้ว่าเงินบาทอาจมีจังหวะแข็งค่าขึ้นไปทดสอบโซนแนวรับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามการปรับตัวลดลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปีของสหรัฐฯ ซึ่งช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวขึ้นไปทดสอบโซนแนวต้านระยะสั้น 2,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้เป็นผลจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาน่าผิดหวัง ทั้งยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตของเดือนกรกฎาคม
อย่างไรก็ดี รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาดทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลงมากกว่าที่เคยประเมินไว้ นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการของหุ้นเทคโนโลยีในธีม AI/Semiconductor ที่ออกมาแย่กว่าคาด ก็ยิ่งกดดันให้บรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ อยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) อย่างชัดเจน
การนี้ทำให้เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น ในขณะที่ค่าเงินเยนญี่ปุ่นที่ถือเป็น Safe Haven ก็แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน นอกจากนี้ ราคาทองคำเริ่มทยอยย่อตัวลง ส่งผลให้เงินบาททยอยอ่อนค่าลงจากโซนแนวรับที่ 35.50 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท มองว่า เงินบาทมีโอกาสที่จะพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้บ้าง โดยโซนแนวรับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ที่ประเมินไว้ก่อนหน้านั้น อาจยังคงเป็นโซนแนวรับในระยะสั้น ตราบใดที่บรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ซึ่งหนุนให้เงินดอลลาร์สามารถแกว่งตัวในกรอบ sideways หรือมีจังหวะแข็งค่าขึ้นได้บ้าง
การประเมินนี้สอดคล้องกับสัญญาณเชิงเทคนิคัลใน Time Frame Daily ที่แสดงว่าเงินบาท (USDTHB) อาจเกิดสัญญาณ RSI Bullish Divergence และมีลักษณะของรูปแบบ Bullish Hammer
อย่างไรก็ตาม หากจะมั่นใจได้ว่าเงินบาทจะพลิกกลับมาอ่อนค่าจากโซนแนวรับดังกล่าว ควรเห็นการอ่อนค่าต่อเนื่องและเหนือระดับ 35.70 บาทต่อดอลลาร์อย่างชัดเจน ซึ่งการเกิดภาพดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นได้หากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน จนทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด (ที่ผู้เล่นในตลาดมองว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยติดต่อกันถึง 5 ครั้ง)
จากการประเมินความอ่อนไหวของค่าเงินบาทในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ จากข้อมูลในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่าเงินบาทอาจมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซน 35.75 บาทต่อดอลลาร์ในกรณีที่ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด และมีโอกาสแข็งค่าทดสอบโซน 35.45 บาทต่อดอลลาร์ในกรณีที่ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด โดยเริ่มต้นที่ระดับ 35.60 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงก่อนรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว
ยังคงมุมมองเดิมว่าเงินบาทมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตามการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท เช่น มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของเฟด ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น เช่น การใช้เครื่องมือ Options หรือสกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) หลังจากผู้เล่นในตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจมีแนวโน้มชะลอตัวลงมากกว่าที่เคยประเมินไว้ จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่ออกมาแย่กว่าคาด นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการของหุ้นในธีม AI/Semiconductor ที่ออกมาแย่กว่าคาด เช่น Qualcomm ที่ลดลง -9.4% ส่งผลให้หุ้นในธีมดังกล่าวปรับตัวลดลง โดยเฉพาะ Nvidia ที่ลดลง -6.7% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -2.30% และดัชนี S&P 500 ปิดตลาดลดลง -1.37%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงกว่า -1.23% หลังจากรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มการเงินและกลุ่มยานยนต์ออกมาแย่กว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลดลงของหุ้นในธีม AI/Semiconductor เช่น ASML ที่ลดลง -2.4% ตามแรงขายหุ้นในธีมดังกล่าวจากฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ในส่วนของตลาดบอนด์ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาแย่กว่าคาดและบรรยากาศในตลาดการเงินที่กลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงได้กดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.97% ซึ่งยังใกล้เคียงกับสิ่งที่เราได้ประเมินไว้ว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจไม่ได้ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่าระดับ 4% ได้อย่างชัดเจน จนกว่าตลาดจะปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดใหม่ เช่น เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ติดต่อกันมากกว่าที่คาดไว้
จากข้อมูลของ CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดคาดหวังว่าเฟดอาจทยอยลดดอกเบี้ยติดต่อกันในอีก 5 การประชุม FOMC หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดออกมาแย่กว่าคาด อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องระวังความเสี่ยงที่ตลาดอาจปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดใหม่ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจอย่างที่กังวล หรือเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในลักษณะดังกล่าว
อนึ่ง บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่ระดับต่ำกว่า 4.00% อาจมีความน่าสนใจในการลงทุนลดลง ทำให้เรามองว่าผู้เล่นในตลาดควรรอ “Buy on Dip” ในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเหนือโซน 4.00%
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์มีการผันผวนในกรอบ sideways โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงในช่วงที่ตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด แต่กลับพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นตามภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ทำให้ผู้เล่นในตลาดต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์อาจถูกจำกัดด้วยการแข็งค่าของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ตามความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน ส่งผลให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถว 104.4 จุด (ในกรอบ 104.1-104.5 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธันวาคม) จะได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จนราคาทองคำปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ไม่สามารถทรงตัวเหนือระดับดังกล่าวได้ ท่ามกลางแรงขายทำกำไรและการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ทำให้ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวแถวโซน 2,490 ดอลลาร์ต่อออนซ์
วันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เดือนกรกฎาคม ซึ่งรวมถึงยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls), อัตราการว่างงาน (Unemployment), และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะทยอยรับรู้ข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ช่วง 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดยังจะจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นปัจจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้พอสมควรในช่วงนี้
Cr.กรุงเทพธุรกิจ
----------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo